“สิ่งแรก” ที่มอยส์ ต้องทำ!

ฟุตบอล : คงจะใช้คำว่า "ผิดหวัง" ไม่ได้นะครับกับคู่ "ปรปักษ์" ตลอดกาล แมนฯยูไนเต็ด ที่พ่ายนัดที่ 10 ในฤดูกาลให้กับเพื่อนบ้าน แมนฯซิตี้ 0-3

และทำให้ ซิตี้ ขยับแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นอันดับ 2 พร้อมกดดันจ่าฝูง เชลซี แบบฝุด ๆ "เต็มตัว" แล้ว

อย่างไรก็ดี คงต้องใช้คำว่า "ไม่ใจ" จะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นอีกครั้งที่คอบอลทั่วโลกได้เห็นทีมปิศาจแดงแบบที่ไม่เหมือน "พลพรรคผี" ที่เราคุ้นเคย

เช่น เสียประตูแรกเร็ว วินาทีที่ 44 หากเป็นสมัยก่อนที่คุ้น ๆ ก็จะถือว่า มีเวลาเหลืออีกตั้งกว่า 89 นาทีให้ทวงประตูคืน และพลิกชนะ

ทว่า ค.ศ.นี้ การเสียเร็วกลับทำให้ เดวิด มอยส์ สารภาพว่า ทำให้ลูกทีมเล่นได้ยากขึ้น และ "ในสนาม" นักเตะเจ้าบ้านก็แสดงให้เห็นแบบนั้นจริง ๆ

ครับ เรื่อง "คิดบวก" แบบนี้ อย่างว่าแต่ "ฟุตบอล" เลยครับ ทุกวงการนั่นแหละจะให้ความสำคัญมาก เพราะแค่ "มุมมอง" ที่เลือกพิจารณาต่างกัน

ขึ้นนำปีศาจแดงเพียง 44 วินาทีแรกของเกม

ชีวิตก็จะ "แตกต่าง" ได้ตามความคิดเหมือนกัน

หรือในแง่ความ "เชื่อมั่น" ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล เดวิด มอยส์ สร้างความฉงนมาหนหนึ่งแล้วด้วยการ "ยอมรับ" ว่า ลิเวอร์พูล เป็น "ทีม Favorite" หรือ "เป็นต่อ" ทั้งที่เล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด

พูดแบบนั้น "ก่อนเกม" ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตนักเตะในสนาม และแฟนบอลที่ตามเชียร์ดีขึ้นก่อนหงส์แดงจะ "สอนบอล" ไปสบายเท้า 3-0 ในศึก "แดงเดือด" ที่ "ง่ายดาย" ที่สุด

หรือง่ายกว่าทุกนัด แม้จะเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลถูก "กดขี่" อยู่ภายใต้ความสำเร็จตลอดกว่า 2 ทศวรรตที่ผ่านมา ก็ไม่มีเกมไหนของหงส์แดง อ่อน "ปวกเปียก" เท่ากับเกมดังกล่าว

แบรนแดน ร็อดเจอร์ส พูดหลังจบเกมนั้นว่า เค้าจะไม่มีวันพูดแบบนั้นกับลิเวอร์พูลในการเจอคู่แข่งที่แอนฟิลด์เด็ดขาด

เพราะนี่คือ "สโมสร" ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในศักดิ์ และศรีของตัวเองซึ่งทั้งผี และหงส์ก็ไม่ต่างกัน

...ย้อนความไปซีซั่นก่อนเล็กน้อย ผมเองเคย "แอบเบื่อ" อยู่เหมือนกันกับคำพูดของ ร็อดเจอร์ส ที่เป็นขั้วตรงข้ามกับมอยส์ชนิดคนละโลก

ครับ ไม่ว่าลิเวอร์พูลจะ "ห่วย" ขนาดไหน ผมไม่เคยได้ยินร็อดเจอร์สพูด "แง่ลบ" ต่อผลงานของทีม หนำซ้ำยังไปสรรหา หรือขุดภาษานักคิดแง่บวกมาจากไหนได้ทุกแมตช์ก็ไม่รู้

ร็อดเจอร์ส มองในแง่บวก กระตุ้นลูกทีมได้เป็นอย่างดี

คำพูด เช่น เรากำลังเรียนรู้, เติบโต, พัฒนา หรือจะไม่ผิดพลาดแบบเดิมอีก และ/หรือ พอใจกับความมุ่งมั่น พยายามของทีม

ทั้ง ๆ ที่แพ้แบบทุเรศ!!!

สิ่งเหล่านี้ มอยส์ไม่มี เช่น ล่าสุดหลังแพ้ซิตี้ เจ้าตัวก็ดันทะลึ่งกล่าวว่า มาตรฐานแบบทีมเรือใบสีฟ้านี่แหละคือสิ่งที่ลูกทีมของเค้าต้องไปให้ถึง

มรึงบ้าไปแล้วมั๊ง! ไม่บอกกรูก็รู้ แต่ของบางอย่าง มรึงไม่พูดจะดีกว่าไหม!?

คนระดับผู้จัดการทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องไม่มี "คำศัพท์" ลักษณะนี้เก็บไว้ในพจนานุกรมคำพูดส่วนตัวครับ

และความคิดเน่า ๆ ว่าเป็นรองคู่แข่ง แถมยังประกาศ "ออกสื่อ" ก่อนเกมคือสิ่งที่ควร "ลบล้าง" เลิกคิดออกจากสมองได้แล้ว

เพราะคิดอย่างไร รู้สึกเช่นไร พูดแบบไหน...คุณก็จะได้แบบนั้นแหละครับ

ผมเองยังรู้สึกเหมือน เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ว่า เดวิด มอยส์ ยังน่าจะได้โอกาสสัก 2-3 ปีก่อน

ขณะเรื่องการ "เติมทีม" ไม่ว่าจะซัมเมอร์นี้ หลังบอลโลก 2014 หรือตอนไหน ๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับ มอยส์ต้องปรับพฤติกรรมการพูด ความคิด และความเชื่อมั่น

ของตัวเอง และลูกทีมให้ได้ก่อนเป็น "อันดับแรก"!!!