ทีมยอดแย่ครึ่งซีซั่นแรก

ทีมยอดแย่ครึ่งซีซั่นแรก

ทีมยอดแย่ครึ่งซีซั่นแรก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ใกล้จะผ่านพ้นขวบปี 2012 ในอีกไม่กี่อึดใจ เส้นทางสายพรีเมียร์ลีก ก็เดิน ทางจะผ่านครึ่งทางของครึ่งซีซั่นแรกแล้ว

แน่นอนว่าการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ยังคงมองยาก แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแสดงให้เห็นแล้วว่า "มาตรฐาน" สะกดอย่างไร ด้วยการทิ้งห่าง ซิตี้ ศัตรูข้างบ้านไปเบาะๆ ที่ 6 แต้ม บวกกับประตูได้เสียที่ดีกว่า (+19 ต่อ +18) ซึ่งเป็นบทเรียนจากปีก่อนที่เสียแชมป์เพราะกฎข้อนี้

ส่วนพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรปา ลีก ก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจเพราะมีหลายทีมที่แย่งชิงกันยุ่บยั่บกว่าทุกปีทั้ง เชลซี, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล, เอฟเวอร์ตัน, เวสต์บรอมฯ, นอริช ฯลฯ (ขอเว้น ลิเวอร์พูล เพราะตอนนี้ตกไปไกลถึงที่ 12 อีกแล้ว

โซนตกชั้นก็เวียนว่ายกันเหมือนเดิมทั้ง ซันเดอร์แลนด์, เซาธ์แฮมป์ตัน, วีแกน, ควีนส์ พาร์ค และเร้ดดิ้ง โดยมี นิวคาสเซิ่ล ที่ปีนี้ผลงานร่วงกราวมาขอแจมด้วยแบบปลอดภัยแค่ 2 แต้ม มิพักจะมีชื่อของ วิลล่า ที่ล่าสุดดันเหมือนโดนช็อตจากพ่อหนุ่ม เบนเตเก้ เลยได้ไปหายใจเล่นกลางตาราง (สักพัก)

การประกาศรางวัลแข้งยอดเยี่ยมทั้งจากสมาคมนักเตะ และผู้สื่อข่าว อาจจะต้องรอกันจนถึงปลายปีหรือก่อนหน้านั้นสักเล็กน้อยจึงจะพอเห็นหน้าค่าตากันบ้าง เพราะชั่วโมงนี้มีทั้ง ฟาน เพอร์ซี่ ที่เปลี่ยนสีแดง-ขาวเป็นแดงล้วนแล้วก็ยังยิงเป็นว่าเล่น

ซัวเรซ ที่ก้าวขึ้นมาแบก "หงส์แดง" แทนที่ เจอร์ราร์ด แบบเต็มๆ รวมถึงคู่หู มาต้า, อาซาร์ ที่ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งแบบนันสต๊อป หรือจะเป็น กาซอร์ล่า ที่เพิ่งจะซัดแฮตทริกมาหมาดๆ

อันนั้นคงยากเกินไปที่จะคาดเดา แต่ถ้าเป็นพวกแข้งเน่าๆ ที่โชว์ฟอร์มไม่สมราคาล่ะก็ เราพร้อมจะประกาศกัน ณ บัดเดี๋ยวนี้

เริ่มกันที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ไม่มีใครห่วยเกิน อาลี อัล-ฮับซี่ นายด่านโอมาน (โดน ไทยยิง 3-0 กิ้วๆ) ที่ปีก่อนโชว์เทพช่วงครึ่งปีหลังจนพา "ลาติกส์" หนีตกชั้น แถมยังมีข่าวลือกับทาง อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

แต่ไฉนซีซั่นนี้ดันออกทะเลจนเก็บคลีนชีตได้เพียงแค่ 2 จาก 17 เกม พร้อมกับโดนถลุง 32 ตุง เยอะสุดเป็นอันดับ 2 ของลีกเท่ากับ เซาธ์ฯ เป็นรองเพียง เร้ดดิ้ง เท่านั้น

ถัดมาคือดาวเตะเจ้าของฉายา "นิว เปาโล มัลดินี่" ดาวิเด้ ซานตอน ที่แจ้งเกิดอย่างสวยหรูกับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2008 จนพุ่งขึ้นไปติดทีมชาติสู้ศึกคอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ในปีถัดมา

แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยร่วมสังฆกรรมอีกเลย เช่นเดียวกับทัพ "งูใหญ่" ที่โดนปล่อยให้ เชเซน่า ยืมตัว ก่อนจะโยกก้นขาวมายังถิ่นไทน์ไซด์ แต่เหมือนจะยังไม่มีอะไรดีขึ้นโดยเฉพาะปีนี้ที่คู่แข่งลูบปากทุกครั้งที่เจอ ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกหรือรับ น้องต้อน ไม่ได้ให้ความสบายใจแก่กองเชียร์สักอย่าง

ตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ส่งเข้าประกวด 2 หน่อคือ เจมส์ ทอมกินส์ ที่เคยเก่งฉกาจจนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอังกฤษ ตอนที่พา "ขุนค้อน" เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีก

แต่ปัจจุบันกลับโดนไล่ขึ้นไปปักหลักยังกลางสนาม เพราะ อัลลาไดซ์ คงมองออกว่าให้ยืนเฝ้าหน้าบ้านตัวเอง น่าจะสร้างหายนะมากกว่าความปลอดภัย

อีกรายได้แก่ อีบัน รามิส ที่ วีแกน ลงทุนไปดึงมาจาก มายอร์ก้า แต่มาถึงปั๊บก็สร้างเรื่องปุ๊บเมื่อทำผิดพลาดเต็มดอกใน 2 ประตูที่เสียให้กับ เชลซี ในแมตช์เปิดสนาม ก่อนจะต้องรับผิดชอบกับอีก 30 ลูกที่ตามมาหลังจากนั้นด้วย

ทางด้านแบ็กซ้ายคงไม่มีใครเกิน ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ก่อนหน้านี้มีเสียงยกย่องว่าอาจจะแย่งตำแหน่งของ แอชลี่ย์ โคล ทั้งในสโมสรและระดับชาติ

แต่ที่สุดแล้วก็ยังห่างไกล จนล่าสุด ราฟา พยายามจะหาทางแก้ด้วยการดันขึ้นไปเล่นเป็นปีกซ้าย จนได้ห่างไกลแนวรับ พี่แกก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี

ต่อกันที่ตำแหน่งปีกกันบ้าง เริ่มด้วย ฌอน ไรท์-ฟิลิปส์ ผลผลิตจาก แมนฯ ซิตี้ ที่มีความเร็วเป็นจุดขาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทั้ง นีล วอร์น็อค และ มาร์ค ฮิวจ์ส ก็ไม่สามารถจะใช้ประโยชน์ของเขาได้เลย

เพราะการลากเลื้อยที่เคยโดดเด่นโดนคนรุ่นหลังอย่าง อารอน เลนน่อน ทำให้มันโดดเด่นกลบเส้นทางทัพ "สิงโตคำราม" ของเขาหมดแล้ว

อีกรายที่ส่งประกวดจากรั้ว "คิวพีอาร์" ได้แก่กัปตัน พาร์ค ชี-ซอง ที่มักจะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยามที่มีเกมนัดสำคัญรออยู่ ด้วยสไตล์การวิ่งไม่มีหมด ช่วยบดบี้ขยี้แดนกลางของคู่แข่ง

แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้พลังแบบโสมตุ๋นไม่เหลืออีกต่อไป ตอนนี้จึงกลายเป็นแค่ดาวเตะหน้าตี๋ที่ยืนเหมือนปวดขี้ไปวันๆ เท่านั้น


แกรี่ โอนีล เกือบจะรุ่งอยู่แล้วหากไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่ข้อเท้าและร้างสนามไปนาน พอกลับมากลับกลายเป็นแค่ส่วนอะไหล่

โดนทั้ง โมฮาเหม็ด ดิยาเม่, มาร์ค โนเบิล และเควิน โนแลน ยึดพื้นที่ไปหมดแล้ว คงต้องรอโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าแบบเต็มๆ ต่อไปเมื่อตอนนี้ชื่อแรกโดนไข้เดี้ยงไปบ้างเหมือนกัน

มิดฟิลด์อีกรายที่เคยเขย่าเวทีพรีเมียร์ลีกจนสั่นสะเทือนเมื่อปีก่อนคือ สเตฟาน แซสเซอญง ที่ "แมวดำ" ยอมวอดวายกว่า 12 ล้านปอนด์ คว้ามาเติมเต็มเกมรุก

แต่อย่างที่ทราบๆ กันคือนอกจากโรคโฮมซิกแล้ว เจ้าตัวยังไม่อาจสร้างประโยชน์ในการทำประตูให้กับต้นสังกัดเท่าไหร่ เมื่อผลงานมันฟ้องว่า ซันเดอร์แลนด์ ทำเกมรุกน้อยสุดเป็นอันดับ 3 ร่วมของลีกที่ 18 ตุงจาก 17 เกมเท่านั้น

สุดท้ายเป็นตำแหน่งคู่หัวหอกที่แปะป้ายจาก เวสต์แฮม ทั้ง 2 หน่อ ซึ่งก็คือ แอนดี้ แคร์โรลล์ และ โมดิโบ ไมก้า รายแรกแม้ว่าจะเป็นการยืมมาจาก ลิเวอร์พูล (ที่เสียสติซื้อมาตั้ง 35 ล้านปอนด์ เมื่อต้นปี 2011 แล้ว) แต่ก็ไม่ทำให้ความห่วยเกินห้ามใจของ "บิ๊กแอนดี้" หดหายไป

เพราะทั้งๆ ที่สไตล์การเล่นของ บิ๊กแซม เข้ากับความสูงโด่งแล้ว แต่พี่แกก็ยังไม่ผลิตประตูอยู่ดี โดยเพิ่งยิงไปแค่ 1 ตุงจาก 12 เกม แถมถ้าใครได้เห็นคงต้องถามอีกครั้งว่ามันตั้งใจยิงจริงๆ เหรอ

พ่อหนุ่ม ไมก้า หิ้วกระเป๋ามาจาก โซโชซ์ ที่เป็นบ่อกำเนิดของกองหน้าชั้นยอดมากมาย แต่คงต้องขอยกเว้นชื่อแกไว้ เพราะค่าตัว 4.6 ล้านปอนด์ ไม่ใช่ถูกๆ แต่กลับใช้โอกาสไม่คุ้ม

เมื่อได้ลงเล่นแล้วก็ขัดเขินกับลูกฟุตบอลเหลือคณา จนแว่วๆ ว่าจะโดนปล่อยให้ มาร์กเซย เอากลับไปชุบตัวที่แดนน้ำหอมช่วงม.ค.นี้เลยทีเดียว

แค่นี้นะ

เรื่องโดย "มะงิ้ง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook