ปีศาจในโหมดผู้ล่า (แต้ม)

ปีศาจในโหมดผู้ล่า (แต้ม)

ปีศาจในโหมดผู้ล่า (แต้ม)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ก็ไม่รู้สินะ..ว่าการเดินทางไปสูดบรรยากาศอันแสนอบอุ่น นอนหนุนขอนไม้ใต้ต้นกระบองเพชร เสร็จกิจขี่อูฐชมทะเลทราย ถึงเมืองดูไบ ยูเออี ...เดวิด มอยส์ ป้อนโปรแกรมใดบ้างลงในกล่องเก็บข้อมูลแข้ง "ปีศาจแดง"

แต่ที่แน่ๆ กลับมามอบของฝากให้เหล่าสาวกได้อิ่มอกอิ่มใจ ด้วยชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ 2-0 ถึงถิ่น เซลเฮิร์สท์ พาร์ค

พูดถึง เซลเฮิร์สท์ พาร์ค แล้ว ยังให้ย้อนนึกถึงภาพความทรงจำเก่าแว๊บเข้ามาในมโนสำนึก กับเหตุการณ์กังฟูคิกระฉ่อนโลกของขุนแข้งระดับตำนาน เอริค คันโตน่า

ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 1994-95 ขุนพล "อสูรแดง" ภายใต้บัญชาของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อคราวยังไร้บรรดาศักดิ์อัศวิน กำลังเดินหน้าล่าแต้มเพื่อลุ้นแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน


กังฟูคิกของ เอริค คันโตน่า เมื่อปี 1995

ทริปเยือน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ช่วงมกราอันหนาวเหน็บ "ก็องโต้" ผู้โดนเตะโดนตอดตลอดทั้งเกม พิพากษาคู่กรณีด้วยแข้งอันแข็งกล้ายิ่งกว่าไม้หน้าสาม ก่อนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม

ขณะที่กำลังเดินไปพักสติอารมณ์ยังห้องแต่งตัวในอารมณ์อันร้อนผ่าว ข้างสนาม แม็ทธิว ซิมม่อนส์ แฟนบอลปากมอมตะโกนด่าด้วยวาจาที่ไม่น่าฟัง "ก็องโต้" ผู้ยังครุกรุ่นตบรางวัลด้วยฝ่าเท้าประทับไว้กลางยอดอกเป็นของฝากจากใจ

นั่นเป็นเรื่องเล่าเมื่อคราวอดีต แต่ ณ ปัจจุบัน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค สถานีที่ 27 ในฤดูกาลนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้ขุมกบาล เดวิด มอยส์ ผู้สืบทอด ตกอยู่ในสภาวะปีศาจผู้กระหายแต้มยิ่งกว่าแดร็กคูล่ากระหายเลือด


ฆวน มาต้า เพลเมคเกอร์ผู้มีบทบาทมากสุด

ทัพใหญ่แบบเต็มสูบเท่านั้น คือคำตอบสุดท้ายในการเลือก 11 ผู้เล่นลงสนามหลังได้พักยาวมากว่า 10 วัน จากการไม่มีโปรแกรมแข่งถ้วย เอฟเอ คัพ เหมือนชาวบ้านเค้า หลังต้องกระเด็นตกรอบไปก่อนเวลาอันควร

11 แข้งตัวจริงเหมือนจะโดนในวัยรุ่นในตำแหน่งแนวรุกที่นำทัพโดน รูนี่ย์, "อาร์วีพี", มาต้า และ ยานาไซ แต่อาจขัดใจวัยโจ๋เล็กน้อยเมื่อเหลือบมองคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัยดึก ริโอ - วิดิช ที่มีโอกาสทำให้แนวป้องกันของ "ผีแดง" ได้เสียวตลอดทั้งเกม

เอาเข้าจริงๆ แล้ว 2 ผู้อาวุโสที่กำลังจากไปหลังสิ้นซีซั่นนี้ กลับทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งแม้จะมีช็อตพลาดให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ดีกว่าเมื่อช่วงตอนต้นฤดูกาลเป็นไหนๆ


(จากซ้า) ฟาน เพอร์ซี่, ฆวน มาต้า และ เวย์น รูนี่ย์ 3 แนวรุกมหากาฬ

แดนกลางที่ได้ มารูยาน เฟลไลนี่ กลับมาลงสนามตัวจริงอีกครั้ง หลังพักไปรักษาอาการเจ็บข้อมือมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ลงโชว์ผลงานได้ดีจนได้รับคำชมจากผู้เป็นกุนซือ ผนึกกำลังกับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ได้อย่างลงตัว

ศูนย์กลางตัวขับเคลื่อนเกมยังเป็นหน้าที่ของ ฆวน มาต้า แข้งกระทิงค่าตัวแพงวิ่งฮ้อทั่วสนาม รับส่งบอลร่วมกับ เวย์น รูนี่ย์ และ ยานาไซ ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่ปัญหาคือ บอลไปไม่ถึง ฟาน เพอร์ซี่

ตลอดครึ่งเวลาแรก เกมส่วนใหญ่อยู่ในแดนของ พาเลซ ที่โดนทีมแชมป์ลีก 20 สมัยขึงอยู่หนักพอควร โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงแรก เปอร์เซนต์ครอบครองบอลของ "ผีแดง" ทะลุหลัก 70 แต่ปัญหาก็อย่างที่บอก บอลไม่ถึง "อาร์วีพี" และเสียบอลในพื้นที่สุดท้าย


เฟลไลนี่ โชว์ผลงานได้น่าพอใจ

โดยถ้าหากพิจารณา Befor - After ก่อนไปชุบตัวดูไบ และหลังกลับมา รูปเกมยังคงความเป็น "มอยส์ สไตล์" ไม่หนีไปจากทรงเดิมมากมาย อาจดูดีมีมิติมากขึ้นในการเข้าทำ แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนเป็นสัญญาณดี คือความกระปี้กระเป่าของบรรดานักเตะ ที่ดูเหมือนมีความหิวโหย และกระหายในชัยชนะมากขึ้น

ถือเป็นสูตรสำเร็จของ แมนฯ ยูฯ ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ฉีดยาเร่งให้ลูกทีมเสมอมาแม้ประสบความสำเร็จมาไม่รู้กี่ พ.ศ. ยกตัวอย่างได้จาก ไรอัน กิ๊กส์ ปีก พ่อมดผู้ไม่มีวันยอมแก่ตาย ยังคงความกระหายได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งไฟพะเนียง จนกระทั่งใกล้ถึงวาระสุดท้ายปลายอาชีพค้าแข้ง

ความคงกระพันชาตรีของปีกวัยเก๋า ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยละอ่อน มีโอกาสได้ลงสนามร่วมกับ พอล อินซ์ อดีตแข้งจอมดีเดือดในยุคตั้งไข่ พรีเมียร์ลีก กระทั่งแมตช์ล่าสุด กิ๊กส์ ในวัย 40 กระรัต สร้างความอัศจรรย์ไปทั่วหย่อมหญ้า ด้วยการลงสนามป๊ะแข้งกับ ทอม อินซ์ ลูกชายอดีตรุ่นพี่ในทีม


(ภาพบน) ไรอัน กิ๊กส์ กับ พอล อินซ์ เมื่อฤดูกาล 1993-94 และ กิ๊กส์ กับ ทอม ลูกชาย พอล อินซ์

เชื่อเหลือเกินว่าหาก เดวิด มอยส์ สามารถถ่ายทอดความกระหายในความสำเร็จดังเช่น "เฮียกิ๊กส์" เป็นอยู่ไปสู่นักเตะในทีม ดึงพลังศักภาพของลูกทีมออกมาให้ได้มากที่สุด พร้อมกับแสดงแสนยานุภาพให้เด็กๆ ในคอนโทรลได้ยอมรับในฝีมือของเจ้าตัวว่าเป็นกุนซือที่เก่งที่สุดในปฐพี (ดังเช่น รมต.ชัชชาติ ..ฮ่าๆ) ถึงวันนั้นชีวิตคงสุขสบายกว่านี้เย๊อะ

ที่สำคัญผลการแข่งขันบนสกอร์บอร์ดคงไม่ได้จบเพียงแค่ 2-0 เท่านั้น หากใช้ความละเอียดเข้าว่า ขีดเส้นใต้ตัวโตๆ ในจังหวะเข้าทำดังเช่นเขียนตัวบรรจงให้เต็มบรรทัด ไม่มีอะไรมาฉุดแนวรุกพิฆาตดับเบิ้ลอาร์ "โรบิน + รูนี่ย์" ได้อย่างแน่นอน

ซึ่งก็บังเอิ๊ญ บังเอิญ ที่ทั้งคู่ต่างควงกันตะบันกระสุนใส่ "ปราสาทเรือนแก้ว" ได้ทั้ง 2 นัดเหย้า-เยือนพร้อมหน้ากัน เป็นหนึ่งจุดโทษของ "อาร์วีพี" และ "หมูรูน" ซัดปิดกล่อง สร้างปรากฎการณ์เดจาวูสู่สายตาชาวโลก ต่างไปแค่นาทีที่ยิงเท่านั้นเอง


รูนี่ย์ ซัดประตูสุดสวยปิดกล่องให้ทีมชนะ พาเลซ 2-0 ฉลองสัญญาใหม่

เป็นสัญญาณดีที่ทั้งคู่ช่วยกันผลิตสกอร์ให้กับทีม บุคคลที่น่าสงสารกลายเป็น ชิชาริโต้ คนในมุ้งเดียวกัน แต่ที่สุดแล้วทีมต้องมาก่อน แม้อาจมีอภิสิทธิ์ชนอย่าง รูนี่ย์ เป็นข้อยกเว้น

เจ้าหมู "สุกรโลกันต์" เพิ่งได้รับสัญญาประวัติศาสตร์ยาว ถึงปี 2019 รับเงินค่าเหนื่อยทะลุหลัก 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นที่น่าอิจฉาตาร้อนแก่บรรดาเพื่อนร่วมอาชีพ

สิ่งสำคัญคือการได้ตำแหน่งโคตรมิลเลี่ยนแนร์คนใหม่ของ รูนี่ย์ คงจะไม่กระทบความสัมพันธ์และความสามัคคีภายในทีม ในเมื่อ "ปีศาจ" ตนนี้ กลายสถานะจากผู้ถูกล่ามาเป็นผู้ล่าบ้างแล้ว


เวย์น รูนี่ย์ ต่อสัญญายาวกับทีมถึงปี 2019 พร้อมรับค่าเหลือยเบๆ 3 แสนปอนด์

ผู้ล่าในที่นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสถานะ ขยัน ทุ่มเท และอดทน รวมถึงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีให้คงเส้นคงวาไปตลอดให้ประจักษ์แก่สายตา ในฐานะแชมป์เก่า แม้สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรติดมือเลยก็ตาม

ในเมื่ออันดับ 6 ยังไม่ดีพอถ้าหวังจะไปต่อ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนคือติด 1 ใน 4 ให้ได้เท่านั้นถึงเป็นการจบฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบ



-จ่าตุ๊-


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook