ปืนแก๊ปพลาสติกไม่มีกระสุน

ปืนแก๊ปพลาสติกไม่มีกระสุน

ปืนแก๊ปพลาสติกไม่มีกระสุน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับทีมใหญ่อีกทีมที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้นอกจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แล้วคงหนีไม่พ้น "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่ชักไม่แน่ใจแล้วว่ายังเป็นปืนใหญ่เหมือนสมัยก่อนหรือเปล่า

เพราะฟอร์มสองนัดแรกของพรีเมียร์ลีกมันไม่ใช่ฟอร์มที่ควรจะเป็นของทีมที่กำลังจะบอกว่าลุ้นโควตาฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลย เป็นฟอร์มของทีมดาดๆ กลางตารางที่เล่นเพื่อเอาคะแนนในการอยู่รอดซะมากกว่าด้วยซ้ำ

อาร์เซนอลในฤดูกาลนี้ถือว่าเสียมากกว่าได้เหมือนทุกฤดูกาลที่ผ่านมาในเรื่องของบาลานซ์การซื้อขายนักเตะ หรือแปลง่ายๆ ก็คือเสียตัวดีๆ ไปมากกว่าการได้ตัวดีๆ เข้ามา จึงเรียกอีกอย่างได้ว่าสมองไหลทุกปีกับลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์

โดยปีนี้เสียทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าปลิดวิญญาณ กับ อเล็กซ์ ซง กองกลางผู้ปิดทองหลังพระ ถึงจะได้ค่าตัวนักเตะทั้งสองคนนี้มามากเพียงใด แต่ก็คงจะไม่สามารถเอาเงินไปทำให้ทีมเล่นได้ดีขึ้น นอกจากตาดีได้นักเตะเก่งๆ เข้ามา

ส่วนกองหน้าที่ได้เข้ามาหลังจากเสีย ฟาน เพอร์ซี่ ก็คือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กับ ลูคัส โพดอลสกี้ ที่ไม่ได้บอกว่าไม่เก่ง แต่ทั้งสองคนไม่เคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลย

เริ่มจากชิรูด์ที่เล่นอยู่ในลีกเอิง กับโพดอลสกี้ที่เล่นอยู่ในบุนเดสลีกาที่มีรูปแบบสไตล์หรือจังหวะของฟุตบอลต่างจากพรีเมียร์ลีกพอสมควร ดังนั้น พอเวลานักเตะจากลีกอื่นย้ายมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการปรับตัวซะก่อน

พออาร์เซนอลขาดกองหน้าที่จะตั้งความหวังในเรื่องการทำประตูอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ ที่ฤดูกาลที่แล้วมากกว่าครึ่งในจำนวนประตูที่ทำได้ทั้งหมดของทีมมาจากตัวเขาคนเดียว

ส่วนที่เหลือนักเตะภายในทีมร่วมด้วยช่วยกันทำประตู ซึ่งจากสถิติเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถ้าอาร์เซนอลไม่มี ฟาน เพอร์ซี่ ย่อมกลายเป็นหายนะในบัดดลเลยทีเดียว

ถึงตอนนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ มีเวลาอีกเพียงแค่สามวันเท่านั้นก่อนที่ตลาดนักเตะช่วงหน้าร้อนจะปิดลงในวันศุกร์ที่ 31 ส.ค. ถ้าไม่ซื้อใครดูแล้วอาร์เซนอลก็คงจะต้องคว้าน้ำเหลวกับการไม่มีอะไรติดไม้ติดมือหลังจบฤดูกาลอีกครั้งแน่นอน

อยู่ที่เวนเกอร์แล้วว่าจะกล้าทุ่มซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมที่มีหลักประกันในเรื่องของโอกาสในการปรับตัวมากกว่านักเตะทั่วไป เพราะยังไงสภาพคล่องทางการเงินของทีมก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ปัญหาของทีมก็คือคนที่ทำฟุตบอลระบบดีในสนามอย่างเวนเกอร์ดันมีจุดอ่อนในเรื่องการซื้อขายนักเตะที่เหมาะไปเป็นพวกฝ่ายขายมากกว่าผู้จัดการทีมฟุตบอล

อย่าลืมว่าอาร์เซนอลไม่ใช่บริษัทขายนักเตะหรือเป็นฟาร์มเพาะนักเตะเก่งๆ เพื่อขายทำกำไร แต่อาร์เซนอลคือหนึ่งในทีมฟุตบอลที่เก่าแก่ทีมหนึ่งในอังกฤษที่ตอนนี้ไม่ได้แชมป์มาเกือบเจ็ดปีแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่เวนเกอร์ต้องกล้าถ้าหวังจะกลับมายิ่งใหญ่คือการทุ่มเงินซื้อนักเตะ หรือมีจุดยืนของตัวเองในการบริหารนักเตะให้จงรักภักดีกับทีมต่อไป ดูอย่างท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นตัวอย่างได้

ถึงตอนนี้ถ้าคิดในแง่ดีก็ต้องบอกว่าอาร์เซนอลเหลือเกมอีก 36 นัดให้แก้ตัว เพราะพรีเมียร์ลีกเพิ่งเปิดฤดูกาล แต่เรื่องที่จะไปหวังชนะนัดที่เหลือทั้งหมดคงเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน

แม้ว่าครั้งหนึ่งอาร์เซนอลจะเคยสร้างสถิติแทบไม่แพ้ใครในลีกสมัยที่มีพวก เธียร์รี่ อองรี อยู่ในทีมต้นยุค 2000 ที่ถือเป็นยุคทองของทีม

สุดท้ายนี้ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของการซื้อนักเตะก็ต้องบอกว่าปืนแก๊ปพลาสติกก็คงจะเป็นปืนแก๊ปพลาสติกวันยังค่ำ ไม่มีทางที่จะไปสู้ทีมอื่นในลีกได้เลย ยิ่งพวกเศรษฐีเงินหนักอย่าง แมนฯ ซิตี้, เชลซี หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย ดูแล้วคงต้องบอกให้แฟนเดอะกันเนอร์ส

ทำใจตั้งแต่ตอนนี้ดีมั้ยครับเนี่ย

เรื่องโดย "หมอเมา"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook