ย้อนรอย ดราม่า แชมป์ลีกผู้ดี

ย้อนรอย ดราม่า แชมป์ลีกผู้ดี

ย้อนรอย ดราม่า แชมป์ลีกผู้ดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ย้อน 3 เหตุการณ์ "ดราม่า" นัดปิดฉาก "พรีเมียร์ลีก" ก่อนถึง แมตช์ "เดอะ ลาสต์ ซันเดย์" "เรือใบสีฟ้า" หรือ "หงส์แดง" ใครจะ "แชมป์" และใครจะ "ช้ำ"
 
เป็นที่รู้กันว่าฤดูกาล 2013-14 ก็เป็นอีก 1 ปีที่การลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก นั้นต้องวัดกันถึงนัดส่งท้าย ซึ่งคู่ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ตอนนี้ก็คือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะรักใครชอบใครหรือจะแช่งใครก็ตามอำเภอใจเลยนะครับ ใครจะแชมป์ ใครจะช้ำ ก็ติดตามได้ วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมนี้ เวลา 3 ทุ่มตามเวลาบ้านเราเป็นต้นไป
 
ไหนๆ ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่การลุ้นแชมป์ต้องมาวัดกันถึงนัดสุดท้าย ฉะนั้นเราไปย้อนดูกันหน่อยดีกว่าว่าเหตุการณ์ "ดราม่า" ชวนระทึกใจในเกมนัดส่งท้ายฤดูกาลที่ผ่านๆ มานั้นมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นไป...เดี๋ยวเราไม่ว่ากันเลยแล้วกัน
 
ฤดูกาล 1994-95 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ครองบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก
 
 
ใครที่มีหัวใจและเลือดในตัวเป็น "เร้ด เดวิลส์" คงจะจดจำเกมนี้ได้ไม่มีวันลืมเลย โดยก่อนจะเริ่มเตะเกมสุดท้าย "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กำลังรั้งอยู่จ่าฝูงของตาราง แข่ง 41 นัด มี 89 คะแนน ทิ้งห่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เพียง 2 คะแนนเท่านั้น
 
สำหรับ "กุหลาบไฟ" นั้นถือว่างานหนักยักษ์เดียว เพราะว่าต้องบุกไปเยือนลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ส่วน "ปีศาจแดง" นั้นมีคิวบุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ อัพตัน พาร์ค (โบลีน กราวนด์ ปัจจุบัน) ซึ่งเงื่อนไข ณ ขณะนั้นก็คือ หาก แมนฯ ยูไนเต็ด จะเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก พวกเขาต้องบุกชนะ "ขุนค้อน" สถานเดียว และอวยพรให้ แบล็คเบิร์น ไม่ชนะ "หงส์แดง" 
 
และเทวดาฟ้าสวรรค์เหมือนจะเป็นใจให้กับเหล่าทัพ "ปีศาจแดง" ให้เป็นผู้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้น เมื่อ "กุหลาบไฟ" บุกไปพ่าย "หงส์แดง" 1-2 ทำให้ตอนนั้นพวกเขาจะเป็นแชมป์แน่นอน หากเอาชนะ "เดอะ แฮมเมอร์ส" ได้ แต่แล้วเหมือนพวกเขาจะไม่หยิบยื่นเอาสิ่งที่โชคชะตาขีดเอาไว้ให้ เพราะพวกเขานั้นกลับทำได้แค่เสมอกับ เวสต์แฮม 1-1 จึงทำให้พวกเขานั้นต้องนอนฝันร้ายหลายวันหลายคืนเลยทีเดียว
 
ฤดูกาล 1998-99 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก
 
 
 
ในปีนี้ถึงแม้อาจจะไม่ค่อย "ดราม่า" ชวนขุนลุกสักเท่าไหร่ แต่ก็เล่นลุ้นเอาจนเหนื่อยเหมือนกันสำหรับแฟนๆ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยก่อนเกมนัดสุดท้ายนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังรั้งอยู่จ่าฝูงของตาราง แข่ง 37 นัด มี 76 คะแนน ทิ้งห่างรองจ่าฝูง "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล อยู่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
 
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นมีคิวเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ  ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่วน อาร์เซน่อล นั้นก็ได้เล่นในบ้านเช่นกัน โดยเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเงื่อนไขที่ "ปืนใหญ่" จะเป็นแชมป์นั้นพวกเขาต้องเอาชนะ "สิงห์ผงาด" ให้ได้สถานเดียว และแช่งให้ "ปีศาจแดง" ไม่ชนะ "ไก่เดือยทอง" ซึ่งจะเสมอหรือแพ้ก็ได้ 
 
และแล้วช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นเมื่อ สเปอร์ส นั้นบุกมาขึ้นนำได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ก่อน 1-0 ทำให้พวกเขาต้องเจอกับความกดดันอย่างหนัก เพราะ อาร์เซน่อล นั้นได้ยิงขึ้นนำ วิลล่า ไปแล้ว 1-0 แต่แล้วความหวังของแฟนๆ "เดอะ กันเนอร์ส" ก็ต้องมาดับลงสนิท เมื่อ เดวิด เบ็คแฮม และแอนดี้ โคล จัดไปคนละ 1 ตุง ช่วยให้ "ปีศาจแดง" พลิกนรกกลับมาแซงชนะ "ไก่เดือยทอง" เถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก ในที่สุด
 
ฤดูกาล 2011-12 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองบัลลังก์ แชมป์ พรีเมียร์ลีก
 
 
เหตุการณ์ "ดราม่า" ในปีนี้เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วเอง และแน่นอนว่าเหล่าบรรดาสาวก "เร้ด เดวิลส์" ยังคงจำฝันร้ายคราวนี้ได้เป็นอย่างดี โดยปีนั้นเป็นกันขับเคี่ยวระหว่างตัวแทนจากเมือง แมนเชสเตอร์ ด้วยกันเอง ซึ่งก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 
โดยก่อนที่จะถึงเกมที่จะลงเตะนัดสุดท้ายเนี่ยทางฝั่ง "เรือใบสีฟ้า" และ "ปีศาจแดง" นั้นมีคะแนนเท่ากันที่ 86 คะแนน จากการลงเตะ 37 นัด ทว่าทางทีมดังจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม นั้นอยู่เหนือกว่าด้วยลูกประตูได้เสียที่นำอยู่ 8 ประตู ซึ่งเงื่อนไขที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นแชมป์นั้นต้องเก็บชัยชนะเหนือ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด ให้ได้สถานเดียว และแช่งให้ แมนฯ ซิตี้ แค่เสมอกับ ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส ก็เพียงพอแล้ว
 
ซึ่งเริ่มเกมมาเป็นทางฝั่ง "ปีศาจแดง" ที่เป็นฝ่ายโยนความกดดันให้ "เรือใบสีฟ้า" ก่อน เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ สังหารตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำให้กับทีมในนาทีที่ 20 แต่ทาง แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่น้อยหน้าได้ประตูขึ้นนำเหมือนกันในนาทีที่ 39 จาก ปาโบล ซาบาเลต้า จบครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมเป็นฝ่ายขึ้นนำคู่แข่งได้ทั้งหมด ซึ่งหากจบสกอร์นี้ทีมดังแห่ง เอติฮัด สเตเดี้ยม จะยังเป็นแชมป์
 
พอเปิดฉากครึ่งเวลาหลังมาแฟนๆ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงกลับหน้าชา เมื่อ ฌิบริล ซิสเซ่ มาซัดประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับ "คิวพีอาร์" ในนาทีที่ 48 ซึ่งตอนนั้นเนี่ยแฟนๆ ของ "ปีศาจแดง" ก็เริ่มกระโดดโลดเต้นกันแล้ว เท่านั้นยังไม่พออีก 18 นาทีต่อมา แฟนๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ใจกันขึ้นไปอีก เมื่อ เจมี่ แม็คกี้ มาพังประตูที่ 2 ให้ "ทหารเสือราชินี" นำห่างเจ้าบ้านเป็น 2-1
 
พอเวลาดำเนินมาถึงนาทีที่ 89 สกอร์ทั้ง 2 สนามนั้นยังคงเดิม และเชื่อได้เลยว่าตอนนั้นแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด นี่คงดีใจร้องโฮฉลองกันใหญ่โตแล้ว แต่แล้วพวกเขาเหล่านั้นก็เกิดอาการตาค้างขึ้นมาเมื่อ เอดิน เชโก้ ทะยานโขกตีเสมอให้ แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ได้สำเร็จ
 
เกมทำท่าว่าจะจบที่สกอร์นั้น และคงเป็น "ปีศาจแดง" ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่จะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่แล้วจากนั้น 3 นาทีก็เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดขึ้น แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งโลกนั้นกลับต้องสงบนิ่งลงอย่างกับถูกแช่แข็งยังไงยังงั้น เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" กระชากแล้วซัดเต็มข้อตุงตาข่ายให้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส ได้ 3-2 พร้อมกับเถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14
 
 
ผมขอเอาเหตุการณ์ "ดราม่า" นัดส่งท้าย พรีเมียร์ลีก มาฝากเอาไว้เท่านี้แล้วกัน ก่อนที่จะถึงแมตช์ "เดอะ ลาสต์ ซันเดย์" ที่เราจะได้รู้แล้วว่าใครจะเป็นผู้เถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14 ระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
 
***จะรักใครชอบใครก็เชียร์กันไป จะแช่งจะสาปใครก็ตามใจ...ไหนดูซิเกม "เดอะ ลาสต์ ซันเดย์" นั้นจะมีเหตุการณ์ "ดราม่า" เกิดขึ้นหรือไม่กับนัดส่งท้าย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2013-14
 
  เรื่องโดย : HaMu 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook