"เอล บอส" คัมแบ็ก

"เอล บอส" คัมแบ็ก

"เอล บอส" คัมแบ็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : เมื่อประมาณ 2 วันก่อน ยังเขียนเรื่องชะตาของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ บน เก้าอี้กุนซือของ เชลซี อยู่ดี ๆ ผ่านมาแป๊ปเดียว อาร์ดีเอ็ม ก็กระเด็นตกเก้าอี้ซะอย่างนั้น หลังทำเชลซี พ่ายยูเวนตุส 0-3 ส่อแววตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เต็มทน

จากความพ่ายแพ้ในนัดดังกล่าว ส่งผลให้โอกาสการเข้ารอบน็อกเอาต์ของ ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ค่อนข้างริบหรี่ เพราะเพียงแค่ในเกมสุด ชัคเตอร์ โดเนสตค์ กับ ยูเวนตุส เสมอกัน ทั้งสองทีมก็จะกอดคอเข้ารอบกันไปทันที ซึ่งต้องยอมรับว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น

แม้ว่า ดิ มัตเตโอ จะเป็นคนนำทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยสุดยอดปราถนาของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซีได้ เมื่อปีก่อน แต่ถ้วยนี้มันก็เหมือนดาบสองคม อาร์ดีเอ็ม อาจจะทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ก็คือการคว้าแชมป์ แต่เขาก็กำลังเป็นคนแรกเช่นเดียวกันที่ทำทีมตกรอบแบ่งกลุ่ม

หลังจากความพ่ายแพ้ นัดนี้ เพียงเช้าต่อมา อบราโมวิช ก็สั่งเด้ง ดิ มัตเตโอ ออกจากตำแหน่งทันที ซึ่งหลายคนก็มองว่าใจร้ายเกินไปหรือเปล่า แต่ก็นี่แหละ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ เทรนเนอร์ของเชลซี โดนปลด เพราะว่าตั้งแต่เขาเข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี เมื่อปี 2003 ดิ มัตเตโอ กลายเป็น เทรนเนอร์ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" รายที่ 8 ที่ต้องออกจากทีม

เคลาดิโอ รานิเอรี่ , โชเซ่ มูรินโญ่ , อัฟราม แกรนท์ , หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ , กุส ฮิดดิงค์ , คาร์โล อันเชล็อตต , อังเดร วิลลาส โบอาส และ ดิ มัตเตโอ 7 ใน 8 โดน "เสี่ยหมี" ปลดออกจากตำแหน่ง จะมีแค่ ฮิดดิงค์ ที่ลาออกไปเอง เนื่องจากภารกิจในฐานะเทรนเนอร์รักษาการณ์ ได้เสร็จสิ้นลง

เมื่อคนเก่าไป ก็ต้องมีคนใหม่เข้ามาแทน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ตัวของ อบราโมวิช นั้น ต้องการดึงตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมือทองผู้พา บาร์เซโลน่า คว้า 14 แชมป์ในช่วง 4 ปี แต่อุปสรรคคือช่วงของเวลา ที่ กวาร์ดิโอล่า นั้นจะพร้อมเต็มที่สำหรับการกลับมา ก็คงต้องเป็นฤดูกาลหน้า

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เกมสำคัญ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็รออยู่ในช่วงสุดสัปดาห์ แล้วใครล่ะที่พร้อมจะมาเป็น เทรนเนอร์ขัดตาทัพของ เชลซี เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเสี่ยหมี แล้วคนที่เขาเลือกยังไงก็ต้องไม่ธรรมดา ซึ่งสุดท้าย กระทาชายนามว่า ราฟาเอล เบนิเตซ คือคนที่ว่านั้น

อันที่จริง ตอนที่ เชลซี สั่งปลดฟ้าผ่า ใส่ อังเดร วิลลาส โบอาส เมื่อปีที่แล้ว ตัวของ เบนิเตซ ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดต เหมือนกัน แต่ว่า ตอนนั้นตัวของ "เอล บอส" ไม่ต้องการเป็นเพียงแค่เทรนเนอร์ขัดตาทัพ แถมฤดูกาลก็ผ่านมาถึงเดือนกุมภาพันธ์แลิว ด้วย ก่อนที่ ดิ มัตเตโอ จะได้รับตำแหน่ง และพาทีม เถลิงบัลลึงก์แชมป์ยโรปได้อย่างพลิกล็อกช็อกโลก

เบนิเตซ เองก็จัดว่ามีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดา เขาเคยพา บาเลนเซีย คว้าแชมป์ ลา ลีกา สองสมัย เหนือทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา รวมทั้งตอนที่มาคุม ลิเวอร์พูล เขาก็พาทีม "หงส์แดง" คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 รวมทั้ง ยกระดับให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัว

ว่ากันว่า ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น ถ้าเปลี่ยนเจ้าของจากสองปลิงมะกัน อย่าง ทอม ฮิคส์ และ ยอร์จ ยิลเล็ตต์ เป็นคนอื่น ที่กล้าทุ่มหน่อย ลิเวอร์พูล คงได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ที่รอคอยไปแล้วก็ได้ แต่นั่นก็เป็นในเงื่อนไขของคำว่าถ้า ซึ่งมันไม่เกิดขึ้นจริง

แน่นอนว่า การเข้ามาของ เบนิเตซ ในคราวนี้ ดูจะไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากบรรดาแฟนบอลเชลซี สักเท่าไหร่ เนื่องจากต้องยอมรับว่า คู่ปรับหมายเลขหนึ่งของ เชลซี ยุค มูรินโญ่ หาใช่ แมนฯยูไนเต็ด หรือ ว่าคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง อาร์เซน่อล

หากแต่เป็น ลิเวอร์พูล ของ เบนิเตซ นี่แหละ ที่คอยเป็นก้างขวางคอชิ้นโตของ เชลซี มาโดยตลอด โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศในปี 2005 และ 2007 ที่ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ของ มูรินโญ่ ต้องหยุดเส้นทางเอาไว้ตรงนี้ถึงสองครั้งสองครา

แต่ถ้ามองในแง่ดี การมาของ "เอล บอส" ในคราวนี้ อาจจะเป็นการคืนชีพ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (2,500 ล้านบาท) ก็ได้ เพราะว่าสถิติชัดเจนว่า สมัยที่เบนิเตซ คุม ลิเวอร์พุล "เอล นินโญ่" ยิงไป 56 ประตู จากการลงสนาม 79 เกม แต่พอ ราฟาไปปุ๊ป เหลือสถิติเพียงแค่ 9 ประตู จาก 23 นัด

น่าลุ้นเหลือเกินครับว่า การกลับมาอังกฤษในคราวนี้ของ "เอล บอส" จะมีบทสรุปเป็นเช่นไร ใครจะรู้บางทีเขาอาจจะทำผลงานดีจน อบราโมวิช ลืม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นได้

เรื่องโดย "The Nut"

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ "เอล บอส" คัมแบ็ก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook