ตัวอย่างการซื้อความสำเร็จ...???

ตัวอย่างการซื้อความสำเร็จ...???

ตัวอย่างการซื้อความสำเร็จ...???
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : เห็นข่าวการเชื่อมโยงระหว่างอาร์เซนอลกับสเตฟาน โยเวติช ถ้าเป็นจริงอย่างที่สื่อนำเสนอเอาไว้นั่นทำให้การคาดเดาก่อนหน้านี้มีมูลจริงๆ

เรื่องของเรื่องก็คือ อาร์เซนอลต้องการกองหน้าเข้ามาเพิ่ม และ สเตฟาน โยเวติช คือหนึ่งในเป้าหมาย ทว่าสิ่งที่มีโอกาสทำให้พลาดเป้าก็คือเงินค่าตัว

ฟิออเรนตินาประกาศกร้าวชัดเจนว่าถ้าให้ต่ำกว่า 25 ล้านปอนด์ก็ไม่ต้องเสนอเข้ามาให้เสียเวลา ในขณะที่อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ยังคงชัดเจนในมุมมองของตัวเอง โยเวติช ค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ มากไปกว่านี้คือความพยายามที่จะโก่งราคากันนั่นเอง

เวนเกอร์ไม่เห็นด้วยมาตลอดกับเรื่องค่าตัวนักเตะในตลาดที่เวอร์มากขึ้นทุกวัน นั่นเพราะทีมมีเงินทั้งหลายมีส่วนสำคัญที่ทำให้ค่าตัวที่แท้จริงผิดเพี้ยนไป

อย่างไรก็ตามถ้ายังคงยึดมั่นกับความรู้สึกของตัวเองแบบสุดโต่ง มีโอกาสพลาดได้ตัวนักเตะที่ต้องการก็ได้ เรื่องแบบนี้ตัดสินยากเหมือนกัน เพราะกลไกการตลาดมันมีปัจจัยหลายอย่างเชื่อมโยงกันอยู่

แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ลองเปรียบเทียบตัวเองกับเชลซีก็แล้วกันว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาแตกต่างกันอย่างไร

ฤดูกาล 2003-2004...

เป็นฤดูกาลแรกที่ โรมัน อิบราโมวิช เทคโอเวอร์สโมสรเชลซี เงินเริ่มสะพัดทันทีด้วยการดึง เฮอร์นาน เครสโป 16.8 ล้านปอนด์,เกล็น จอห์นสัน 6 ล้านปอนด์,โคล้ด มาเกเลเล่ 16 ล้านปอนด์ เข้ามาสู่ทีมให้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ใช้งาน แต่เชลซีจบฤดูกาลนั้นด้วยมือเปล่า

อาร์เซนอล เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนั้นพร้อมกับการประกาศว่าจะดึงตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เข้ามาร่วมทีมในเดือนกรกฎาคมด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์

ฤดูกาล 2004-2005...

โจเซ่ มูรินโญ่ เข้ามามีอำนาจในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ การอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดของเชลซียังคงต่อเนื่อง หลักๆเลยได้แก่ อาร์เยน ร็อบเบน 12 ล้านปอนด์,ปีเตอร์ เช็ก 7 ล้านปอนด์และดิดิเยร์ ดร็อกบา 24 ล้านปอนด์

ทุกอย่างเวิร์คมาก เชลซีเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี แถมชนะหงส์แดงในถ้วยลีกคัพอีกด้วย ทางฝั่งอาร์เซนอล ซื้อตัว มานูเอล อัลมูเนีย และ มาติเยอร์ ฟลามินี่ เข้ามาร่วมทีมค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย เวนเกอร์พาทีมเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ

ฤดูกาล 2005-2006...

มูรินโญ่ ดึงตัว เอสเซียง มาจากลียงด้วยค่าตัว 24.4 ล้านปอนด์และยังคงใช้เงินไปอีก 21 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัว ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลงานเชลซียังคงไปได้สวย เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง

อาร์แซน เวนเกอร์ โชว์สายตาที่แหลมคมด้วยการไปซื้อดาวรุ่งอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ เข้ามาเสริมทีมด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมี อาบู ดิยาบี้ และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 2 และ 3 ล้านปอนด์ตามลำดับ จบฤดูกาลด้วยมือที่ว่างเปล่า

ฤดูกาล 2006-2007...

เชลซียังคงไม่สะใจในเรื่องตัวผู้เล่น ข้ามห้วยไปกระชาก แอชลีย์ โคล มาจากอาร์เซนอล 5 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมี อังเดร เชฟเชนโก้ อีก 30 ล้านปอนด์ ดูเหมือนอบราโมวิช จะเป็นคนซื้อมากกว่าเริ่มมีปัญหากับมูรินโญ่ ซาโลมง กาลู เข้ามาสู่ทีมในช่วงนี้เช่นกันด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์

อีกฝั่งของลอนดอนอาร์เซนอลเติม อเล็กซ์ ซง กับ เดนิลสัน เชลซีเป็นแชมปเอฟเอ คัพ และแชมป์ลีกคัพ สำหรับอาร์เซนอลมือเปล่าอีกแล้ว

ฤดูกาล 2007-2008...

บรานิสลาฟ อิวาโนวิช คนโขกประตูชัยในนัดชิงยูโรป้า ลีก ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน เข้ามาร่วมทีมในช่วงนั้นจากทีมโลโคโมทีฟ มอสโกด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์ คนอื่นมี ฟลอร็องต์ มาลูด้า 13.5 ล้านปอนด์,ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ 3.7 ล้านปอนด์และนิโกลาส อเนลก้า 15 ล้านปอนด์

เชลซีจบฤดูกาลโดยไม่มีถ้วยรางวัลอะไรติดไม้ติดมือเลยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 ทั้งแชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ ลีก โดนผีแดงโฉบตัดหน้าไปทั้งหมด ในขณะที่ลีกคัพ ก็เดี้ยงให้กับสเปอร์ส

ฝากฝั่งของอาร์เซนอล เวนเกอร์ เติมเอดูอาร์โดเข้ามา 7.5 ล้านปอนด์,ลูคัส ฟาเบียนสกี้ 2 ล้านปอนด์,บาคารี่ ซานญ่า 6 ล้านปอนด์ ผลงานที่ออกมาหาความสำเร็จไม่ได้

ฤดูกาล 2008-2009...

โจเซ่ โบซิงวา แยกทางกับปอร์โต้ เดินเข้าสู่เชลซีด้วยค่าตัว 16.2 ล้านปอนด์ ในขณะที่ เดโก้ เดินเข้ามาอีกคน ทางอาร์เซนอล เติม ซามีร์ นาสรี่ 12 ล้านปอนด์,อังเดร อาร์ชาวิน 15 ล้านปอนด์,อารอน แรมซีย์ 5 ล้านปอนด์ แถมด้วยซิลแวสต์จากผีแดงอีกคน

ฤดูกาลนั้นของเชลซี บิ๊กฟิล โดนไล่ออกจากตำแหน่ง กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาช่วยงานชั่วคราวรับแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นรางวัลปลอบใจ ในขณะที่อาร์เซนอลเคยชินกับมือที่ว่างเปล่า

ฤดูกาล 2009-2010...

คาร์โล อันเชล็อตติ พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมโดยสโมสรซื้อตัว เนมันย่า มาติช คนที่เล่นให้เบนฟิก้าในนัดชิงยูโรป้า ลีกนั่นแหละ ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ในขณะที่ 18 ล้านปอนด์ใช้ไปกับการซื้อตัว ยูริ เซอร์คอฟ และอีก 3.5 ล้านปอนด์เป็นค่าตัว แดเนียล สเตอร์ริดจ์

อาร์เซนอล เสริมเกมรับด้วยโธมัส แฟร์มาเล่น จากไอแอ๊กซ์ ทว่าภัยแล้งยังคงเล่นงานอย่างต่อเนื่อง

ฤดูกาล 2010-2011...

รามิเรส โยกมาจากเบนฟิก้า 18 ล้านปอนด์ ทว่าไม่มีความสำเร็จอะไร นั่นทำให้อันเชล็อตติ ต้องโดนเด้งออกไป ในขณะที่อาร์เซนอลเสริมเกมรับกันอีก โลร็องต์ คอสเซียลนี่ ถูกเติมเข้ามาด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ ในขณะที่สคิลลาชี่ มาจากเซบีญ่า 3.5 ล้านปอนด์ ความสำเร็จอย่าไปพูดถึงมันเลย (เฟร์นานโด ตอร์เรส 50 ล้านปอนด์ ช่วงกลางฤดูกาล)

ฤดูกาล 2011-2012...

หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ อังเดร วิลลาส โบอาส เข้ามาสร้างโครงการใหม่ให้กับเชลซี ฆวน มาตา 23.5 ล้านปอนด์,โรเมลู ลูคาคู 18 ล้านปอนด์,ธิเบาต์ คูร์กตัวส์ 7 ล้านปอนด์ งานไม่คืบหน้าอย่างที้องการ วิลลาส โบอาส โนเด้ง ดิ มัตเตโอ เข้ามารับหน้าเสื่อ

เหนือความคาดหมาย เชลซีเป็นแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมถ้วยเอฟเอ คัพ อีกใบ ในขณะที่อาร์เซนอลอยู่ในสภาพเดิมๆคือไร้ความสำเร็จ แม้ว่าจะเติม อเล็กซ์ อ๊อกเหลด แชมเบอร์เลน เข้ามา รวมทั้งมิเกล อาร์เตต้า จากเอฟเวอร์ตัน 10 ล้านปอนด์ เกือบลืม ซานโต๊สอีกคน

ฤดูกาล 2012-2013...

เริ่มฤดูกาลได้ไม่นาน ดิ มัตเตโอ โดนเด้งออกไป ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาคุมชั่วคราว และนักเตะหน้าใหม่เดินเข้ามาอีกหลายคนตามที่ทราบกันไป ราฟาพาทีมเป็นแชมป์ยูโรป้า ลีก ในขณะที่อาร์เซนอล ปล่อย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ออกไปจากทีม ซานติ กาซอร์ล่า,ลูคัส โพดอลสกี้,โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างที่ต้องการ ดิ้นรนถึงนัดสุดท้ายกว่าจะได้ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เชลซีมี 11 ถ้วยประดับบารมี(ไม่รวมคอมมิวนิตี้ ชิลด์) ใช้กุนซือไป 9 คน ในขณะที่อาร์เซนอล มีแค่ 2 ถ้วย และเวนเกอร์ ยังคงปักหลักเหมือนเดิม จะยอมทุ่มเงินบ้างหรือเปล่าหรือจะอิดออดเหมือนที่ผ่านมา ลองดูเชลซีก็แล้วกันว่าได้ผลแค่ไหน

เรื่องโดย "ดามัน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook