ระเบิดเวลาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด THE RED DEVILS's TIME BOMB

ระเบิดเวลาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด THE RED DEVILS's TIME BOMB

ระเบิดเวลาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด THE RED DEVILS's TIME BOMB
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : วันนี้ขอเปลี่ยนอารมณ์มาเขียนเรื่องฟุตบอลต่างประเทศบ้าง เป็นเรื่องปัญหาของทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังผ่านพ้นการทัวร์เอเชียไปแล้ว 3 นัด

ซึ่งผลปรากฏว่าแพ้ไปแล้วถึง 2 นัดให้กับทีม สิงห์ออลสตาร์ ของไทย 0-1 และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ของญี่ปุ่น 2-3 โดยชนะได้เพียง 1 เกมเหนือทีม เอลีก-ออลสตาร์ ของออสเตรเลีย ไป 5-1

เรียกได้ว่า แมนฯยูฯ กับ แมนฯซิตี้ ต่างแข่งกันสร้างผลงานย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง ในเกมอุ่นเครื่องพรีซีซั่น เพราะทีม "เรือใบสีฟ้า" เองก็ไปล่องจุ๊นอยู่แถวๆ แอฟริกาใต้ เช่นกันด้วยการแพ้รวด 2 นัดติด

อ่านจากสีหน้าอันตึงเครียดของ เดวิด มอยส์ ระหว่างคุมทีมเผชิญโศกนาฎกรรมที่โยโกฮาม่าแล้ว เหมือนกับจะครุ่นคิดอยู่ในใจว่า "เฮ้!เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุณพาทีมที่มีไอ้หนุ่มพวกนี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ยังไงเนี่ย" ผมเชื่อว่าตอนนี้สถานการณ์ทีม "ปีศาจแดง" เหมือนภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นรอการปะทุ

การสูญเสียบุคคลากรที่มีกึ๋นและบารมีระดับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกไป ยากที่จะหาใครมาทดแทนได้ ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบขุมกำลังกับคู่แข่งอย่าง แมนฯซิตี้, อาร์เซนอล และ เชลซี บอกได้เลยว่า แมนฯยูฯ ไม่มีอะไรที่เหนือกว่าเลยซักนิด ลองมาไล่กันทีละตำแหน่งผู้รักษาประตูอย่าง ดาบิด เด เคอา ยังคงมีปัญหาที่การออกมาตัดลูกโด่งเหมือนเดิม ถึงแม้ฝีมือการเซฟลูกยากๆ จะสุดยอดแค่ไหนก็ตาม

ส่วนแนวรับยังมองไม่เห็นว่าใครจะเป็นแกนหลักได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ น่ะหรือ ไม่ใช่แน่ๆ กาลเวลาได้ดึงเอาความเร็วอันเป็นจุดเด่นของเขาไปแล้ว เนมานย่า วีดิช ก็เจ็บทั้งปีทั้งชาติ จอนนี่ อีแวนส์ สามวันดีสี่วันไข้

ส่วนวิงแบ็คอย่าง ปาตริซ เอฟร่า หรือ ราฟาเอล ก็รั่วเป็นบ่อน้ำมัน เช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์ ที่ยังไม่แกร่งพอจะขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมที่ถูกตั้งความหวังว่าต้องคว้าแชมป์เท่านั้นสมควรแล้วที่ เดวิด มอยส์ จะยังคงถวิลหา เลจ์ตัน เบนส์ ลูกน้องเก่าที่กูดิสัน พาร์ค

แล้วแผงกลางล่ะ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, อันแดร์สันทุกคนเชิงบอลดี แต่การออกบอลยังไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าแค่การจ่ายสลับสั้นและยาว ส่วนการเลี้ยงทะลุทะลวง หรือการจ่ายคิลเลอร์พาสไม่ได้มีให้เห็นมานานแล้ว

เพราะ "ป๋าเฟอร์กี้" ฝังระบบการเล่นเอาไว้เป็นแพทเทิร์นว่าต้องเซ็ตบอลที่แดนกลาง จ่ายออกข้าง แล้วเข้าทำด้วยปีก ซึ่งพวกตัวริมเส้นอย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย หรือ แอชลี่ย์ ยัง หากเล่นได้เหมือนซีซั่นที่แล้วก็น่าเหนื่อยใจ ไรอัน กิ๊กส์ เองในวัย 40 ปีคงคาดหวังอะไรไม่ได้มาก และแน่นอน ชินจิ คางาวะ ก็ต้องเร่งพัฒนาความแข็งแกร่งและสปีดบอลให้มากกว่าเดิม

ตำแหน่งกองหน้าผมมองว่าเป็นเรื่องใหญ่สุดที่อาจจะเป็นเชื้อไฟคอยเผาขาเก้าอี้ทำให้มอยส์ อยู่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ลำบากยิ่งขึ้น เวย์น รูนี่ย์แสดงออกชัดเจนว่าไม่เอา มอยส์ และแน่นอนว่า มอยส์ไม่สามารถดร็อปรูนี่ย์ไว้ที่ม้านั่งสำรองได้แน่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อสปิริตภายในทีม และบรรยากาศก็ย่อมจะมาคุขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งคนที่จะเดือดร้อนในท้ายที่สุดก็จะเป็น มอยส์ เองนั่นแหละ ดังนั้นทางออกก็คือต้องขาย รูนี่ย์ ออกไป เพราะยังมองไม่เห็นเลยว่าทั้งคู่จะกลับมาคืนดีกันได้อย่างไร

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คือกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก แน่นอนไม่มีใครเถียง แต่คู่ขาของเขาล่ะ แดนนี่ เวลเบ็ค? ผมว่าแฟน "ปีศาจแดง" คงมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว

วินฟรีด ซาฮา ก็ต้องพยายามเรียนรู้จาก ฟาน เพอร์ซี่ เยอะๆ ตีตัวออกห่าง "โก๋แดน" เอาไว้เป็นดี เพราะตอนนี้ทั้งหน้าตาและทรงผมก็เริ่มใกล้เคียงกันไปทุกที

สิ่งหนึ่งที่เห็นเด่นชัดในช่วงพรีซีซั่นคือ เดวิด มอยส์ พยายามจะปรับเปลี่ยนระบบการเล่น เพราะทุกประตูที่ทำได้ใน 3 นัดที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากการขึ้นเกมรุกตรงกลางสนามทั้งหมด

ต่างจากสมัยของ "เซอร์เฟอร์กี้" ที่ฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตำแหน่งปีกที่มีหน้าที่คอยป้อนบอลให้กองหน้าทำประตู ซึ่งก็เป็นการเดิมพันที่น่าสนใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นบวกหรือลบกันแน่

หลายๆ คนที่เคยอิจฉา เดวิด มอยส์ คงต้องลองคิดดูใหม่ เพราะมรดกชิ้นนี้ที่ "เซอร์เฟอร์กี้" ทิ้งเอาไว้ให้มองเผินๆ อาจจะเป็นดั่งอัญมณีที่ล้ำค่า ซึ่งสามารถสร้างความมั่งคั่งและชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้ที่ได้รับสืบทอดต่อไป

แต่ทว่า เมื่อนำมาปัดฝุ่นดูดีๆ แล้วอาจจะต้องถึงกับช็อค เพราะว่าถูกผูกเอาไว้ด้วยระเบิดเวลา ที่จะตูมตามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่มีใครรู้

เรื่องโดย "One Man Show"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook