พรีเมียร์ลีก 2012-13 ใคร? อยู่กลุ่มไหน

สุดสัปดาห์นี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี ก็จะได้ฤกษ์ ประเดิมสนามสำหรับฤดูกาล 2012-13 กันแล้ว

เพราะฉะนั้น วันนี้ ก็คงต้องขอดูที่ภาพรวมของศึกพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางใด ด้วยการประเมินแต่ละสโมสร โดยจัดแยกเป็นกลุ่มก้อน ว่าโอกาสของแต่ละทีม น่าจะเป็นอย่างไร ไปติดตามแบบไล่ทีละกลุ่มเลยดีกว่าครับ

ลุ้นแชมป์ : แมนฯ ซิตี้ , แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี

ทีมแชมป์เก่า "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ของโรเบอร์โต้ มันชินี่ ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ช่วงจบฤดูกาลที่แล้ว มีข่าวเยอะมาก ว่าจะ "โละ" นักเตะออกหลายคน และดึงเข้ามาใหม่อีกเยอะ

แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงตอนนี้ คงมีเพียงแค่ลุ้นว่า แดเนี่ยล แอ๊กเกอร์ ที่จะดึงตัวมาจากลิเวอร์พูล จะได้หรือไม่ ส่วนนอกนั้น ก็คงพึ่งพาขุนพลหน้าเดิม ๆ ที่ช่วยกันคว้าแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้วนั่นแหละ ซึ่งดูว่า ศักยภาพของพวกเขา ยังดีพอที่จะป้องกันแชมป์ได้อย่างสบาย ๆ

"ปิศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ของท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นอกจาก ชินจิ คางาวะ แล้ว กับการได้ตัวของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาค่อนข้างแน่ เมื่อไปรวมกับบุคลากรที่มีอยู่แล้ว บวกกับ "กึ๋น" ของท่านเซอร์เฟอร์กี้ ยังไง ปิศาจแดง ก็ถือเป็นคู่ต่อกรของทีมแชมป์เก่าที่สมน้ำสมเนื้อมากที่สุด

"สิงห์น้ำเงินคราม" เชลซี ของกุนซือ โรเบอร์โต้ ดิ มัตเตโอ เสีย ดิดิเยร์ ดร็อกบา ไป แต่ก็ทดแทนด้วยผู้เล่นอย่าง เอด็อง อาซาร์ , มาโก้ มาริน , ออสการ์ และอีกรายที่กำลังตกเป็นข่าวอย่าง ฮัล์ค ถือว่า น่าสนใจมาก

ในขณะที่ขุมกำลังหลักที่ช่วยกันคว้าแชมป์ยุโรป ก็ยังอยู่พร้อมหน้า จึงเชื่อได้เลยว่า หาก 2 ทีมเมืองแมนเชสเตอร์ เผลอเมื่อไหร่ อาจโดนยักษ์ใหญ่ของเมืองหลวงทีมนี้ หยิบชั้นปลามันไปง่าย ๆ เหมือนกัน

ลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก : อาร์เซนอล , สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล

การเสริมผู้เล่นอย่าง ลูคัส โพดอลสกี้ , โอลิวิเยร์ ชิรูต์ และล่าสุด ซานติ คาร์ซอล่า เข้าสู่ทีม ทำให้ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ของอาร์แซน เวนเกอร์ น่าสนใจมาก

แม้หัวหอกตัวสำคัญอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะไม่อยู่กับทีมต่อไปแน่ ๆ ก็ยังเชื่อมั่นว่า ศักยภาพของทีมปืนใหญ่ ดีพอที่จะอยู่ในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างสบาย ๆ

แต่หากหวังจะไปถึงการลุ้นแชมป์ กุนซือ เวนเกอร์ คงต้องปรับปรุงแนวรับของทีม ให้เสียประตูน้อยลงสักหน่อย

"ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ของอังเดร วิลลาส โบอาส มาถึงตอนนี้ ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยนิ่ง เรื่องผู้เล่นว่า ใครจะอยู่ หรือใครจะไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีของ ลูก้า โมดริช หากเสียผู้เล่นรายนี้ไป ถือว่าเสียหายมาก

เพราะ ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท ก็ดูจะพึ่งพาอะไรมากมายนักไม่ได้ เพราะฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอย จึงดูว่า พวกเขาน่าจะมีดีที่สุด ก็คือการลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น

เช่นเดียวกัน สำหรับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของ เบรนดัน ร็อดเจอร์ โอกาสของพวกเขา คงหวังได้อย่างมากเพียงแค่ในกลุ่มลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งดูแล้ว ยากมากซะด้วย

เนื่องเพราะบุคลากรของพวกเขา ยังดูด้อยกว่า อาร์เซนอล และ สเปอร์ส อีกด้วยซ้ำไป แม้จะระดมซื้อผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพอย่างมากมายก็ตามทีเถอะ

ลุ้นโควต้ายูโรป้าลีก : นิวคาสเซิล , เอฟเวอร์ตัน , แอสตัน วิลล่า

ปีที่แล้ว อลัน พาร์ดิว พาทีมนกสาลิกาดง "นิวคาสเซิล" เกาะอยู่ช่วงบนของตาราง จนเกือบได้ลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ปีนี้ โอกาสที่พวกเขาจะบินสูงเหมือนปีก่อน คงเป็นไปได้ยาก เต็มที่ ก็คงทำได้เพียงแค่ลุ้นโควต้ายูโรป้าลีก

ร่วมกับพวกเจ้าประจำอย่าง เอฟเวอร์ตัน ของเดวิด มอยส์ และ แอสตัน วิลล่า ของกุนซือหนุ่มไฟแรง พอล แลมเบิร์ต ที่เสริมทัพได้น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

อยู่สบาย ๆ ไม่ต้องลุ้นอะไร : ฟูแล่ม , สโต๊ค ซิตี้ , ซันเดอร์แลนด์ , เวสต์แฮม

"เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ของมาร์ติน โยล , "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ของโทนี่ พูลิส และ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ของกุนซือมาร์ติน โอนีล มีบุคลากรที่พอใช้ได้ บวกกับประสบการณ์ในการเอาตัวรอด จึงมั่นใจได้เลยว่า พวกเขาจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ

ส่วนทีมน้องใหม่ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ของแซม อัลลาไดซ์ ก็น่าจะเอาตัวรอดได้เช่นกัน ด้วยประสบการณ์อันคร่ำหวอดของบิ๊กแซม บวกกับ ตัวผู้เล่นที่ประสบการณ์ในระดับพรีเมียร์ลีก มีไม่แพ้ทีมใด

ต้องหนีตาย : นอริช ซิตี้ , สวอนซี , เรดดิ้ง , ควีนส์ปาร์ค , เซาแธมป์ตัน , เวสต์บรอมวิช และ วีแกน

ฤดูกาลที่แล้ว "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช , "หงส์ขาว" สวอนซี และ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค รอดตายมาได้ แต่ปีนี้ ความเปลี่ยนแปลงภายในของ นอริช กับ สวอนซี ที่ต้องเสียกุนซือที่พาพวกเขาอยู่รอด จะทำให้สถานการณ์ของพวกเขา คับขันตลอดซีซั่นแน่

ในขณะที่ 2 น้องใหม่อย่าง เซาแธมป์ตัน กับ เรดดิ้ง ก็ดูน่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะบุคลากรของพวกเขา ยังดูด้อยไปนิด

ส่วน เวสต์บรอมวิช กับ วีแกน ก็คงต้องลงมาหนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่ตอนท้ายของตาราง เหมือนทุก ๆ ปี เพียงแต่ว่า พวกเขา มีประสบการณ์ในการดิ้นรนที่เหนือกว่า 5 ทีมข้างต้น จึงอาจจะทำให้พวกเขา มีโอกาสอยู่รอดมากกว่าก็เป็นได้

เริ่มจากวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป จนกระทั่งกลางเดือนพฤษภาคมปีหน้า เรามาติดตามดูกันว่า โฉมหน้าของบอลพรีเมียร์ลีก จะเป็นแบบที่ผมว่าเอาไว้นี้หรือไม่

เรื่องโดย "เฮียนอส"