ดีพอ ที่พอดี!

ดีพอ ที่พอดี!

ดีพอ ที่พอดี!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : หลายๆ คนมักพูดเสมอนะครับถึงเรื่องของการเดินทางสายกลาง

นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซ...1 ในปัญหาที่ดูจะรุงรังขจัดไม่ออกที่สุดของ ลิเวอร์พูล ก็คือการจบสกอร์ที่หาความเฉียบคมไม่ได้เลย ไล่ตั้งแต่ช่วงเวลาของ รอย ฮอดจ์สัน, เคนนี่ ดัลกลิช เรื่อยมาจนถึง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดร่วมกันของ 2 กุนซือหลังสุดของ "หงส์แดง" อย่าง "คิง เคนนี่" และ "บี-ร็อด" ก็คือปรัชญานั่นเองครับ เพราะทั้งคู่ต่างก็เชื่อมั่นในฟุตบอลเกมรุก มันคือภาพในอุดมคติที่ ดัลกลิช พยายามฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ขณะที่ในรายของ ร็อดเจอร์ส คงเป็นเรื่องที่ตอบยาก ณ เวลานี้

ด้วยความที่บอร์ดบริหาร "เร้ด แมชชีน" ภายใต้การบริหารงานของ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ผลาญเงินไปอื้อซ่าในช่วงขวบปีหลังสุด ไม่ว่าจะเป็น 20 ล้านของ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, 20 กว่าล้านของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, 35 ล้านของ แอนดี้ คาร์โรลล์ ที่นับว่าเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวทั้งหมด

ทำให้ ร็อดเจอร์ส ต้องทำงานภายใต้งบที่ค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย แต่ผลพลอยได้ที่ตามมาอย่างไม่น่าเชื่อก็คือการแจ้งเกิดของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ซูโซ่, จอนโจ้ เชลวี่, อังเดร วิสดอม และคนอื่นๆ อีกมากมาย

เป็นความจริงนะครับ ที่ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ยังอยู่ในช่วงของการเติบโต ถึงแม้จะยังไม่รู้ทราบถึงอนาคตที่แท้จริงว่าจะตอบแทนความไว้วางใจของผู้เพาะเลี้ยงได้หรือไม่ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส พึงกระทำ

คราวนี้เราก็คงต้องมาวัดใจบอร์ดบริหารของ "หงส์แดง" และจอห์น ดับบลิว เฮนรี่ กันแหล่ะครับ ว่าเขาจะมีน้ำอดน้ำทนกับการปลูกต้นไม้โดยยึดคติ "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" ได้หรือเปล่า

คราวนี้เราลองมาวิเคราะห์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล ในชุดนี้กันไปทีละฉากๆ ดีกว่านะครับ เริ่มกันที่ผู้รักษาประตู เราเรียกใช้บริหารของ โฆเซ่ เรน่า กันมาหลายปี และก็อย่างที่เห็นๆ กันว่านายด่านหัวเหม่งทีมชาติสเปนรายนี้ เริ่มมีอาการป้ำๆ เป๋อๆ ออกมาให้เห็นบ้างในช่วงหลัง

จนหลายๆ คนตั้งคำถามว่า...มันถึงเวลาแล้วมั้ยที่จะเปลี่ยน? แต่ผมยังยืนยันนะครับ ว่า เรน่า ยังถือเป็นผู้เล่นชั้นดีที่สุดคนหนึ่งของ "เร้ดแมชชีน" จำนวนประตูที่เสียไปเป็นเข่งๆ ในช่วงหลัง น่าจะมีปมหลักมาจากพื้นที่ตรงส่วนอื่นๆ มากกว่า

ขยับมาที่แผงกองหลังกันบ้าง ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ มาร์ติน สเคอร์เทล และดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ดูจะขึ้นหม้อในตลาดซื้อ-ขายไม่แพ้นักเตะเวิลด์คลาสคนใดในโลกเหมือนกันนะครับ พวกเขาคือคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของ ลิเวอร์พูล แต่ไฉนเลย...ชื่อเสียงเขากลับไม่ได้ช่วยอะไร "หงส์แดง" สักเท่าไหร่ แบบนี้มันแปลว่าอะไรกันแน่

ในความรู้สึกส่วนตัวเลยนะครับ...สเคอร์เทล เป็นกองหลังที่ดี เขามีความดุดัน อ่านเกมเยี่ยม และจะพัฒนาขึ้นไปอีกได้แน่ แต่จุดอ่อนของแนวรับมาดนาซีรายนี้ก็คือชอบ "ประมาท" ครับ ในจังหวะที่ไม่มีอะไร หรือช่วงท้ายเกม บางที สเคอร์เทลจะมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไป และเป็นที่มาของการเสียประตูหลายต่อหลายครั้ง

ถึงขั้นจ่ายให้กองหน้าคู่แข่งไปยิงประตูตัวเองก็มีมาแล้ว!

ประเมินข้อสรุปแบบคร่าวๆ คือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟพอไปวัดไปวาได้ ถ้าคู่นี้ได้ประสานงานกันยาวๆ และไม่มีใครเจ็บเพิ่มไปอีก...ฉะนั้น ปัญหาจริงๆ ของ ลิเวอร์พูล น่าจะอยู่ที่แบ็คหรือเปล่า...ทุกวันนี้ โฆเซ่ เอ็นริเก้, เกล็น จอห์นสัน, อังเดร วิสดอม รวมไปถึงคนอื่นๆ ยังไม่มีใครเลยที่น่าไว้ใจได้สักคน

เกมรับไม่ดี รุกก็ไม่ชัดเจน แถมอ่านจังหวะก็ผิดพลาดบ่อยครั้ง และปล่อยพื้นที่ให้คู่แข่งได้ทะลุไปจนถึงสุดเส้นหลังเพื่อหาโอกาสทำประตูในระยะเผาขนได้เสมอ

ในส่วนของกองกลาง ลิเวอร์พูล ของ ร็อดเจอร์ส มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะในพื้นที่ของปีก ที่แบ่งเบาภาระของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงไปได้เยอะ ทำให้กัปตันไม่ต้องเหนื่อยมากจนเกินไปในวัยที่ค่อยๆ โรยราลงเต็มที

เห็นได้จากการสร้างสรรค์โอกาสหลายๆ ครั้งถือว่าหวังผลได้! เป็นเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่แฟนๆ หลายคนใฝ่ฝันเอาไว้ ซึ่งเมื่อบวกกับการได้เห็นแข้งดาวรุ่งของสโมสรก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดอย่างต่อเนื่อง มันก็ยิ่งทำให้มีความรู้สึกปลาบปลื้มใจขึ้นไปอีก

สำหรับผมแล้ว ปัญหาที่หลักหน่วงสำหรับ "หงส์แดง" จริงๆ ในช่วงนี้เป็นเรื่องของกองหน้าครับ...ใช้แล้วครับกองหน้าเนี่ยแหละ ซึ่งเมื่อเราพูดกันมาถึงจุดนี้ เราก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่า หลุยส์ ซัวเรซ เป็นกองหน้าคนเดียวที่ ลิเวอร์พูล มีอยู่และใช้งานได้ในยุคปัจจุบัน

ในความเป็นอัจฉริยะของ ซัวเรซ มันก็มีจุดอ่อนที่ยังแก้ไม่หายสักทีครับ นั้นคือเรื่องของความคมในการจบสกอร์ ที่พูดโดยสรุปก็คือดูเหมือนจะใช้โอกาสเปลืองเหลือเกิน

บางทีดื้อเกินไป, เล่นยากเกินไป, ใช้ลูกเล่นเดิมบ่อยไป, ขี้เลี้ยงมากไป อะไรต่างๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ "บี-ร็อด" จำเป็นต้องแก้โดยด่วน เพราะถ้าแก้ไม่ได้ บางทีหนทางออกที่น่าเศร้าเพียงหนึ่งเดียวก็คือการต้องหากองหน้าคนใหม่เข้ามาแทน "หม่อมเหยิน" เนี่ยแหละครับ

โค้ชทุกคนมีปรัชญาของตัวเอง ร็อดเจอร์ส ก็มี แถมเป็นฟุตบอลในอุดมคติที่หลายๆ คนเฝ้าฝันอีกต่างหาก แต่แน่นอนครับ นั่นไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จ...

เชราร์ อุลลิเยร์ เคยพยายามสร้าง ลิเวอร์พูล ให้เป็นทีมที่เน้นรับเหนียวแน่น โต้กลับเฉียบคม แต่พอมันไม่สำเร็จ เขาก็เปลี่ยนวิธีด้วยการหันมามุ่งมั่นกับเกมรุก แต่ก็กลายเป็นว่าได้ทำให้หลังโหว่เสียอีก, รอย ฮอดจ์สัน พยายามใช้แท็กติกความแน่นอนเข้าสู้ แต่ ลิเวอร์พูล ชุดนั้นก็กลายเป็นทีมที่ไร้อารมณ์ขัน และขาดเสน่ห์อย่างสิ้นเชิง


เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาฟื้นฟูสปิริตของทีมขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันไม่เพียงพอต่อการคว้าถ้วยแชมป์ เพราะวิ่งสู้ฟัดอย่างเดียว คงเป็นแท็กติกที่ไม่สามารถใช้สู้กับคนอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้

ร็อดเจอร์ส รู้ความต้องการของตัวเองอยู่แล้วว่าอยากจะทำอะไร แต่เขาจะได้โอกาสทำไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือถ้าได้ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่

แล้วเขาจะบริหารความสมดุลของเกมการเล่นในสนามได้ดีเพียงใด เราคงต้องติดตามครับ

เรื่องโดย "ยอดขวัญ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook