OFFICIAL! ยูเวนตุส เปิดตัว "แรมซีย์" รอย้ายฤดูกาลหน้า

​เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าหรับดีลของ อารอน แรมซีย์ เมื่อ ยูเวนตุส ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าพวกเขาจะได้ร่วมงานกับมิดฟิลด์ชาวเวลส์ในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน หลังตกเป็นข่าวมาตลอดในฤดูกาลนี้

อารอน แรมซีย์ กลายเป็นส่วนเกินในทีมของ อูไน เอเมรี เมื่อ อาร์เซนอล ยุคใหม่เลือกที่จะใช้บริการของ เมซุต เออซิล, เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน หรือ กรานิต ชาก้า มากกว่า ทำให้เขาเป็นอีก 1 เด็กก้นครัวของทีมที่ต้องโดนโละออกไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แจ๊ค วิลเชียร์ ก็ถูกปล่อยให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปแล้วในตอนเริ่มฤดูกาล 2018/19

สกายสปอร์ต รายงานว่า แรมซีย์ เซ็นสัญญากับจ่าฝูง กัลโช เซเรียอา ด้วยสัญญา 4 ปี และรับค่าเหนื่อยที่ 4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าที่เขาได้รับที่ อาร์เซนอล เกือบ 4 เท่าตั้วเลยทีเดียว อันที่จริง เขาได้มากกว่า เมซุต เออซิล นักเตะที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในทีม อาร์เซนอล เสียอีก

นั่นหมายความว่า แรมซีย์ จะมีโอกาสคว้าแชมป์กับ ​อาร์เซนอล เหลือเพียงรายการเดียเท่านั้น นั่นก็คือ ยูฟา ยูโรป้าลีก เมื่อพิจารณาว่าการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้คงไม่ทันแล้ว และมิดฟิลด์วัย 28 ปีก็น่าจะทุ่มสุดแรงเพิ่อช่วยทีมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ได้ ก่อนที่จะต้องอำลาทีมไป

"อย่างที่พวกคุณคงได้ยินกันแล้ว ผมตกลงเซ็นสัญญษล่วงหน้ากับ ยูเวนตุส เป็นที่เรียบร้อย" แรมซีย์ กล่าวผ่าน​ทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขา

"ผมอยากจะกล่าวเรื่องนี้ต่อแฟนบอล อาร์เซนอล ที่ภักดีและสนับสนุนผมมาตลอด ด้วยตัวผมเอง พวกคุณต้อนรับผมตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งเด็กน้อย คอยหนุนหลังเสมอตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะในยามที่ผมรุ่งถึงขีดสุด หรือตกอับก็ตาม ผมรู้สึกหนักใจมากกับการย้ายทีมครั้งนี้ 11 ปีที่ผ่านมามันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ขอบคุณครับ"

"ผมจะยังทุ่มเทเต็ม 100% ต่อไป หวังว่าจะพาทีมจบฤดูกาลด้วยที่ดี ๆ ก่อนจะไปเริ่มชีวิตบทใหม่ที่ตูริน"

"ด้วยความเคารพรัก อารอน"

อารอน แรมซีย์ ย้ายจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ มาอยู่กับ อาร์เซนอล ในปี 2008 โดยในขณะนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุเพียง 18 ปี หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็น 1 ในนักเตะคนสำคัญของทีม ลงเล่นให้ อาร์เซนอล 361 นัด ยิงได้ 38 ประตู แอสซิสต์ 51 ครั้ง คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ 5 สมัย และ คอมมิวนิตี้ชิลด์ อีก 2 สมัย

แรมซีย์ ทำสถิติเป็นชาวสหราชอาณาจักรคนที่ 3 ที่ย้ายไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ต่อจาก จอห์น ชาร์ลส์ และ เอียน รัช ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นชาวเวลส์เหมืนกัน