เครื่องจักรล่าเงินเดิมพัน : วัยเด็กสุดห่ามจากน้ำมือพ่อของเด็กชาย "อากัสซี่"

เครื่องจักรล่าเงินเดิมพัน : วัยเด็กสุดห่ามจากน้ำมือพ่อของเด็กชาย "อากัสซี่"

เครื่องจักรล่าเงินเดิมพัน : วัยเด็กสุดห่ามจากน้ำมือพ่อของเด็กชาย "อากัสซี่"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอ็มมานูเอล อากัสซี่ นักมวยชาวอิหร่านที่ใช้เพลงหมัดเลี้ยงชีพเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก เขาฝึกฝนทักษะต่างๆ จนคิดว่าดีพอที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ มันถูกอย่างที่เขาคิดครึ่งหนึ่ง ประการแรกเขาสามารถพาตัวเองไปถึงกีฬาของมวลมนุษยชาติได้ถึง 2 ครั้งในปี 1948 และ 1952 แต่ข่าวร้ายต่อมาคือเขาไม่เก่งพอ เอ็มมานูเอล ชกแพ้ตั้งแต่รอบแรกแบบไม่ได้ลุ้น

 

โลกของกีฬาผู้แพ้ไม่มีใครจำ เขากลายเป็นนักมวยตกอับต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่า ณ กรุงเตหะราน ซึ่งแน่นอนว่าต้องอยู่รวมกันทั้งครอบครัวเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ชีวิตของ เอ็มมานูเอล ลำบากถึงขีดสุดในช่วงเวลาที่แดนอาหรับ เขาและพี่น้องอีก 2 คนต้องกินข้าวกันบนพื้น และครอบครัวของเขาต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับกับคนแปลกหน้าในแฟลตอีก 28 ชีวิต และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เขาเลือกที่จะสวมวิญญาณนักแสวงโชค และไปล่าฝัน ณ ดินแดนแห่งเสรีภาพ .... ยินดีต้อนรับสู่ สหรัฐอเมริกา

ชีวิตใหม่ในเมืองที่ไม่มีวันหลับไหล

เอ็มมานูเอล เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ด้วยหัวใจดวงเดิม เขาอยากจะใช้ชีวิตให้เหมือนกับสโลแกนที่ว่า "อเมริกันดรีม" เขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่ใน ชิคาโก้ อยู่ 4 ปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ก่อนกลายเป็นส่วนหนึ่งในเมืองที่ไม่มีวันหลับไหล … ลาส เวกัส ด้วยการเป็นพนักงานโรงแรม ทรอปิคาน่า พร้อมเปลี่ยนชื่อตัวเองจาก เอ็มมานูเอล เป็น "ไมค์ อากัสซี่" ชีวิตใหม่ยังคงต้องสู้ดิ้นรนต่อไป และดูจะหนักหนากว่าเดิมเพราะมีลูกถึง 4 คน ริต้า, ฟิลิปป์, ทามิ และคนสุดท้ายคือ อังเดร

 1

ไมค์ เป็นคนที่ให้ความสำคัญและเห็นเส้นทางการทำเงินจากกีฬาโดยเฉพาะเทนนิสเป็นอย่างมาก เขาพยายามปั้นลูกๆ ทุกคนให้เป็นนักเทนนิส เพื่อทำเงินให้กับเขาและเปลี่ยนชีวิตจากลำบากให้กลายเป็นแสนสบายภายในเวลาที่สั้นกว่าหากเทียบกับการเรียนหนังสือและหางานทำ

เขาพยายามเคี่ยวเข็นให้หนักที่สุดเพื่อให้ลูกๆ กลายเป็นสุดยอดตามที่ซ้อมมา ทว่าแย่หน่อยที่ ไมค์ ไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้

คนแรกคือ ริต้า พี่ใหญ่ที่เก่งที่มากตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากเข้าสู่วงการได้ไม่นานก็ถูก ปานโช่ กอนซาเลส อดีตนักเทนนิสระดับแชมป์แกรนด์สแลม ยูเอส โอเพ่น 2 ปีซ้อน (1948-49) และมือ 1 ของโลก ขโมยหัวใจและพราก ริต้า ออกจากการดูแลของ ไมค์

คนที่สอง ฟิลิปป์ เก่งเหมือนกันแต่เรื่องจิตใจยังไม่ได้ เขาห่อเหี่ยวเมื่อถูกเทียบกับพี่สาวที่ถือว่าเก่งกว่ามาก จนที่สุดแล้วก็ทนความกดดันจากสิ่งนี้ไม่ไหว เลิกเล่นเทนนิสไปในช่วงวัยรุ่น

คนที่สาม ทามิ ไม่มีแววมากพอ เธอตัวเล็ก ไม่พร้อมที่จะทนแรงเสียดทานในเกมระดับโปร อีกทั้งยังชอบการเรียนหนังสือมากกว่า … ลูกทั้ง 3 คนแรกถือเป็นผลิตผลที่น่าผิดหวังสำหรับเขา

"เหมือนกับผมสังเวยลูกของผมถึง 3 คนที่ผมอยากให้พวกเขากลายเป็นสุดยอดนักเทนนิส ริต้า แกร่งจริงแต่ กอนซาเลส เข้ามาเป็นโค้ชและเคลมเธอ, ฟิลิปป์ เก่งดีแต่ใจไม่ถึงเพราะกำแพงจากพี่สาว ส่วน ทามิ ชอบที่จะเรียนหนักสือมากกว่า" ไมค์ ย้อนเล่าถึงลูก 3 คนแรกของเขาที่ตนเองขีดเส้นใต้ไว้ว่า "น่าผิดหวัง"

เรื่องราวทั้งหมดทำให้ที่สุดแล้วเหมือนกับความต้องการของผู้เป็นพ่อ ถูกโยนใส่บ่าของลูกคนสุดท้องอย่าง อังเดร ไม่ว่าเจ้าหนูอังเดร จะชอบมันหรือไม่ เขาไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่เกิดแล้ว

เจ้าหมาล่าเนื้อของพ่อ

ไมค์ คือชายที่บ้าคลั่งมาก การเป็นนักกีฬาที่ไม่ประสบความสำเร็จทำให้เขาไม่เคยได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับความทุ่มเทลงไปแม้แต่น้อย ดังนั้น อังเดร ลูกชายคนสุดท้ายจึงต้องรับภาระหนักอึ้งชนิดที่ว่าไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนหนึ่งจะรับไหว

 2

อังเดร ในวัยแบเบาะถูกพ่อเอาไม้ปิงปองพันไว้ที่มือเพื่อความเคยชิน และพอถึงช่วงวัยที่เริ่มเล่นเทนนิสได้ ไมค์ บังคับให้ลูกชายของเขาต้องตีเทนนิส และต้องตีผ่านเน็ตที่สูง 6 นิ้วเท่ามาตรฐานสนามจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มเล่น

ไม่มีการผ่อนปรน ไม่มีการอ่อนข้อให้จากผู้เป็นพ่อ หากจะนึกภาพว่า อังเดร ต้องเจอกับอะไรบ้าง ให้คุณนึกภาพนักเลงหัวไม้คนหนึ่งที่มีอารมเกรี้ยวกราดตลอดเวลา เขาเคยเอาปืนยิงเหยี่ยวเพราะโมโหที่เหยี่ยวพวกนี้พยายามจะล่าเหยื่อที่สู้ไม่ได้อย่าง "หนู" นอกจากนี้ยังเคยพกปืนในที่สาธารณะและชักปืนออกมาขู่คู่กรณีบนถนน นี่แหละคือสไตล์ของเขา

อย่างไรก็ตามในแง่ของการเป็นโค้ชคนแรกเขาทำให้ อังเดร เก่งขึ้นได้จริง ตอนที่อังเดร อายุ 9 ขวบ เขาผลิตเครื่องยิงลูกเทนนิสที่ชื่อว่า "ดราก้อน" ที่สามารถยิงลูกด้วยความเร็ว 110 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อฝึกลูกชายวันละ 2,500 ลูก แม้ฟังดูโหดร้าย แต่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นนักเทนนิสที่รับลูกเสิร์ฟได้ดีที่สุดในยุคของเขา  

"พ่อผมผลิตเครื่องยิงลูกเทนนิสที่ชื่อว่า ดราก้อน ให้ผมตีมันวันละ 2500 ลูก ปีนึงถ้านับรวมก็เป็นล้านแหละ แล้วแบบนี้ใครจะชนะผมล่ะ" อากัสซี่ กล่าว

ไมค์ พา อังเดร เข้าสู่การเล่นเทนนิสแบบเดิมพันตั้งแต่นั้นมา การฝึกมหาโหดช่วยให้ อังเดร ลุยแหลก ในรุ่นเดียวกันไม่มีใครเก่งกว่าเขา หลายครั้ง ไมค์ รับเงินไปนิ่มๆ จากการเอาลูกชายไปเล่นเทนนิสกินตังค์ในย่าน ลาส เวกัส

"ผมเกลียดเทนนิส" คอร์สฝึกที่โหดเกินเด็กทำให้ อังเดร ยอมรับจากใจจริงว่าเขาเกลียดมัน "ผมเล่นเทนนิสเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ผมจะเกลียดมัน แต่ในความดาร์กมันกลายเป็นความหลงใหล และกลายเป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นในใจผมเสมอมา"

 3

แม้ไม่อยากก็ต้องอยาก อังเดร กลับสนุกกับความเก่งที่มีอย่างน่าประหลาด ไมค์ พาลูกกินตังค์พวกมือล่างๆ เดิมพันน้อยๆ จนเบื่อแล้ว เขาอยากจะลองล่าปลาใหญ่ดูบ้าง หนนี้เขาเจอกับ จิม บราวน์ อดีตนักอเมริกันฟุตบอล NFL ที่เคยคว้าแชมป์ NFL กับ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ในปี 1964  

ไมค์ พาลูกชายวัย 9 ขวบ มาถึงคอร์ทเทนนิสที่นัดหมายไว้ "นั่น จิม บราวน์ นักฟุตบอลระดับตำนาน" ไมค์กระซิบบอกอังเดร

อังเดร ถึงกับผงะ เพราะ บราวน์ ตัวใหญ่บักเอ้กกล้ามเนื้อแน่นทุกอนู นักอเมริกันฟุตบอลคนเก่งสวมชุดนักเทนนิสเต็มรูปแบบสีขาว และมองหาคู่ลงวอร์มมือสักหน่อย ไมค์ ได้ทีเดินขยับเข้าไปหาและหยอดไป 1 ประโยค

"กำลังอยากลงเกมอยู่เหรอครับคุณบราวน์" ไมค์ ถามแกมเชิญชวน "มาเถอะ ลูกชายผมจะเล่นกับคุณเอง"

บราวน์เองก็งงว่าเด็กตัวแค่นี้จะเป็นคู่แข่งของเขาได้อย่างไร? เขาปฎิเสธในทีแรกและบอกว่าจะไม่เล่นกับเด็กน้อยคนนี้แน่ "โทษทีผมไม่เล่นเทนนิสกับเด็ก 8 ขวบหรอก" บราวน์ มองไปที่ ไมค์ ก่อนคู่สนทนาจะตอบกลับ "เก้า...ลูกผมอายุ 9 ขวบ"

บราวน์ ค่อนข้างฉุนและเตรียมตัดรำคาญ "โอ้เหรอ สุดยอดเลยนะ 9 ขวบแล้ว แต่บอกตรงๆผมไม่ได้เล่นสนุกๆ นะ ผมหาคู่เล่นแบบมีเดิมพันเข้าใจไหม?"

"มาสิ ลูกชายผมจะเล่นกินเงินกับคุณเอง เท่าไหร่ดี เอาบ้านผมไปเลยดีไหมล่ะ?" ... จบประโยคนี้ สงครามเล็กๆ ได้เริ่มขึ้นแล้ว

 4

บราวน์ เอาจริง เขาบอกว่าไม่อยากจะได้บ้านของครอบครัวอากัสซี่เพราะเขามีบ้านที่ใหญ่กว่านี้เป็นสิบๆ หลัง และยื่นข้อเสนอว่า 10,000 … คือตัวเลขที่เขาจะยอมลดตัวไปตีเทนนิสกับเด็กอายุ 9 ขวบ โดยมีข้อแม้ว่าเงินจำนวน 10,000 เหรียญจะต้องมาวางต่อหน้าเขาเสียก่อน  แต่ ไมค์ ยืนยันคำเดิม "กรุณารอสักครู่ เดี๋ยวผมจะกลับไปบ้านแล้วเอาเงินสดมาให้คุณดู"  

บราวน์ เห็นถึงความมุ่งมั่นแล้วบอกว่าขอเปลี่ยนเงินเดิมพันเป็น 500 เหรียญพอ และเกมพร้อมจะเริ่มทันที

อังเดร อากัสซี่ ในวัย 9 ขวบ เจอกับคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า ประสบการณ์มากกว่า และแข็งแรงกว่า แต่เขาไม่กลัว เขาเจอกับความกดดันมาทั้งชีวิต การแข่งยังไม่เท่ากับการเจอตารางฝึกซ้อมร่วมกับพ่อของเขา 1 เซ็ตเท่านั้นเพื่อตัดสินผลว่าใครจะได้เงิน 500 เหรียญนี้  

อังเดร โชว์ลีลารับลูกเสิร์ฟได้อย่างแหนียวแน่น เขาอาจจะตีไม่หนักแต่การโยกซ้ายเยกขวาทำให้ มิสเตอร์บราวน์ เหงื่อไหลออกมาหลายลิตร ที่สุดแล้ว เด็ก 9 ขวบชนะแชมป์ NFL ด้วยสกอร์ 6-2 เซ็ต

บราวน์ รู้ซึ้งแล้วว่าเด็กคนนี้เติบโตจากการฝึกแบบโรงงานนรก เขาเดินไปหาไมค์และนำเงิน 500 เหรียญให้โดยดีก่อนจะเดินมาหา อากัสซี่ และขอจับมือกับผู้ชนะ

"ไอ้หนู เธอเล่นเทนนิสมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย แล้วเคยแพ้ใครบ้างหรือยัง?" บราวน์ ขอถามให้หายสงสัย ก่อนจะต้องหยักหน้าและยอมรับความจริงเมื่อคู่แข่งทีอายุห่างกันเกิน 20 ปี

"ผมไม่เคยแพ้ครับ ไม่เคยแพ้ใครเลยสักครั้งเดียว" อังเดร ตอบสั้นๆ ก่อนที่พ่อของเขาจะเสริมว่าหากอยากแก้มือเมื่อไหร่ เชิญได้ทุกเมื่อ  

หนนี้ บราวน์ เข็ดขยาด ไม่เอาแล้วกับเด็กนรกคนนี้ "ผมจะไม่เล่นเดิมพันกับเขาแล้ว ไอ้หนูนี้จะกลายเป็นนักเทนนิสมือ 1 ของโลกแน่นอน" บราวน์ ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแม้ว่าเขาจะเสียเงินไป 500 เหรียญก็ตาม

ไปเป็นที่ 1 กันลูกพ่อ

ความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่มาในคราบของโค้ชกับผู้เล่นทำให้ อังเดร อากัสซี่ เติบโตบนเส้นทางอาชีพที่ถูกต้อง ไมค์ อาจจะบ้าแต่เขาไม่ใช่คนโง่และไม่ทันโลก เขารู้ว่าการลูกชายได้รับคำสอนจากเขาที่เป็นแค่อดีตนักมวยนั้นไม่มีทางเพียงพอต่อการเป็นอันดับ 1 ของโลกได้แน่

 5

อังเดร อายุ 13 ปี ความรู้ที่ ไมค์ ผู้เป็นพ่อศึกษามาเพื่อสอนลูกชายของเขาไม่เหลืออะไรให้เรียนรู้แล้ว  เขาส่ง อังเดร เข้าสู่ระบบอคาเดมี่เทนนิสชื่อดังของ นิค บอลเล็ตติเอรี่ ที่ ฟลอริด้า

จากแผนการที่ต้องศึกษาในที่นี้ราว 1 ปี กลายเป็นว่า บอลเล็ตติเอรี่ สอน อังเดร ได้ 3 เดือนก็โทรเรียก ไมค์ ผู้เป็นพ่อและบอกว่าลูกชายของเขามีพรสวรรค์มากเกินไป มากกว่าเด็กๆที่เขาเคยสอนมาตลอดชีวิต

"มารับเช็กเงินสดกลับไปเถอะ ลูกชายคุณอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ได้อะไร เขาเก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา" ผู้ฝึกสอนถึงกับบอกอย่างนี้ก็ได้เวลาที่ ไมค์ จะขยับความจริงจังขึ้นมาอีกระดับ ฝีมือของลูกชายเขาเกินอายุไปมาก ดังนั้นเขาจึงไปยืนใบลาออกให้กับ อังเดร ในช่วงเกรด 8 (ประมาณ ม.2) และใส่เต็มที่เทหมดหน้าตักเพื่อการเทิร์นโปร ตบไปตีมา อังเดร กลายเป็นหนุ่มวัย 16 ปี ที่สามารถเทิร์นโปรได้เรียบร้อย ในปี 1986

 6

การเข้าสู่เวทีอาชีพทำให้เขาต้องเจอกับกำแพงมากขึ้น ขวบปีแรก เขารู้จักการพ่ายแพ้ในรายการ ลา ควินต้า ที่แคลิฟอร์เนีย ด้วยการแพ้ให้กับ แม็ตส์ วิลันเดอร์ ในรอบที่สอง แต่นั่นก็มากพอที่ทำให้เขาขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 91 ของโลกอย่างรวดเร็ว

เขากลายเป็นนักเทนนิสวัยรุ่นที่น่าจับตามองที่สุดของโลกในเวลานั้น ความเก่งของเขาเผยออกมาเรื่อยๆราวกับว่าไม่มีขีดจำกัด อายุ 17 ปี เขาขยับมาเป็นอันดับที่ 25 โลก และรู้ตัวอีกทีในวัย 18 ปี ก็คว้าเงินรางวัลได้ถึง 30 ล้านเหรียญ ถอนทุนคืนทุกสิ่งอย่างและปลดเปลื้องความลำบากของผู้เป็นพ่อได้

 7

ช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่มีใครหยุดอยู่ อังเดร อากัสซี่ คว้าโกลเด้นสแลม (แกรนด์แสลมครบทั้ง 4 รายการ - ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟร้นช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน, ยูเอส โอเพ่น ปิดท้ายด้วยเหรียญทองโอลิมปิกชายเดี่ยว) ในช่วงยุค 1990-2000 แม้จะมีช่วงเวลาที่ชวนอึดอัดอยู่บ้างในช่วง ปี 1998 ที่เขาเริ่มติดชีวิตคนดัง แต่งงานกับ บรู๊ค ชิลด์ส ติดปาร์ตี้จนกระทั่งฟอร์มการเล่นตกฮวบฮาบตกรอบแรกแทบทุกรายการก็ตาม แต่ที่สุดแล้วเขาก็รู้ว่าเขามีวันนี้ได้เพราะอะไร เขาจึงจับแร็คเก็ตและกลับมาเอาจริงเอาจังอีกครั้ง จนกลายเป็นเจ้าของสถิติมากมาย

 8

ความเคี่ยวเข็ญที่พ่อทำนำมาซึ่งความเกลียดชัง แต่ความเกลียดกลับเปลี่ยนใช้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ แม้ ไมค์ อากัสซี่ จะเป็นไอ้บ้าที่เล่นบทโหดกับเส้นทางชีวิตลูกชายแต่ปลายทางกลับกลายเป็นว่าหากเขาไม่ทำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าโลกจะได้รู้จักกับนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งแบบนี้หรือไม่

ในคราบซาตาน กลับกลายเป็นว่าเฉลยตอนท้าย ไมค์ กลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่นี้แบบที่ต้องรับเครดิตไปไม่น้อย

เทวาในคราบซาตาน

คนเราจะกลายเป็นที่หนึ่งได้ก็จำเป็นจะต้องมีแรงผลักดันที่มากกว่าคนทั่วไป ตอนเด็ก อังเดร ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาต้องจริงจังกับเทนนิสขนาดนั้นจนถึงขั้นยอมให้เขาไม่เรียนหนังสือและไม่ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน จนกระทั่งในวันที่ประสบความสำเร็จเขาจึงได้รู้ซึ้งว่าความเถรตรงและรักษาวินัยของพ่อทำให้เขามีวันนี้

 9

"ผมเข้าใจสิ่งที่พ่อทำแล้วในทุกวันนี้ ว่ากันตรงๆ ตอนผมอายุ 7 ขวบ พ่อบอกทุกคนเลยว่าวันหนึ่งผมจะต้องเก่งที่สุด พ่อผมเป็นคนที่ชอบฝืนชะตาฟ้ากำหนดทางเลือกให้ตัวเอง เพราะแบบนี้แหละเขาถึงต้องการให้ผมเป็นแบบนี้ ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยเห็นรายละเอียดเล็กๆ พวกนี้หรอก แต่เมื่อผมโตขึ้นผมจึงเข้าใจว่าพ่อเป็นคนที่มีวินัยและซื่อสัตย์ต่อความฝันของเขามาก" อังเดร กล่าว

"ตอนเด็กๆ ผมกับพ่อไม่เคยทำเรื่องเล็กๆ ร่วมกันเท่าไหร่ เราไม่เคยพูดกันประมาณว่า พ่อรักลูกนะอะไรแบบนี้ แต่ทุกวันนี้เราทำเรื่องที่คนเป็นพ่อลูกทำกันทั้งหมดนั่นแหละ"

ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไร ทุกวันนี้ความสำเร็จของ อังเดร อากัสซี่ มันได้บอกหมดแล้วว่าพ่อของเขาไม่ใช่ซาตานอย่างที่คนภายนอกมอง อังเดร ไม่มีข้อโต้แย้งจากการสั่งสอนของพ่อ หากมีโอกาสย้อนกลับไปวัยเด็กที่แสนหนักหน่วงเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำซ้ำเหมือนที่พ่อเคยทำกับเขา ขณะที่ ไมค์ เองไม่เคยเสียใจที่เขาทำเช่นนั้น และจะไม่ขอโทษลูกชายสำหรับความโหดที่ทำให้ลูกชายของเขาต้องกลายเป็นเด็กที่มีความเก็บกดเล็กๆ ในวัยเด็ก

 10

"พ่อไม่เคยบอกหรอกว่าขอโทษกับสิ่งที่เขาทำกับผมตอนที่ผมเด็กๆ แต่มันเป็นความภูมิใจที่เขาได้เห็นความสำเร็จที่เขามีส่วนช่วยผลักดันนี้ เขาภูมิใจจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็บอกกับผมนะว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างหนึ่ง เขาจะไม่ให้ผมเล่นเทนนิส" อังเดรเปิดใจกับ เดอะ การ์เดี้ยน ถึงช่วงเวลาที่สองพ่อลูกได้คุยกันถึงเรื่องในวัยเด็กอีกครั้ง “เขาบอกว่า จะให้ผมเล่นเบสบอลไม่ก็กอล์ฟแทน เพราะมันจะทำให้ผมเล่นได้ยาวนานกว่า แถมยังทำเงินได้มากกว่าอีกด้วย เท่านั้นแหละผมฮาแตกเลย”

ไม่ใช่เด็กทุกคนจะโชคดีอย่างเขาที่ไม่ได้เรียนหนังสือแต่ก็ยังกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ คนอย่าง อังเดร อากัสซี่ มีไม่ถึง 1% ของเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสเรื่องการศึกษา ดังนั้นเขาจึงใช้ช่วงเวลาหลังแขวนเแร็คเก็ต และมีชีวิตคู่ครั้งใหม่กับตำนานนักหวดสาวอย่าง สเตฟฟี่ กราฟ ด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ และสร้างโรงเรียนกว่า 70 แห่งให้กับเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสกว่า 30,000 คนได้มีการศึกษา เพื่อว่าที่สุดแล้วเด็กๆ เหล่านี้จะมีทางเลือกในการใช้ชีวิตและไม่ต้องเลือกเดินในทางที่ผิด

 11

"ประสบการณ์ในฐานะพ่อ-แม่ ทำให้ผมรู้ว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคุณเห็นเด็กๆ ที่มีโอกาสและมีอนาคต ให้ลองมาเทียบกับเด็กๆ เหล่านี้ดู จุดนี้มันทำให้ผมมีแรงจูงใจขึ้นมากเลยทีเดียว"

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เครื่องจักรล่าเงินเดิมพัน : วัยเด็กสุดห่ามจากน้ำมือพ่อของเด็กชาย "อากัสซี่"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook