วาระแห่งชาติ

วาระแห่งชาติ

วาระแห่งชาติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ภายหลังจากที่ทีมอัครมหาเศรษฐี แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านยำใหญ่ใส่สารพัดจัดหนัก ใส่ผู้มาเยือนอย่าง แอสตัน วิลล่า 5-0 พร้อมกับผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก ในทันที

ในเวลาต่อมา ให้หลังอีกไม่นาน ทีมละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดท่าปราชัยให้กับ นอริช ซิตี้ คู่ต่อกรจากโซนล่างของตาราง 0-1 หยุดความร้อนแรงชนะติดต่อกันในลีกไว้ที่ 5 นัด มอบตำแหน่งจ่าฝูงให้ ซิตี้ ไปโดยปริยาย

พร้อมเพิ่มสถิติเสียประตูให้ทีมฝั่งตรงข้ามก่อนเป็นนัดที่ 8 จากทั้งหมด 12 เกมในลีก ถึงแม้จะสามารถเร่งเครื่องยิงแซงกลับมาเอาชนะได้ 5 จาก 8 นัดดังกล่าว ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะภาคภูมิใจมากมายซักเท่าไหร่

แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ถึงหูครูอังคณา แต่ เซอร์ เฟอร์กี้ ท่าน ผอ. จากแรงเงา เอ้ย!! แห่งค่าย โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คงต้องยกเรื่องเกมรับขึ้นเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป

พูดถึงเรื่อง "วาระแห่งชาติ" ทำให้นึกย้อนกลับมาที่ประเทศไทยบ้านเราที่กำลังขะมักเขม้นทำหน้าที่ต้อนรับแขกวีไอพีระดับโลก ในวาระที่ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (18 พ.ย.) หลังจากเอาชนะการเลือกตั้ง นั่งเก้ากี้ผู้นำเมืองมะกันเป็นสมัยที่ 2

แน่นอนว่าแขกพิเศษระดับนี้ ทุกอย่างย่อมไม่ธรรมดา นอกจากที่ไทยในฐานะเจ้าบ้าน จะเตรียมความพร้อมในเรื่องการคุ้มกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีทีมงานหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของ โอบามา เดินทางล่วงหน้ามาเพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อน 1 สัปดาห์

ทุกอย่างต้องเป๊ะๆ แม้แต่ปืนใหญ่โบราณ ตั้งเด่นเป็นสง่าหน้าทำเนียบฯ ยังต้องตรวจเช็คว่ามีลูกกระสุนจริงพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก พณฯ ท่าน "ตัวเงินตัวทอง" สัตว์เลื้อยคลานประจำถิ่น ที่การ์ด โอบามา นึกว่าเป็น "มังกรโคโมโด" สัตว์ท้องถิ่นของ อินโดนีเซีย ทำเอาตกอกตกใจกันเป็นแถบ

ส่วนอีกหนึ่งวาระ ที่เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ ในการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ทางฝ่ายจัดเตรียมต้อนรับแขกวีไอพีในสายลูกหนัง อย่าง เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธาน "ฟีฟ่า" ที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปิด (18 พ.ย.)

เป็นไงล่ะครับ ประเทศไทย ณ เวลานี้ มีแต่บุคคลระดับโลกมาเยี่ยมเยือน นี่ขนาดยังไม่รวม "ไซ" เจ้าของท้าเต้นควบม้า ในเพลง "กังนัม สไตล์" ที่จะตามเปิดคอนเสิร์ตในช่วงวันลอยกระทง ปลายเดือน พ.ย.นี้

"ท่านมาเราดีใจ ท่านจากไปเราคิดถึง" ในฐานะเปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือน เรามารวมพลังกล่าวคำนี้ให้กับพวกท่านพร้อมกัน 3 ครั้ง ด้วยคำว่า "เยี่ยมจริงๆๆ"

เอาล่ะ วกกลับมาที่สนาม แคร์โรว์ โร้ด กันต่อ ประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้ มาจากลูกโหม่งของ แอนโธนี่ พิลคิงตัน ที่โหม่งผ่านมือ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด นายทวารชาวเดนมาร์ก ที่ลงมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแทน ดาบิด เด เคอา ที่หายตัวลึกลับในเกมนี้

แต่ก็คงไม่ใช่ความผิดพลาดของนายด่านเลือดเดนส์ เพราะวิถีของลูกนั้น ค่อนข้างงามหยาดเยิ้ม หยดย้อย แต่หากจะต้องมีแพะซักคนคงต้องมอบตำแหน่งให้กับ "น้องเล็ก" คริส สมอลลิ่ง ที่ประกบตัวค่อนข้างห่าง ในจังหวะที่โดน พิลคิงตัน วิ่งโฉบไปโหม่งตัดหน้า

อย่างที่เคยบอกไปว่า สมอลลิ่ง ยังอยู่ห่างไกลกับฟอร์มเดิมเพราะพึ่งเรียกความฟิตกลับมาได้ไม่นาน ขณะที่คู่ขาอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่น่าจะเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวความหวังสูงสุดของ แมนฯ ยูฯ ณ ตอนนี้ ก็ไม่ใช่คนเดิมที่จะฝากผีฝากไข้ได้อีกต่อไปในระยะยาว

ส่วน จอนนี่ อีแวนส์ ที่ไม่มีชื่อในเกมนี้ ก็อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ 3 วันดี 4 วันเจ็บ ยังดีที่พอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง ฟิล โจนส์ เรียกความฟิตกลับมามีชื่ออยู่ข้างสนามในเกมนี้แล้ว

12 นัดเสียไปถึง 17 ประตู ผ่านไปเกือบ 1 ใน 3 ของเกมการแข่งขันในลีก ตัวเลขค่อนข้างน่าตกใจ หากจะเทียบกับ 3 ปีหลัง ที่ "ผีแดง" คว้าแชมป์ เสียไปเพียงแค่ 22, 24 และ 37 ประตูตลอดทั้งฤดูกาล (2007-08, 2008-09 และ 2010-11)

แต่ในส่วนของประสิทภาพในเกมรุก แน่นอนมาเป็นอันดับ 1 กดไปแล้วกว่า 29 ประตู จากผู้เล่นทั้งหมด 13 คน

แล้วทำไมสถิติยิงประตูทุกนัด นับจากแพ้ เอฟเวอร์ตัน ในนัดเปิดฤดูกาล มาสิ้นสุดในนัดนี้ คำตอบของสาวก "ปีศาจแดง" น่าจะออกมาในทิศทางเดียวกัน คือ การขาดหายไปของ เวย์น รูนี่ย์ ที่เจ็บจากเกมพลิกชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ฤดูกาลนี้ พ่อน้องไค แม้ว่าจะยิงประตูในลีกได้เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น แต่จากการปรับบทบาทลงมาแดนกลางบ้าง ออกปีกบ้าง เจ้าตัวทำได้ดีเกินคาด มีส่วนช่วยให้เพื่อนร่วมทีมถล่มตาข่ายได้หลายประตูด้วยกัน

ผลกระทบตกมาถึง "อาร์วีพี" เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีมในเวลานี้ ที่ขาดคู่ขาคนรู้ใจประสานงานร่วมกัน แม้จะมี ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ที่เพิ่งกดเบิ้ลจากเกมที่แล้ว อยู่ข้างๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อกรได้เป็นชิ้นเป็นอัน

หลายคนอาจมองว่า ชิชาริโต้ เหมาะสมกับตำแหน่งซูเปอร์ซับ ลงสนามมาเปลี่ยนเกมในภายหลัง มากกว่าเป็นตัวจริง

อีกสาเหตุที่แพ้คงต้องยกความดีความชอบให้กับบรรดาแข้ง "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ที่เล่นด้วยแรงจูงใจอยากจะชนะอดีตทีมที่เคยมาสร้างความเจ็บปวดให้พวกเค้าที่สนามแห่งนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่ ไรอัน กิ๊กส์ ยิงประตูชัยให้ แมนฯ ยูฯ บุกมาเอาชนะ 2-1 ในช่วงทดเจ็บ

3 แต้มในเกมนี้ เพิ่มสถิติให้ นอริช ชนะถึง 4 เกม จาก 6 นัดหลัง ส่งให้พวกเขาขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 13 จากที่ป้วนเปี้ยนอยู่ท้ายๆ ตารางในช่วงต้นฤดูกาล

ถึงอย่างไรเสีย "ผีแดง" ก็ไม่ยอมที่จะเดินเดียวดาย ยังมีคู่แข่งแย่งแชมป์รายสำคัญอย่าง เชลซี ที่สะดุด พลาดท่าเสียทีให้กับ เวสต์บรอวิช ทีมฟอร์มแรง หลังเปิดบ้านคว่ำมหาเศรษฐีรัสเซียไป 2-1

ส่วนวาระแห่งชาติ สุดสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ไม่พูดคงจะเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการเย๊าะเย้ยถากถางจากแฟนบอลอีกฟากฝั่งของท้องฟ้า แน่นอนว่าผมไม่บอกหรอกว่าทีมไหน แต่ที่รู้ๆ คือ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ วีแกน ไป 3-0

ไงล่ะ เจอของย้อนเข้าตัว ทำอะไรไม่ได้แล้วทีนี้ คงต้องก้มหน้ายอมรับความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย ยืนหยัดอยู่บนโลกกลมๆ ที่แสนจะบิดเบี้ยวต่อไป

แต่เดี๋ยวก่อน สาวก "ปีศาจ" ไม่ต้องตกใจ ถึงแพ้นัดนี้ แต่ก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ ไม่ได้อยู่อันดับกลางตาราง ค่อนลงไปทางท้ายซะหน่อย อิ อิ

เรื่องโดย "จ่าตุ๊"

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ วาระแห่งชาติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook