จากคนเก็บขยะสู่แชมป์โลก! กว่าจะมาเป็น "ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น" กำปั้นขวัญใจชาวไทย

จากคนเก็บขยะสู่แชมป์โลก! กว่าจะมาเป็น "ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น" กำปั้นขวัญใจชาวไทย

จากคนเก็บขยะสู่แชมป์โลก! กว่าจะมาเป็น "ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น" กำปั้นขวัญใจชาวไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กว่าจะได้เป็นนักมวยอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งก่อนจะก้าวสู่ความยิ่งใหญ่นั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายมากมาย ที่บางครั้งก็หนักหนาจนเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้

สำหรับชีวิตของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ก็เช่นกัน แชมป์โลกขวัญใจคนไทย เกิดและเติบโตที่จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย ซึ่งมันไม่ได้สวยงามเหมือนรูปในโปสการ์ดเสมอไป เบื้องหลังของโครงสร้างพื้นฐานชุมชนและธรรมชาติที่สวยงามของจังหวัดในชนบทนั้นเต็มไปด้วยความยากจนและการดิ้นรนเพื่อปากท้อง

ชื่อจริงของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น คือ วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก เขาจากบ้านเกิดมาตั้งแต่อายุแค่ 13 ปี เดินทางมาหางานทำในเมืองหลวง อย่าง กรุงเทพมหานคร ก่อนเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย แต่เงินที่ได้รับนั้นน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทำให้เขาต้องอาศัยเก็บอาหารตามถังขยะใกล้ๆห้างสรรพสินค้าที่เขาทำงานอยู่

"ในวันที่ยากลำบาก ผมต้องเก็บอาหารในถังขยะเพื่อมาทำอาหารและกินเพื่อประทังชีวิต เพราะผมมีเงินไม่พอ" ศรีสะเกษเล่า

655001026-594x594

เพื่อหารายได้เพิ่มให้กับครอบครัว ศรีสะเกษมีอาชีพเสริมจากการแข่งขันชกมวยไทย ซึ่งถือเป็นกีฬาต่อสู้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของประเทศ

"ผมเป็นคนหนุ่มที่ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะทำงานในออฟฟิศ การยึดอาชีพนักสู้จึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผมได้เงิน ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมชอบด้วย มันสนุกและท้าทาย ผมมองว่ามันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ผมมีชีวิตที่ดีและมีอนาคตได้" ศรีสะเกษกล่าว

ศรีสะเกษได้พบว่ารายได้จากอาชีพนักมวย ทำให้เขาหลุดพ้นจากความยากจน อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักมวยของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อแพ้น็อกคู่แข่งในสองไฟต์แรกเมื่อปี 2009

"ผมต้องการเงินอย่างมาก ผมเลยขึ้นชกทั้งๆที่ไม่มีเวลาเตรียมตัว และไม่รู้จักวิธีการชกจริงๆด้วยซ้ำ ผมรู้แค่ว่าการชกมวย ไม่น่าต่างอะไรกับมวยไทยเท่าไร ก็แค่นั้น" เขากล่าว "ตอนนั้นมันมีแค่สองทางให้ผมเลือก" ศรีสะเกษกล่าวต่อ "หนึ่งคือเป็นนักมวย และอีกทางคือกลับไปทำงานเป็นคนเก็บขยะเหมือนเดิม ผมเลือกที่จะเป็นนักมวยเพราะดูมีความหวังในอาชีพนี้"

ศรีสะเกษยังไม่เคยชนะใครเลย จนกระทั่งไฟต์ที่สี่ในอาชีพเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ด้วยการชนะน็อกเพื่อนร่วมชาติอย่าง ประกายเพชร อุ่นสุวรรณ ในยกที่ 3

845114138-594x594

หลังจากที่พ่ายแพ้ให้แก่นักชกญี่ปุ่นอย่าง เคนจิ โอบะ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2010 ศรีสะเกษก็ได้เข้าร่วมสังกัดนครหลวงโปรโมชั่น (NKL) ซึ่งเป็นค่ายที่สร้างแชมป์โลกมาแล้วหลายคนให้กับประเทศไทย ก่อนทำสถิติชนะรวด 26 ไฟต์ ซึ่งรวมไปถึงการเอาชนะ โยตะ ซาโตะ ได้ในยกที่ 8 ทำให้เขาเป็นแชมป์สภามวยโลก (WBC) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 ทันที

ถึงแม้ว่าจะเสียเข็มขัดให้กับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิโก ในเดือนพฤษภาคม 2014 แต่ศรีสะเกษก็ยังทำสถิติยอดเยี่ยมด้วยการชนะคู่แข่งได้ถึง 19 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อกถึง 16 ครั้ง

แล้วประวัติศาสตร์บทใหม่ก็เริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อศรีสะเกษกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะคะแนน โรมัน กอนซาเลซ ชาวนิคารากัว อย่างเป็นเอกฉันท์ ในเดือนมีนาคม 2017 โดยไฟต์นี้ทำให้เขาได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารมวยชื่อดังอย่าง The Ring ให้อยู่ในอันดับ 7 ของกำปั้นที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์

"ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ จนถึงขั้นได้เป็นแชมป์โลก ผมเพียงอยากเป็นแชมป์ในระดับภูมิภาคหรือแค่ได้ออกโทรทัศน์เท่านั้น ผมผ่านอะไรมามากมายจริงๆ" ศรีสะเกษเผย
 
หลังจากที่ประสบความสำเร็จด้วยการป้องกันแชมป์ได้สองครั้ง และจบไฟต์อย่างรวดเร็วในศึกอุ่นเครื่องกับ ยอง กิล เบ นักชกเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศรีสะเกษก็มีกำหนดเปิดตัวครั้งแรกบนเวที One Championship

w

องค์กรที่รวมศิลปะการป้องกันตัวชื่อดังของเอเชีย ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 โดยเมื่อเร็วๆนี้ One Championship เพิ่งประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับค่ายนครหลวงโปรโมชั่น เพื่อจัดไฟต์ป้องกันตำแหน่งครั้งต่อไปของศรีสะเกษ

"ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนนึงของประวัติศาสตร์ ONE Championship ผมจะขึ้นสังเวียนที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพในปีนี้ด้วย งานนี้มีโปรดักชั่นระดับโลก ความบันเทิง และการต่อสู้ที่น่าทึ่งมากๆ ผมอยากจะขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว

ศรีสะเกษจะขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในศึก ONE: KINGDOM OF HEROES ที่จะจัดขึ้น ณ อิมแพค อารีน่า กรุงเทพ ประเทศไทย ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้

ในช่วงเวลาที่ตกต่ำยากลำบากที่สุดในชีวิต ทำให้เขาต้องเก็บอาหารจากกองขยะ ก่อนก้าวมาสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักมวย ซึ่งศรีสะเกษรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้กีฬาชนิดนี้ เพราะเหมือนทำให้เขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง

"การชกมวยทำให้ผมมีทุกอย่างในชีวิต ผมติดหนี้กีฬานี้ ทุกๆความสำเร็จจากการชกมวย มันทำให้ผมมีระเบียบวินัยมากขึ้น และสอนให้ผมรู้จักคุณค่าจากการทำงานหนัก" เขาอธิบาย

เหมือนที่เขาได้เปิดบทใหม่ของชีวิตด้วยการเป็นนักมวยอาชีพ ศรีสะเกษหวังว่าเขาจะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คนอื่นๆได้จากความอุตสาหะ เพื่อให้คนอื่นยึดเป็นแนวทางในการก้าวไปสู่ความฝันที่ตั้งใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม

"ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่ผมไม่อยากให้ทุกคนหมดกำลังใจ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงและทำตามความฝันได้" ศรีสะเกษทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook