แชมป์อยู่ที่แมนเชสเตอร์

แชมป์อยู่ที่แมนเชสเตอร์

แชมป์อยู่ที่แมนเชสเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มาถึงตรงนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเหลือทีมที่เป็นแคนดิเดตในการลุ้นแชมป์อยู่เพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น

หลังเชลซี สะดุดเกมตกค้างในบ้านตัวเองกับ เซาแธมป์ตันเมื่อกลางสัปดาห์และคู่ลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ยังเป็นคู่เดิมจากซีซั่นที่แล้วนั่นคือ 2 คู่ปรับจาก แมนเชสเตอร์ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงทีมปัจจุบันกับ แชมป์เก่า อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังมีคะแนนตามหลังทีมสีแดงร่วมเมืองอยู่ 7 คะแนน

สองเกมใหญ่จากสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์แตกต่างไปมากนักเมื่อทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมนำในตารางคะแนนต่างไม่พลาดในการเก็บชัยชนะที่สำคัญ โดย ยูไนเต็ด ลงเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในบ้านตัวเองและเอาชนะคู่ปรับสำคัญลงได้ 2-1 โดยที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกตัวสำคัญของทีมยังเป็นฮีโร่ให้กับทีมเหมือนเดิม

ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงเล่นช้ากว่าก็ทำผลงานไม่น้อยหน้าเมื่อบุกไปอัด อาร์เซนอล ถึง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แม้ว่าจะจบเกมด้วยการเหลือผู้เล่นไม่ครบ 11 คน เหมือนกัน อย่างไรก็ดี ข่าวดีของ ซิตี้ ในช่วงกลางสัปดาห์ก็คือคณะกรรมการด้านวินัยได้รับคำอุทธรณ์และยกเลิกโทษใบแดงของ แว็งซ็องต์ กอมปานี แล้ว และนั่นจะทำให้ปราการหลังกัปตันทีมของพวกเขาจะลงเล่นในเกมกับ ฟูแล่ม ได้ตามปกติ

สุดสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะเล่นกันครบทั้ง 10 คู่ ตามปกติ เพียงแต่จะกระจายเตะเสาร์, อาทิตย์ และ จันทร์ ซึ่งเป็นเกมมันเดย์ไนต์ ขณะที่คืนวันพุธตรงกับบ้านเราประมาณตีสองสี่สิบห้านั้นจะเป็นเกมตกค้างระหว่าง อาร์เซนอล กับ เวสต์แฮม ซึ่งเดิมมีกำหนดจะต้องลงเล่นกันไปตั้งแต่ช่วงบ๊อกซิ่งเดย์ของปีที่แล้ว แต่หากจำกันได้เป็นเพราะในช่วงเวลานั้นมีการนัดหยุดงานของพนักงานขับรถไฟใต้ดินในลอนดอนพอดีทำให้ทางพรีเมียร์ลีกต้องยกโปรแกรมของเกมดังกล่าวมาเตะกันในกลางสัปดาห์นี้แทน

ในวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเล่นกับ ฟูแล่ม ถือเป็นโอกาสดีที่ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะลดช่องว่างจาก 7 เข้ามาให้เหลือเพียง 4 คะแนนก่อนและเมื่อมองดูผู้มาเยือนอย่าง ฟูแล่ม ที่มีผลงานการออกนอกบ้านที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ดูแล้วก็น่าจะเป็นโอกาสที่ ซิตี้ จะเก็บชัยชนะเกมนี้เอาไว้ได้

 

 

 

การได้ กอมปานี กลับมาจากที่จะต้องโดนแบนถือว่าสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นแนวรับที่เล่นได้มั่นคงที่สุดแล้วในทีม แดนกลางขอ ซิตี้ ยังมี ดาวิด ซิลบา ทำเกมเป็นตัวหลัก ขณะที่แดนหน้า เอดิน เชโก้ จะจับคู่กับ คาร์ลอส เตเบซ แม้ว่าหัวหอกอาร์เจนไตน์เพิ่งจะเจอเรื่องปวดหัวนอกสนามหลังโดนห้ามไม่ให้ขับรถเป็นเวลานานถึง 6 เดือน จากการไปใช้ความเร็วเกินขอบเขตกำหนดไปถึงสองเท่า โดยยังต้องจ่ายค่าปรับอีกเป็นเงินกว่า 1,500 ปอนด์อีกด้วย

ด้าน ฟูแล่ม ของ มาร์ติน โยล เพิ่งจะกรำศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์เมื่อกลางสัปดาห์มาแม้ว่าจะชนะ แบล็คพูล จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้ แต่เส้นทางที่รอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าก็คือการเข้าไปชนตออย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ดี โดยเกมกับ แบล็คพูล นั้น กว่าลูกทีมของ มาร์ติน โยล จะเผด็จศึก แบล็คพูล ได้ ก็ต้องไล่ตีเสมอในนาทีสุดท้ายของเวลาปกติก่อนจะมาเฉือนด้วยประตูชัยของเกมในช่วงก่อนหมดเวลา 120 นาทีเพียงนิดเดียวเท่านั้นจากประตูของ เบรเด้ ฮังเกลันด์

เกมนี้โอกาสที่จะได้เห็น ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่, คีแรน ริชาร์ดสัน ลงมาเป็นตัวจริงก็มีไม่น้อยเพราะประสบการณ์ของทั้งคู่น่าจะรับมือกับทีมอย่าง ซิตี้ ได้ดี ขณะที่กองหน้าฝากความหวังไว้กับ ฮูโก้ โรดาเยก้า และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น่าจะได้ลงมาป่วนแนวรับของ “แชมป์เก่า”

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:
เป็นเกมที่ ซิตี้ จะต้องท่องไว้ว่าต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นหากยังคิดจะลุ้นแชมป์อยู่ และดูจากความแข็งแกร่งของพวกเขาก็น่าจะทำได้สำเร็จ แม้ว่าสถิติในการมาเยือน ซิตี้ ของ ฟูแล่ม จะทำได้ดีก็ตาม

ผลการแข่งขันที่คาด:
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ฟูแล่ม 2-0


ยูไนเต็ด อาจจะนำหน้า ซิตี้ อยู่ 4 คะแนนก่อนลงสนามกับ สเปอร์ส ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของพวกเขาว่าจะทำได้ดีแค่ไหนกับทีมที่เคยเอาชนะพวกเขามาแล้วตอนต้นฤดูกาล

 

สเปอร์ส ยังมีความหวังที่จะไปแชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่เต็มเปี่ยมและพวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งไว้รับมือ ยูไนเต็ด ในเกมนี้แม้จะขาดดาวยิงโตโก เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่ไปรับใช้ชาติบ้านเกิดใน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รวมถึง ซานโดร ที่เจ็บลงเล่นเกมนี้ไม่ได้ การขาด อเดบายอร์ อาจจะไม่มีผลกระทบมากนักเพราะอาจจะดัน คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ขึ้นไปยืนหน้าคู่กับ เจอร์เมน เดโฟ ได้ ส่วนกองกลางนั้น สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ที่เจ็บไปก่อนหน้านี้ฟิตพร้อมกลับมาช่วยทีมในเกมนี้ได้พอดี นั่นน่าจะทำให้ สเปอร์ส ของ เอวีบี ไม่ได้ลดความแข็งแกร่งลงเลย

ด้าน ยูไนเต็ด แม้เพิ่งจะลงเล่นเกมเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ มาก็ตามแต่ขุมกำลังของ ยูไนเต็ด มีให้เซอร์ อเล็กซ์ หมุนเวียนใช้งานได้สบายๆ  โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คือศูนย์กลางของ ยูไนเต็ด ในยามนี้อย่างแท้จริงแม้จะมี รูนี่ย์ ที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาได้แล้วก็ตาม

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:
สเปอร์ส เอาชนะ ยูไนเต็ด ในบ้านของตัวเองหนสุดท้ายในลีกเกิดขึ้นนานมาแล้วตั้งแต่ปี 2001ฤดูกาลนี้พวกเขากลับมาเล่นได้ดีและอยู่ในเส้นทางของพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบเต็มตัวเชื่อแน่ว่ากุนซือโปรตุกีสอย่าง เอวีบี จะไม่ให้ลูกทีมเสี่ยงจนเกินไปหากจะเล่นสนุกเอาใจแฟนแต่ไม่มีแต้มติดมือ ขณะที่ ยูไนเต็ด พวกเขาคงเล่นเกมบุกตามสไตล์และหวังว่าความเฉียบขาดกับฟอร์มของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะช่วยบันดาลชัยชนะให้กับทีมได้เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถ้าดูจากฟอร์มในตอนนี้ของทั้งคู่แล้ว สเปอร์ส น่าจะสู้ได้สนุกและยันเสมอแบ่งแต้มจากจ่าฝูงได้สำเร็จ

ผลการแข่งขันที่คาด:
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1

นอกเหนือจากสองคู่ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเกมลอนดอน ดาร์บี้ ระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซนอล อีกหนึ่งคู่ทื่ถือว่าสำคัญและน่าสนใจไม่แพ้กัน ความหวังของทั้งคู่กับการลุ้นแชมป์คงเป็นเรื่องยากแล้วเพราะต่างฝ่ายต่างผลงานไม่สม่ำเสมอนั่นทำให้ทั้งสองทีมต้องหันมาเน้นเก็บคะแนนเพื่อรักษาโอกาสไปเล่นฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแทน

 

เชลซี เพิ่งจะเสมอกับ เซาแธมป์ตัน มาเมื่อกลางสัปดาห์แบบน่าผิดหวัง ขณะที่ อาร์เซนอล เล่นเกมเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์และผ่านด่านของ สวอนซี มาได้ ทำให้สภาพทีมน่าจะไม่ต่างกันมากนัก เชลซี กลับมามีปัญหากับเกมในบ้านยิงประตูได้น้อยและเอาชนะคู่แข่งได้ยากเป็นปัญหาที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องขบคิดและแก้ไข

ด้าน อาร์เซนอล เล่นเกมรุกดี แต่เกมรับก็ไม่ค่อยจะแน่นอน เกมนี้ไม่มี โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ที่ติดโทษแบนทำให้ เพอร์ แมร์เตซัคเคอร์ น่าจะได้ลงมาเล่นคู่กับ โธมัส แฟร์มาเล่น

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:
น่าจะเป็นเกมที่เปิดเกมรุกแลกกันสนุก เชลซี ดูโดยรวมองค์ประกอบแต่ละขุมกำลังแน่นกว่า แต่ อาร์เซนอล เองก็ยอมไม่ได้เหมือนกับสำหรับเกมนี้ น่าจะตัดสินกันที่ความเด็ดขาดในเกมรุกและความผิดพลาดว่าแนวรับของใครจะพลาดน้อยกว่ากัน โอกาสแบ่งแต้มมีสูงแต่หากจะมีผู้ชนะยังน่าจะเป็น เชลซี ที่ดูดีกว่านิดๆ

ผลการแข่งขันที่คาด:
เชลซี ชนะ อาร์เซนอล 2-1



เรื่องโดย : Mark Suradej

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook