Bite be Back

Bite be Back

Bite be Back
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : อาจไม่ได้เท่เหมือน อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ที่หล่นวาทะอมตะอย่าง "I'll be back" ในหนังโคตรล้ำยุค (ในสมัยนั้น) อย่าง "The Terminator" หรือในชื่อภาษาไทยอย่าง "คนเหล็ก 2029"

แต่วลี "Bite be Back" ที่ใช้ในวันนี้ อาจจะโด่งดังเป็นพลุแตกก็ได้ หากว่า หลุยส์ ซัวเรซ ไปก่อคดีสะท้านโลก (อีกครั้ง) ในเกมสำคัญที่จะโม่แข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล แม้ว่าจะเป็นเกมระดับ แคปิตอลวัน คัพ ที่หลายๆ ทีมละเลยความสำคัญไปไม่หน่อยก็ตาม

ช็อตสะท้านโลกที่ทำให้ ซัวเรซ ต้องหายหน้าจากสีเสื้อลิเวอร์พูลนานเกือบ 5 เดือน

หากจำกันได้ไม่ลืม สาเหตุที่ หัวหอกอุรุกวาโย่ หายหน้าไปนับตั้งแต่แมตช์เปิดบ้านไล่เจ๊า เชลซี 2-2 เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ก็เพราะการอุตริไปก้มงับแขน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ปราการหลังเลือดเซิร์บของทีมเยือน ที่แม้ เควิน เฟรนด์ สิงห์เชิ้ตดำในวันนั้นจะมองไม่เห็น แต่มีหรือที่กล้อง 10 กว่าตัวในแอนฟิลด์จะจับไม่ได้ ว่าแล้วจึงเป็นที่มาของโทษแบน 10 นัด ลากยาวมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนนั่นเอง

การงอแงเที่ยวประกาศทอดสะพานให้ทีมนู้นทีมนี้ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไม่สามารถเปลี่ยนใจทั้ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และกองเชียร์ "เดอะ ค็อป" ที่ยังเชื่อมั่นในตัวเขา และพร้อมจะให้โอกาสอีกครั้งในยามที่กลับมาสวมเสื้อสีแดงสดลงไล่ล่าตาข่ายคู่แข่งอีกครั้ง

และช่างบังเอิญเสียจริงเมื่อเกมแรกที่จะได้กลับมาหลังแบนยาวนานกว่า 5 เดือน ดันเป็นสนามของคู่อาฆาตอย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสียนี่ ที่สำคัญในเกมนัดปิดฤดูกาลก่อน มีกองเชียร์ "ปีศาจแดง" เจ้าไอเดีย โยนแขนปลอมลงไปให้กับ ปาทริซ เอวร่า คู่กรณีเก่าของ "คิง หลุยส์" ยกมากัดเล่นอีกด้วย

ไม่ต้องคิดเลยว่าคืนนี้ อีก 1 สินค้าขายดีหน้าสนาม นอกจาก "วิกแอฟโฟร่" ของ มารูยาน เฟลไลนี่ แล้ว คงหนีไม่พ้น "แขนปลอม" ที่ทำมาเพื่อ ซัวเรซ โดยเฉพาะเป็นแน่

ขณะที่การคัมแบ็กของ อดีตดาวยิง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม รายนี้ น่าจะเป็นข่าวดีท่ามกลางความเลวร้ายในแคมป์แอนฟิลด์ หลังเพิ่งเสีย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จอมทัพบราซิเลี่ยน ที่ต้องเข้ารับผ่าตัด และเป็นที่มาของความพ่ายแพ้คารังหนแรกต่อ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การกลับมาของ ซัวเรซ จะทำให้ หงส์แดง ที่กำลังบินสูงต้องสะดุดหรือไม่

ซัวเรซ จะมาทำหน้าที่ สตาร์แซมบ้า ทางด้านซ้าย หรือหน้าต่ำ ได้ทันที พร้อมขยับเอา อาสปาส หรือ โมเซส คนใดคนหนึ่งไปนั่ง ส่วนที่เหลือก็น่าจะเป็นชุดเดิมกับนัดล่าสุด ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อการเยือนรัง "เร้ด อาร์มี่" ที่วิกฤติหนักกว่า เมื่อศรัทธาในตัวกุนซือใหม่อย่าง เดวิด มอยส์ เริ่มลดลง หลังออกสตาร์ท 5 เกมแรกด้วยการมีเพียง 7 คะแนนเท่านั้น


เพียงแต่อย่าลืมว่า นับตั้งแต่ที่ ดาวยิงฟันจอบ หายหน้าไปจากทีม "หงส์แดง" ในยุคของ บีร็อด กลับไล่ทุบคู่แข่งแบบสนุกเท้า โดยชนะถึง 7 เสมอ 2 แพ้ 1 แถมยังซัลโวกระจายถึง 19 ตุง ปล่อยให้โดนเจาะแค่ 6 ลูกเท่านั้นเอง

สไตล์การเล่นที่ชอบครองบอลไว้กับตัวนานๆ และหาทางลากเลื้อยเจาะแนวรับคู่แข่งโดยไม่สนเพื่อนร่วมทีม ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนทำให้ทีมพังได้

อยู่ที่ ซัวเรซ แล้วล่ะ ว่าเขาจะลบข้อครหาและกลับมาทำให้คนที่ยืนประจันหน้าเขา พร้อมจะกัดฟันแน่นทุกครั้งที่บอลอยู่แทบเท้าของตัวเอง หรือเป็นฝ่ายที่หนุนหลัง ต้องมานั่งกุมหัวกับเดิมพันครั้งสำคัญหนนี้กันแน่

เรื่องโดย "มะงิ้ง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook