The Ox พลังขับเคลื่อนใหม่กันเนอร์ส

The Ox พลังขับเคลื่อนใหม่กันเนอร์ส

The Ox พลังขับเคลื่อนใหม่กันเนอร์ส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ด้วยการอ่านเกม พลังไดนามิคที่มีในตัว กับความสามารถในการจบสกอร์ทำให้ปราชญ์ลูกหนังชาวฝรั่งเศส มองแชมเบอร์เลน ว่ามีความคล้ายกับสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันทีมลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ และควรจะขยับมายืนกลางสนามมากกว่าถ่างออกไปยืนริมเส้นตามตำแหน่งที่เขาแจ้งเกิดมา

ในเรื่องตลกร้ายกับอาการบาดเจ็บของ คิม คัลล์สตรอม มิดฟิลด์ตัวใหม่ถอดด้ามของอาร์เซนอล ที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกก่อนจะมีการเผยในภายหลังว่าความจริงดาวเตะสวีดิชมีอาการบาดเจ็บรังควาญตั้งแต่ก่อนตรวจร่างกายแล้ว แฟนกันเนอร์ส ยังรักษาความหวังของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเอาไว้ได้ด้วยการจุดประกายจากกองกลางหน้าใหม่อีกคนของทีม

ความจริงจะเรียกว่าหน้าใหม่ก็ไม่เชิงครับ เพราะกองกลางคนดังกล่าวคือ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน สตาร์ดาวรุ่งที่อยู่กับทีมมาระยะหนึ่ง และเพิ่งจะกลับมาเป็นตัวจริงในเกมกับคริสตัล พาเลซ ซึ่งสามารถทำได้ 2 ประตูทันที

อย่างไรก็ดีสิ่งที่มีความหมายนั้นไม่ใช่ 2 ประตูที่ยอดเยี่ยมของสายเลือดตระกูลลูกหนัง "แชมเบอร์เลน" ผู้มีพ่อเป็นอดีตทีมชาติอังกฤษ

หากแต่เป็นการแจ้งเกิดในบทบาทใหม่ของเขา ในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลาง

บทใหม่ของ "อ๊อกซ์" ซึ่งเป็นสมญาที่แฟนๆตั้งให้โดยส่วนหนึ่งมาจากชื่อกลาง "อ๊อกซ์เลด" และอีกส่วนจากสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง ประดุจวัวหนุ่มนั้น เป็นบทบาทที่ถูกมอบหมายจากอาร์แซน เวนเกอร์ ที่มองเห็นศักยภาพบางอย่างในตัวของดาวรุ่งพรสวรรค์รายนี้

ด้วยการอ่านเกม พลังไดนามิคที่มีในตัว กับความสามารถในการจบสกอร์ทำให้ปราชญ์ลูกหนังชาวฝรั่งเศส มองแชมเบอร์เลน ว่ามีความคล้ายกับสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันทีมลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ และควรจะขยับมายืนกลางสนามมากกว่าถ่างออกไปยืนริมเส้นตามตำแหน่งที่เขาแจ้งเกิดมา

สารภาพตามตรงว่า ผมไม่เห็นด้วยกับเวนเกอร์ในเบื้องต้นครับ เนื่องจากมองว่าแชมเบอร์เลน ไม่น่าจะถนัดกับการถอยตัวเองลงมายืนในแนวลึก

แต่หลังจากที่ได้เห็นกับตา ผมเริ่มเชื่อเวนเกอร์ บ้างแล้ว

อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไม่ได้มีเพียงพลังไดนามิคในตัว แต่การอ่านเกมถือว่าใช้ได้ และนิ่งมากพอที่จะยืนปักหลักตรงกลางสนามได้ ซึ่งไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กอายุ 20 ปีที่จะยืนประคองเกมแดนกลางของทีมที่มีระบบและสไตล์การเล่นที่เหมือนจะเล่นง่ายแต่ยากมหันต์อย่างอาร์เซนอล

ยิ่งคิดถึงว่าเด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งจะพ้นจากอาการบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกร้ายแรงจนต้องพักการเล่นถึง 5 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์นั้นไม่ต่างอะไรจากคำว่าปาฏิหารย์

และนั่นทำให้ความกังวลใจของเหล่ากันเนอร์ส จากอาการบาดเจ็บของ อารอน แรมซีย์, แจ็ค วิลเชียร์ และเรื่องตลกร้ายของคัลล์สตรอม คลายลงไปมาก

พวกเขาค้นพบความหวังใหม่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้ไม่เพียงจะเป็นข่าวดีสำหรับอาร์เซนอลครับ ยังเป็นข่าวดีของทีมชาติอังกฤษด้วย เพราะนั่นหมายถึงพวกเขามีโอกาสที่จะได้มิดฟิลด์พลังไดนามิคคนใหม่ที่จะมาแทนที่ เจอร์ราร์ด ที่โรยราและเป็นไม้ใกล้ฝั่งทางเกมฟุตบอล

โดยที่มีประโยชน์เหนือสตีวี่จี ตรงที่สามารถเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในแนวรุกอีกด้วย ซึ่งในระบบฟุตบอลสมัยใหม่แล้วถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ล้ำค่ามากสำหรับทีม

อย่างไรก็ดี เวนเกอร์ แย้มให้เราทราบก่อนมาหลายวันครับว่า เขาไม่คิดจะจับอ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ให้เล่นตำแหน่งนี้โดยตลอด

ระยะเวลาจากนี้ 3-4 ปี หรือจนถึงอายุ 24 ปีสำหรับแชมเบอร์เลน คือช่วงเวลาสำคัญที่เขาจะได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเล่นบอลไปอีก 10 ปีที่เหลือของชีวิต โดยจะได้โอกาสเล่นในทุกบทบาทที่ควรจะได้ลอง เพื่อปูทางสู่การปักหลักยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างเต็มรูปแบบ

ผมมองย้อนไปถึงเจอร์ราร์ด ในอดีต "พี่เจิด" เองก็ผ่านการทดลองเล่นมาหลายตำแหน่ง แบ็กขวา แบ็กซ้าย ปีกขวา ปีกซ้าย มิดฟิลด์ตัวรับ จนมาพีคที่สุดในบทมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งช่วงที่เริ่มท็อปพีคนั้นอยู่ในช่วงอายุ 23 ปี ในช่วงฤดูกาล 2003-04 หลังได้พี่เลี้ยงดีอย่าง ดีทมาร์ ฮามันน์ และแกรี่ แม็คคัลลิสเตอร์

เวนเกอร์ มองไม่ต่างกันครับ ซึ่งระหว่างนี้มีแผนจะฟูมฟักให้เจ้าหนูแชมเบอร์เลน เป็นเสาหลักของทีมในอนาคต

โดยที่ว่ากันตามตรง ดูจะมีมีอนาคตกว่าธีโอ วัลค็อตต์ ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถไต่ถึงจุดที่เขาควรจะทำได้เสียที จากการประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรังควาญมาโดยตลอด

น่าเห็นใจวัลค็อตต์ อยู่บ้างเพราะการที่รุ่นน้องซึ่งมาจากสถาบันเดียวกันคือเซาแธมป์ตัน ย้ายมาอาร์เซนอล ด้วยค่าตัวพอๆกันที่ 12 ล้านปอนด์จะแซงหน้านั้นเป็นเรื่องทำใจลำบาก

บางคนบอกว่า วัลค็อตต์ นั้นเหมือน "นักวิ่ง" ที่พอจะเล่นฟุตบอลได้ ส่วนอ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เหมือนนักฟุตบอลที่พอจะวิ่งแข่งได้

กระนั้นเจ้าอ๊อกซ์เองก็กระดูกเปราะและมีปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งทำให้เวนเกอร์ ต้องประคบประหงมอย่างดีไม่ให้เป็นเหมือนวัลค็อตต์ รวมถึงแรมซีย์ และวิลเชียร์ ที่บาดเจ็บบ่อย

ด้วยความหวังว่าถ้าหากสามารถรักษาตัวรอดได้ เด็กคนนี้มีศักยภาพสูงมากพอที่จะเป็นเสาหลักของทีม และจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่นำทีมไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้

เขียนถึงตรงนี้ในฐานะเดอะ ค็อป คนหนึ่งผมชักหวั่นใจ เพราะลิเวอร์พูล จะต้องพบกับอาร์เซนอล ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ทั้งในเกมพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ

หวั่นใจว่าเครื่องยนตร์เก่าๆอย่างพี่เจิด จะสู้เครื่องยนตร์แรงๆรุ่นใหม่อย่าง The Ox ไม่ไหวเสียแล้ว

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook