Zero to Hero

Zero to Hero

Zero to Hero
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : จากนักเตะที่เป็นพวกขี้เลี้ยง, ใจแคบเหลือเกินในการเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้ สเตอร์ริดจ์ แทบจะทำให้พฤติกรรมเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ นับตั้งแต่ตบเท้าเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์ เมื่อ 2 ม.ค. 2013

หากย้อนไปสมัยที่เจ้า "สเติร์ด" ยังคงค้าแข้งอยู่กับ เชลซี ต่างมีเสียงแฟนบอล "สิงห์บลูส์" จำนวนไม่น้อย ต่างก่นด่าว่านักเตะรายนี้เป็นผู้เล่น "ขยะ" แทบไม่ได้ช่วยอะไรต่อทีมเลย แต่จะมีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ล่ะว่าหัวหอกจอมแดนซ์ จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหอกตัวความหวังให้กับ ลิเวอร์พูล

ตัวผู้เขียนยังคงจำเรื่องราวได้ดี เมื่อตอนที่ "สเตอร์ริดจ์" ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ ต้องยอมรับเลยว่าผมก็สงสัยฝีเท้าเจ้าหมอนี่เหมือนกัน หลังจากได้เห็นสาวก "สิงห์บลูส์" ต่างบรรยายสรรพคุณนักเตะรายนี้กันอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเป็นนักเตะที่ไม่มีอะไรเลย !

Glad we sold him. Hes just an average player
ดีใจที่เราขายเขาไปซะได้. เขาก็แค่นักเตะดาดๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง

นี่เป็นเพียงแค่วลีเดียวที่ผมยกเอามาให้ได้เห็น ซึ่งหากเป็นตัวเราโดนคำเย้ยหยันอย่างนี้ มันฟังแล้วดูเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อได้ยิน...

แต่แล้วดูเหมือนคำด่าทอเหล่านั้น เหมือนจะเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้กับ สเตอร์ริดจ์ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ ลิเวอร์พูล ผิดหูผิดตาสมัยที่เล่นอยู่กับ เชลซี อย่างสิ้นเชิง จนกลายมาเป็นนักเตะที่ยิงประตู 20 ลูก เร็วที่สุดของสโมสร ด้วยจำนวนเพียง 26 นัด 

สถิติการถล่มประตู สเตอร์ริดจ์ ตั้งแต่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ...
นับว่าทุกๆการเล่น 83 นาทีภายในลีก เขาจะซัลโว 1 ประตู !


อีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้ฟอร์มของนักเตะรายนี้พุ่งกระฉูดเป็นรถ 300 แรงม้า ก็คือการมีคู่หูนรกแตกอย่าง "คิงหลุยส์" ที่ผู้คนทั่วโลกต่างขนานนามให้ว่า "SAS" (Suarez and Sturridge) ซึ่งทั้งคู่ต่างซัลโวรวมกันไปแล้ว 42 ประตูภายในลีก (ซัวเรซ 24 ประตู, สเตอร์ริดจ์ 18 ประตู) พาทัพ "หงส์แดง" ขึ้นมารั้งจ่าฝูง และยิงเยอะที่สุดภายในลีกอยู่ ณ ขณะนี้

คู่หู "SAS" ยิงรวมกัน 42 ประตู น้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิงทั้งทีมในซีซั่นนี้เพียง 1 ลูก เท่านั้น

สิ่งสุดท้ายที่จะการันตีให้กับตัว "สเตอร์ริดจ์" ว่าเขาไม่ได้เป็นนักเตะเปล่าประโยชน์เหมือนที่แฟนบอลเชลซี เคยกล่าวหาอีกต่อไป ก็คือการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ "FTBpro PFA" เดือนก.พ.ที่ผ่านมา มาครอบครอง ซึ่งรางวัลดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้แฟนๆ คอลูกหนังโดยเฉพาะได้มีส่วนร่วม ซึ่งรางวัลนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักเตะและสโมสรต่างๆ

การได้รางวัลนี้หัวหอกจอมแดนซ์ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะยามที่ ซัวเรซ เกิดปัญหาปืนฝืดยิงไม่ได้เลยทั้งเดือน ก.พ. แต่กระนั้น สเตอร์ริดจ์ คือคนที่ช่วยชุบชีวิตนำ ลิเวอร์พูล อยู่หลายต่อหลายเกม หากจะพูดว่าเขาได้กลายเป็น "ฮีโร่" ให้กับทัพ "หงส์แดง" ผมก็เชื่อมั่นอยู่ไม่น้อยเลยว่าน้อยคนนักที่จะส่ายหน้าปฏิเสธ

สเตอร์ริดจ์ ยิงได้ 5 ประตู จาก 4 นัดพา "หงส์แดง" เก็บชัย 3 นัด เสมอ 1 นัด ไม่พ่ายแพ้ต่อทีมใดเลย !

มันคงจะจริงที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่าหากคุณมี "พรสวรรค์" เพียงน้อยนิด ! จงใช้คำว่า "พรแสวง" เข้ามาหักล้าง เพื่อผสมผสานกันให้ลงตัว และผมว่าขณะนี้ สเตอร์ริดจ์ เขากำลังทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นเป็นประจักษ์ ไม่ว่าตอนนี้เขาจะยังเป็น "ซีโร่" หรือ "ฮีโร่" ในความคิดใครหลายๆคน แต่ขณะนี้ "สเติร์ด" กำลังพาทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปลุ้นล่าแชมป์ลีกอีกครั้ง

HaiiHowdy

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook