สกู๊ปดูด Teen

สกู๊ปดูด Teen

สกู๊ปดูด Teen
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ผมเชื่อว่านักเขียนส่วนใหญ่หรือใครก็ตามที่รักการเขียน ย่อมทุ่มเต็มที่กับงานของตัวเองทุกชิ้น โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพต้องร้อยเรียงถ้อยคำอย่างสม่ำเสมอ

หากแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเราส่วนใหญ่คงไม่สามารถเค้นแรงบันดาลใจหรือกระตุ้นต่อมอยากในงานเขียนของตัวเองได้ทุกวี่ทุกวันขนาดนั้น มันจึงเป็นเรื่องปกติ ที่บางวันเราอาจต้องพยายามแทบเป็นแทบตายในการคาดคั้นประเด็นหรือเรื่องราวอะไรบางอย่างที่น่าสนใจออกมา ในขณะที่บางวันแรงบันดาลใจก็พุ่งพรวดเข้ามาใส่หัวของเราจนฟุ้งเฟ้อไปหมด

วันนี้คือวันฟุ้งของผมครับ!

ในช่วงเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ผมพิจารณาตัวเองว่าผมกำลังอยู่ในช่วงดวงแตกแบบจริงๆ จังๆ แบบที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งมืออาชีพในศาสตร์ทางด้านนี้อย่างคุณริว หรือ คุณเจน ให้เสียเวลา....ไฮไลท์สำคัญที่ผมได้รับก็คือจดหมายพิฆาตวิญญาณจาก 1 ในคุณผู้ฟังอันเป็นที่รักของคลื่น Sport radio Fm 96 ที่ให้เกียรติบรรจงเขียนด้วยลายมือส่งมาแสดงความชื่นชมผมด้วยวิวาทะภาษาในสไตล์ยุคพ่อขุน!

เรื่อยมาจนถึงคดีล่าสุด ที่ตัวผมถูกกล่าวหาว่าทำตัวเป็นอคติกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในระหว่างการรายงานสดฟุตบอลลีกนัดเปิดฤดูกาล

อนึ่ง...นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ที่ผมได้รับจดหมายมหาประลัยอันเร่าร้อนจากแฟนรายการ ซึ่งคงไม่ได้มีผมเป็นไอดอลอย่างแน่นอน....ปัจจุบัน ผมอายุ 28 ปี....ก็นับว่าไม่เลวใช่มั้ยครับ สำหรับผู้สื่อข่าวกีฬาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หากเราจะมองกันในแง่กระแสตอบรับจากคนฟังที่มีให้ตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

สิ่งแรกที่ผมเรียนรู้จากการต้องหายใจเป็นฟุตบอลเกือบ 24 ช.ม. ตลอดห้วงเวลา 3 ปี นั่นก็คือ แฟนบอลชาวไทย นับได้ว่าเป็น 1 ในชาติที่คลั่งทีมรักของตัวเองมากที่สุดในระดับที่ผู้คนนอกหลายๆ คนอาจคาดไม่ถึง โดยเฉพาะแฟนๆ ของบรรดาสโมสรฟุตบอลยุโรป

ฟุตบอล

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยมีความผูกพันกับฟุตบอลอังกฤษมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูฯ, แมนฯ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส บลา บลา บลา....


ถึงบรรทัดนี้ คุณผู้อ่านรู้สึกเหมือนผมมั้ยครับ...ว่าสกู๊ปชิ้นนี้คงจะดุเด็ดเผ็ดมัน! สร้างความสนุกสนานพอๆ กับความร้าวฉานให้เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และย่อมเสี่ยงต่อการที่ผมจะได้รับ "เดอะ เลตเตอร์" ฉบับใหม่เอี่ยมอ่องมาอยู่ในการครอบครอง

ก่อนจะไปถึงย่อหน้าถัดไป...ผมอยากให้ทุกท่านเปิดใจให้กว้างแสนกว้าง...เปิดรับมุมมองตัวเองเช่นเดียวกับการทดลองสวมหมวกความคิดใบใหม่ๆ เพื่อรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายให้มากขึ้น

ในฐานะที่เป็นแฟน "หงส์" เข้าไส้!~ ผมก็จะขอเริ่มที่เรื่องของ "หงส์" นี่แหละครับ

ย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 วันก่อน ผมได้มีโอกาสเสวนากับเพื่อนกลุ่มหนึ่งผ่าน Line เราพูดคุยกันอย่างออกรสถึงเรื่องศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า...เฮ้ย! หงส์ปีนี้ ยังไงเนี่ย?

ฟุตบอล

การเอาชนะได้ใน 2 นัดแรกเป็นแฟนทีมใครๆ ก็ต้องปลื้มต้องยกหางตัวเองเป็นธรรมดา ไม่พูดออกมาก็ต้องคิดในใจ

ผมตอบสั้นๆ ง่ายๆ ซึ่งอาจถูกยกให้เป็นสไตล์ของเด็ก "หงส์" ไปแล้วว่า....เราจะเป็นแชมป์! 555.....เพื่อนผมคนเดียวกันนี้ตอบผมกลับมาอย่างทันท่วงทีว่า...แฟนหงส์ นี่นับเป็น ลัทธิ อย่างหนึ่งป่าววะ ?

คำถามที่ว่านี้ของเพื่อนผม นับได้ว่าเป็นวาทะที่น่าสนใจนะครับ....

จากประสบการณ์ของผม (ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริง) นั่นก็คือตลอดช่วงเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทีมอื่นๆ ยกให้เป็นลายเซ็นอันชัดเจนของแฟนบอลลิเวอร์พูล ชาวไทยก็คือความเกรียน! ครับ

งมงายกับความสำเร็จเก่าๆ, หวังลมๆ แล้ง, เถียงคำไม่ตกฟาก, ไม่เจียมตัว...แฟนบอลของลิเวอร์พูล รวมไปถึง แมนฯ ยูฯ มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเสมอเมื่อเราพูดถึงปริมาณความรักอันเข้มข้นที่พวกเขามีให้ทีมของตัวเอง จนทำให้เกิดวาทะอย่างเช่น...แฟนหงส์ (แ_ ่ง) น่ากลัวมาก! อะไรแบบนี้

สำหรับคลื่น 96 นี่ถือเป็นสิ่งที่ผู้ดำเนินรายการอย่างพวกเราทราบเป็นอย่างดีว่า พวกเขาคือ 2 สโมสรที่แตะต้องไม่ได้ (Untouchable Club) เพราะถ้าคุณคิดลองของ คุณอาจทำตัวเองให้งานงอกโดยไม่รู้ตัว เพราะเหล่าองครักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนของทั้ง 2 ทีม จะออกตัวกางแขนปกป้องทันที และมันคือความจริงที่หลายๆ คนก็เลือกที่จะเข้าข้างทีมเลิฟแบบไม่ลืมหูลืมตา

ฟุตบอล

ถ้าเชียร์เอามันก็พอว่าแต่ถ้าเชียร์เข้าเส้นแนะนำ ให้ลองไปสนามจริงครับ

การที่เพื่อนผมซึ่งไม่ได้ถึงขั้นเกาะติดเกมลูกหนังแบบเข้าเส้นมากมาย ถามกับผมว่า "แฟนหงส์ นับเป็นลัทธิมั้ย ?" ถือเป็นประโยคคำถามที่ทำลายชุดความคิดของผมในช่วงก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงนะครับที่เคยมองว่า...ความเกรียนของแฟน ลิเวอร์พูล เป็นเพียงสิ่งที่กลุ่มแฟนบอลพันธุ์แท้ของแต่ละสโมสรเค้าใช้บลัฟกันเท่านั้น!

ปรากฏว่า เฮ้ย! เค้าก็รู้กันทั่วนี่หว่า...

คำถามสำคัญก็คือ แล้วมันจริงมั้ย? ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็คงมีคำตอบในใจที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เฉพาะของแต่ละคนที่ได้รับมา ซึ่งสำหรับผมที่ถือเป็น 1 ในแฟนบอลพันธุ์แท้ของ "หงส์แดง" ผมคงต้องบอกว่า...จริงครับ!....ผมคิดว่าแฟนบอลของลิเวอร์พูล มีคนเกรียนๆ พอๆ กับจำนวนขีปนาวุธในเกาหลีเหนือ

และไม่แปลกอะไรที่หลายๆ คนจะยกให้แฟนบอลลิเวอร์พูล เป็นเหมือนลัทธิประหลาด และยอมไม่ได้เลยกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์...ลิเวอร์พูล คือสิ่งเดียวในโลกนี้ที่ถูกต้อง!

ผมยกเคสตัวอย่างของ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาเป็นหลัก หากแต่จริงๆ แล้ว ความเกรียนของแฟนๆ แมนฯ ยูฯ ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงไม่มากไม่น้อยกว่าแฟน "หงส์" สักนิด โดยมีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่อย่างเดียวก็คือ...ในห้วงหลายสิปปีที่ผ่านมา แฟนๆ แมนฯ ยูฯ โชว์เกรียนในฐานะของทีมที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่แฟนหงส์ โชว์เกรียนโดยใช้อดีตเป็นอาวุธ

ฟุตบอล

แฟนผีก็มีความเกรียนในระดับพอๆ กัน แต่ความสำเร็จที่ทำให้พวกเขาคุยได้เต็มปากเต็มคำกว่า

หากมองในเรื่องของกฏเอาตัวรอดของธรรมชาติ เราอาจบอกได้ว่าแฟนหงส์ อยู่ในสถานะที่ต้องดิ้นรนมากกว่า พวกเขาหายใจพะงาบๆ หวังว่าจะมีความสำเร็จมาช่วยต่อลมหายใจแบบวันต่อวัน อาวุธที่ดีที่สุดของพวกเขามีเพียงถังอ็อกซิเจนที่ใช้ยื้อให้ยังอยู่พอต่อสู้ในสงครามต่อได้

ซึ่งได้ส่งผลให้แฟนหงส์ ต้องสร้างกลไกปกป้องตัวเองด้วยการขุดเรื่องความยิ่งใหญ่ในอดีตขึ้นมาเพื่อใช้ลบปมด้อยที่มีในยุคปัจจุบัน ในขณะที่ แมนฯ ยูฯ ซึ่งอยู่ในฐานะของแชมเปี้ยน ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่กำลังหลังพิงฝา

พวกเขาสามารถสงบนิ่ง และใช้ความสำเร็จในการตบปากนักวิจารณ์ได้ ซึ่งก็ส่งผลให้แฟนบอลของพวกเขาไม่จำเป็นต้องออกมาดิ้นพราดโชว์ออฟอะไรมากมาย เพราะของมันก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือ ผมเห็นด้วยว่าจำนวนแฟนบอลพันธุ์เกรียนของ "หงส์" มีมากกว่าจำนวนแฟนบอลพันธุ์เกรียนของ "ปีศาจแดง" อยู่ในระดับหนึ่ง (คงไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเท่าไหร่) หากแต่มันก็อาจเกิดขึ้นด้วยเหตุผลของกลไกธรรมชาติที่ผมบอกไปนั่นแหล่ะครับว่า แฟนๆ ของ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องหาจุดแข็งของตัวเองมาลบจุดด้อยที่มี...ซึ่งก็คงเหมือนกับทุกๆ ทีมที่หากมีจุดเด่นอะไร เราก็ต้องงัดมันมาใช้

ฟุตบอล

จุดแข็ง แมนฯ ยูฯ คือ แชมป์...พวกเขางัดมันมาใช้, ลิเวอร์พูล คือประวัติศาสตร์...พวกเขางัดมันมาใช้, นิวคาสเซิ่ล บอกว่าตัวเองเล่นบอลสนุก...พวกเขางัดมันมาใช้, สเปอร์ส บอกว่าพวกเขาคือเจ้าพ่อบอลถ้วย เสน่ห์เย้ายวนเกินห้ามใจ....พวกเขางัดมันมาใช้

น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส มี ไบรอัน คลัฟฟ์ เป็นพระเจ้า และแชมป์ยุโรป 2 สมัย...พวกเขางัดมันมาใช้! แม้แต่ทีมเล็กๆ อย่าง โคเวนทรี, มิลวอลล์, เซาธ์แฮมป์ตัน หรืออะไรก็ตาม ย่อมจะมีอาวุธให้ตัวเองงัดออกมาใช้อยู่เสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นถึง แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ หรือแค่ ดาร์เรน ฮัคเคอร์บี้ ก็ตาม

วันใดสถานการณ์เปลี่ยน พวกเขาก็ต้องพยายามมองหายีนส์เด่นอื่นๆ มาใช้เป็นอาวุธในการปกป้องตัวเอง

อย่างไรก็ตามครับ ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักกับการที่เราจะยกให้แฟนบอล "ผี" หรือ "หงส์" คือแชมป์แห่งความเกรียนอย่างเต็มตัว เพราะหากเราจะมองกันถึงในแง่ของปริมาณ...เราปฏิเสธไม่ได้ครับว่านี่คือ 2 ทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

และถ้าจะโฟกัสลงมาในสเกลที่เล็กกว่านั้นหน่อยอย่างประเทศไทย...เราก็สามารถพูดได้เต็มปากครับว่า 2 ทีมนี้คือทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในประเทศเราเช่นกัน นั่นหมายความว่ามันก็คงไม่แปลกอะไรถ้าเราจะเจอเกรียน "หงส์" หรือเกรียน "ผี" มากกว่าแฟนบอลทีมอื่นๆ

ฟุตบอล

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะนำจำนวนแฟนบอลเพี้ยนๆ ของแฟนบอลของ 2 ทีมนี้ ไปเทียบกับจำนวนแฟนบอลเกรียนๆ ของ เชลซี, อาร์เซน่อล หรือ สเปอร์ส ในประเทศไทย (ด้วยความเคารพทุกสโมสร) เนื่องด้วยจำนวนแฟนบอลที่แตกต่างกันมากเกิน

ความคิดเห็นเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้...ผมไม่เชื่อกับเรื่องที่ใครคนหนึ่งจะสามารถยืนอยู่เป็นกลางได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่แฟนๆ ของ สเปอร์ส จะมองว่าผม Take side ในการรายงานสดฟุตบอล...บางทีมันอาจจะมีพลังงานบ้าบอบางอย่างที่ทำให้ผมผูกพันธ์กับ คริสตัล พาเลซ เป็นพิเศษ (บางทีผมอาจคิดถึงการซื้อเพชรหรือปราสาทอยู่ หรือไม่ก็คงเป็นตัวคนเขียนที่ประสาทไปเอง)

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจเหลือเกินก็คือ...เราไม่อาจตัดสินใครได้แบบลัทธิเหมารวม...คงไม่ใช่แฟน สเปอร์ส ทุกคนที่จะร้องยี้ใส่ผม, เราคงไม่อาจบอกได้ว่าแฟน "หงส์" หรือแฟน "ผี" เกรียนกันทุกหมู่เหล่า เช่นเดียวกับแฟนๆ ของอีกหลายทีม ที่ก็คงไม่สามารถยกยอตัวเองได้เช่นกันว่าคือสโมสรตัวอย่างอันแสนเลิศเลอ

การที่เราตัดสินแฟนบอลจากภาพกว้างๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดแม็กกาซีนคอลัมม์ทำนายนิสัยคนจากกรุ๊ปเลือด...ชีวิตเราคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น

บางทีการคลั่งอะไรบางอย่างมากเกินไป ก็มิอาจส่งผลดีให้ใครเลย หลายๆ ครั้งเรารักบางสิ่งบางอย่างมากเสียจนกางแขนปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยลืมไปว่า ลิเวอร์พูล , แมนฯ ยูฯ หรือทีมใดก็ตาม ไม่ใช่พ่อเรา...เราต่อว่าต่อขานท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภาว่าเถียงกันเหมือนเด็กๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเราเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนเหล่านั้น

เราคือผลผลิตของคนยุคใหม่ที่ให้คุณค่ากับสิ่งฉาบฉวย, ความรุนแรง เราตีความคำว่า "โลกสวย" ว่าคือเรื่องเพ้อเจ้อของคนเพ้อฝัน จนทำให้หลายๆ ครั้งเราก็หลงลืมความสวยงามของโลกในอุดมคติไป

บางทีเราก็ควรจะโลกสวยบ้าง เพื่อให้รู้สึกถึงความรื่นรมณ์ของชีวิต เช่นเดียวกับการทำความรู้จักกับความจริงอันแสนเลวร้าย เพื่อให้รู้เท่าทันและพร้อมรับมือเมื่อถูกปัญหารุมเร้า

ขอให้ทุกท่านเชียร์บอลให้สนุก บลัฟกันให้มัน แขวะกันให้เต็มคราบ เช่นเดียวกับขอให้ทุกท่านจับมือสมานฉันท์ไร้ซึ่งอคติใดๆ หลังจบเกม 90 นาทีครับ

เรื่องโดย "ยอดขวัญ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook