ฟุตบอล : ถ้าไม่ใช่ “บอลโลก 2014” ก็ต้อง “ยูโร 2016”

ฟุตบอล : ถ้าไม่ใช่ “บอลโลก 2014” ก็ต้อง “ยูโร 2016”

ฟุตบอล : ถ้าไม่ใช่ “บอลโลก 2014” ก็ต้อง “ยูโร 2016”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ตอนที่ผมทำการตลาดด้านกีฬาที่ "ทรู วิชั่นส์" และ "แอร์เอเชีย" ประเภทกีฬาที่จัดเป็น "หัวใจ" ในความพยายามเชื่อมโยงโปรดักซ์ของเราเข้าหาก็คือ "ฟุตบอล"

ครับ "ฟุตบอล" เปรียบเสมือน National Game หรือเกมกีฬาแห่งชาติ และเป็นกีฬามวลชน (Mass Sport) ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคอกีฬาติดตามมากที่สุด

ดังนั้น หากองค์กรใดสามารถ "เจาะตลาด" เข้ากลุ่มเป้าหมายฟุตบอลได้ เมื่อนั้นโอกาสในการ "ขยายธุรกิจ" จะค่อนข้างสูง

เช่น สิงห์ และช้าง ในเวทีระดับโลก, ทรู วิชั่นส์ กับลีกฟุตบอลหลักที่มากกว่าใคร, แอร์เอเชีย ที่แตะประมาณ 15 สโมสรในลีกไทยก่อนผมจะออกจากตำแหน่งมา

ยามาฮ่า, ฮอนด้า, 3K แบตเตอรี ที่ไปจับสโมสรใหญ่ของโลกเพื่อโอกาสการทำการตลาดในประเทศไทย, บิ๊ก โคล่า ก็เช่นกัน

ไม่นับ เป๊บซี่ กับนักเตะดัง ๆ เฉพาะอย่างก่อนทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลใหญ่ในรูปแบบ Ambushing Marketing หรือการตลาดที่พยายามขโมยซีนแบบแยบยล เพราะเจาะ "ผู้สนับสนุนหลัก" โค๊ก ซึ่งปูพรมสปอนเซอร์ทุกทัวร์นาเมนท์หลักไปแล้วไม่ได้

ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจครับว่า ทำไม "ฟุตบอล" ในบ้านเรามักจะเป็นข่าวระดับ "เฮดไลน์" มีเรื่องโน้น เรื่องนี้ ให้เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เยอะแยะไปหมด

ซึ่งหากเป็นประเภทกีฬาอื่น "กระแส" คงไม่ได้แรงขนาดฟุตบอล และสิ่งนี้ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นประเทศส่วนใหญ่ในโลกรวมถึง อังกฤษด้วยเช่นกัน

 

ครับ ณ เวลานี้ สิ่งที่ผมเขียนเกี่ยวกับทีมชาติอังกฤษผ่านแคมเปญ "เวิลด์คัพ 2014" นับตั้งแต่เกมมอลโดว่า, ยูเครน, ซาน มาริโน่ และกำลังจะเตะกับโปแลนด์ คือ พัฒนาการทางความคิด และความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่มีต่อทีมชุดนี้ของ รอย ฮอดจ์สัน

ข้อเขียน เช่น เมื่อวานที่เริ่มจะเป็น "โพสิทีฟ" หลังแตะ ๆ ความเป็น "เนกาทีฟ" เรื่องอายุผู้เล่น และความไม่ชัดเจนในเรื่องแผนการทำทีมกระทั่งศึกบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิลอีก 2 ปีข้างหน้ากำลังจะหมดไป

ทั้งนี้ เพราะ "ส่วนผสม" ของทีมชาติชุดนี้ ผมเชื่อว่า "ดีพอ" สร้างความแตกต่างในฟุตบอลทัวร์นาเมนท์ใหญ่ เช่น บอลโลก 2014 หรือยูโร 2016 ได้

เพราะจากที่แจกแจงเมื่อวานเป็น "กลุ่มอายุ" ผู้เล่น 3 ก้อน: 1.ดาวรุ่ง 20 ต้น ๆ หรือต่ำกว่า, 2.แกนรุ่นกลาง อายุ 25 ปีบวก ๆ และ 3.แกนหลักอายุ 30 ปีขึ้นไป

ทีมชุดนี้ หากลิสต์รายชื่อออกมาประมาณ 40 ชื่อ ผมเชื่อว่าจะต้องมีประมาณ 10 รายชื่อเข้าข่าย "เวิลด์คลาส" ทั้งที่เป็นอยู่แล้ว และสามารถพัฒนาไปถึงขั้นนั้นในอีก 2 หรือ 4 ปีข้างหน้าผ่านทัวร์นาเมนท์ใหญ่ 2 ครั้งข้างหน้าได้

ปัญหาจึงน่าจะอยู่เพียง นักเตะชุดนี้ที่จะถูก "กลั่น" ออกมาประมาณ 20 รายชื่อจะเล่นได้ตาม "กลยุทธ์" + แท็คติก และดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาได้เพียงใดเมื่อถึงเวลาจริง

ผมได้ดูทีมอันดับหนึ่งของโลก สเปน "สอนบอล" เบลารุส 4-0 ถึงถิ่นในแมตช์คัดบอลโลกล่าสุดที่ผ่านมา แล้วตั้งคำถามในใจ: อังกฤษสามารถชนะสเปนชุดนี้ได้ไหม?

ก่อนที่จะไปตอบคำถามดังกล่าว ตอน "ยูโร 2012" อังกฤษก็ไม่ได้แพ้ทีมอย่าง อิตาลีในเวลา หนำซ้ำยังชนะได้ในแมตช์อุ่นเครื่องเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาอีกด้วย

กับสเปน ลูกทีมของรอย ฮอดจ์สัน ไม่จำเป็นต้องไป "ต่อบอล" หรือ "ครองบอล" แข่งขันชาบี้ และผองเพื่อนเลยครับ

แค่ใช้ "ตัวจี๊ด" ที่มีมากมาย เช่น วัลคอตต์, เลนนอน, อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน, สเตอริง โดยมีตัววางบอลแม่นอย่าง เจอร์ราร์ด คอยป้อน, รูนีย์คอยสร้างสร้าง หรือเน้นบอลกลางอากาศในจังหวะสำคัญผ่าน คาร์โรลล์ โดยหลังบ้านมีนายทวารที่ไว้ใจได้มากที่สุดในโลกคนหนึ่ง โจ ฮาร์ต

ผมเชื่อว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้!

ประเด็นนั้นอยู่ที่ "ศักยภาพ" และความ "หลากหลาย" ของนักเตะระดับที่สามารถติดทีมชาติอังกฤษ ณ ตอนนี้ประมาณ 40 คนนั้นถือว่า "ครบถ้วน"

จะมี "ขาด" ก็แค่เซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ก็อย่างที่ ฟิล จากิเอลก้า ได้เปรยไว้หลังเกมกับ ซาน มาริโน นะครับว่า การไม่มีเทอร์รี และเฟอร์ดินานด์ ได้สร้างการ "แข่งขัน" และ "โอกาส" ให้เกิดขึ้น

นั่นหมายความว่า จากตำแหน่งที่เคย "การันตี" โดยเฟอร์ดี้ และเทอร์รี หากไม่เจ็บ และติดแบน ตอนนี้ใครก็ได้สามารถแข่งขันเพื่อเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟยืนคู่หน้า โจ ฮาร์ต

แบ็คซ้าย และขวา ก็มีให้เลือกพอควร และก็เหมือนกับทุก ๆ ตำแหน่งที่แทบจะมี "ตัวซ้อน" เป็นสำรองที่ดีไม่แพ้กันหายใจรดต้นคออยู่

เช่น เบนส์ ที่เริ่มประกาศศึกกับแอชลีย์ โคล หรือเวลเบ็ค ที่เล่นดีจนเดอ โฟ หรือคาร์โรลล์ ต้องหนาวว่าใครจะได้ยืนคู่ รูนีย์

และใครจะยืนคู่เจอร์ราร์ด เพราะทั้งคาร์ริค และเคลฟเวอร์รี ต่างทำได้ดี และเจ๋งคนละแบบ ไม่นับตัวเจ็บที่ผมไม่เคยพูดถึงอย่าง สกอตต์ ปาร์คเกอร์ และแจ็ค วิลเชียร์

กล่าวโดยรวม ๆ คือ รอย ฮอดจ์สัน กำลังถือไพ่เป็นนักเตะชั้นยอดอยู่ในมือร่วมครึ่งร้อยที่ผม "เรต" ให้เป็น Golden Generation อีกครั้งของทีมชาติอังกฤษ

ที่ผ่าน ๆ มากว่า 50 ปีที่อังกฤษไม่เคยได้แชมป์รายการใหญ่ใด ๆ เลยนับจาก "บอลโลก 1966" ทัพสิงโตคำรามเองก็ผลิตทีมชาติในเจนเนอเรชั่นต่าง ๆ ได้ดี แต่อาจจะดีไม่พอ และโชคไม่ดีพอเพราะต้อง "อกหัก" จากจุดโทษทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ผมมี "ความรู้สึก" ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะมั่นใจใน "ศักยภาพ" จะเหลือก็แค่ "กลยุทธ์" จาก รอย ฮอดจ์สัน เท่านั้นว่าจะโดน หรือไม่โดน

เอาเป็นว่า หากไม่โดน และดีไม่ทันใช้ ณ บอลโลก 2014, ยูโร 2016 อังกฤษจะเป็นทีมที่น่าจับตามากที่สุดทีมหนึ่งครับ

เรื่องโดย "Kai Mook Dum"

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ ฟุตบอล : ถ้าไม่ใช่ “บอลโลก 2014” ก็ต้อง “ยูโร 2016”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook