5 ประเด็นร้อนหลังเกม ซิตี้ บุกตบ ชาลเก้ 04

ฝันสลายท้ายเกมสำหรับ ชาลเก้ 04 เมื่อพวกเขาเสียสถานะจากผู้คว้าชัยในช่วง 5 นาทีสุดท้ายให้กับ เลรอย ซาเน กับ ราฮีม สเตอร์ลิง และต้องจบเกมในฐานะผู้ปราชัยอย่างน่าเสียดาย

ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างใน แชมเปี้ยนส์ลีก เกมนี้

5. พลาดนิดเดียวเป็นเรื่องDean Mouhtaropoulos/GettyImages การเล่นกับทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาส่งสัญญาณอยู่หลายระลอกว่า ราฮีม สเตอร์ลิง, ดาบิด ซิลบา และ เซร์คิโอ อเกวโร นั่นอันตรายมากเพียงใดที่จะเจาะเข้าเขตโทษคู่แข่ง และท้ายที่สุดความผิดพลาดง่าย ๆ ของเจ้าบ้านก็ทำให้ทีมได้ประตู

ในนาทีที่ 18 ราล์ฟ แฟห์ร์มันน์ พยายามเล่นบอลสั้นกับกองหลัง ซาลิฟ ซาเน แต่กลับโดนฉกบอลไปได้ง่าย ๆ เพราะการสื่อสารกันที่ไม่ดีพอ และพวกเขาก็โดนลงโทษในทันทีเมื่อบอลไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร ที่ได้แปบอลโล่ง ๆ เข้าไป และในช่วง 6 นาทีสุดท้าย พวกเขาก็โดนตีเสมอจากลูกฟรีคิกอันยอดเยี่ยมของ เลรอย ซาเน ทั้ง ๆ ที่กำลังได้เปรียบจากตัวที่เหนือกว่า

และเรื่องก็มาถึงขั้นไคลแม็กซ์ เมื่อ เอแดร์ซอน เปิดยาวข้ามไลน์กองลังไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ในนาทีสุดท้าย และปีกชาวอังกฤษก็ยิงผ่าน แฟห์รมันน์ เข้าไปไม่พลาด

ชาลเก้ ยังมีลุ้นเช้ารอบก็จริง แต่การจะยิง ซิตี้ ให้ห่าง 2 ลูกขึ้นไปเป็นอะไรที่ยากสุด ๆ และที่ยากกว่าก็คงเจะเป็นการไม่เสียประตูในบ้านของ เรือใบสีฟ้า นี่แหละ

4. อะไร ๆ ก็รอดจากสายตาของ VAR ได้ยากMaja Hitij/GettyImages VAR โดนเอาออกมาใช้อย่างต่อเนื่องในรอบ 16 ทีมฤดูกาลนี้ เมื่อลูกยิงไกลของ ดาเนียล คาลิจูรี ไปโดนแขนของ นิโคลัส โอตเมนดี้ ที่กางออกมา แม้ทั้งทีมจะพยายามปกป้องว่าเขากำลังจะเก็บแขนแล้ว แต่บอลมันเร็วเลยเก็บไม่ทัน แต่หลังจากตัดสินใจกับทีมงาน VAR ราว 5 นาที ในที่สุด คาร์ลอส เดล เซร์โร ผู้ตัดสินในเกมนี้ก็ตัดสินใจให้ลูกจุดโทษแก่เจ้าบ้าน พร้อมใบเหลืองแก่ โอตาเมนดี้

ถัดจกนั้นไม่ถึง 10 นาที VAR ก็ถูกนำมาใช้เพื่อยืนยันลูกจุดโทษอีกครั้ง แต่คราวนี้ค่อนข้างชัดเจนกว่ารอบก่อน เมื่อ แฟร์นันดินโญ ไปรั้ง ซาลิฟ ซาเน ล้มในเขตโทษ มิดฟิลด์ชางบราซิลโดนใบเหลืองอีกราย และ ชาลเก้ ก็ได้ 2 ประตูจาก 2 ลูกจุดโทษดังกล่าว

จริง ๆ แล้ว VAR ถูกนำมาใช้ก่อนหน้านี้แล้วในจังหวะที่ ซิตี้ ได้ประตู หลังจากที่ทางฝั่ง ชาลเก้ พยายามประท้วงว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ก็ถิอว่าทั้งคู่ต่างได้ประโยชน์จาก VAR ไปเต็ม ๆ

3. ใบแดงที่ไม่น่าเกิดขึ้นPATRIK STOLLARZ/GettyImages ไม่ใช่วันที่ดีของ นิโคลัส โอตาเมนดี้ เมื่อเจ้าตัวได้โอกาสลงทำหน้าที่เป็นตัวคุมเกมรับตรงกลาง แต่กลับมาโดน 2 ใบเหลืองจากความสะเพร่าของตัวเอง

เขาได้ใบเหลืองแรกในท้ายครึ่งแรกจากการกางแขนออกมามากเกินไป ซึ่งแม้เขาจะอ้างว่าไม่จงใจ แต่ลูกยิงของ คาลิจูรี ก็โดนแขนของเขาจริง ซึ่งมันดันไปมีผลกับการลุ้นประตูเสียด้วย ทำให้เขาต้องโดนใบเหลืองไปตามระเบียบ 

ในครึ่งหลังเจ้าตัวทำให้ทีมตกในที่นั่งลำบากอีกครั้ง เมื่อไปเตะใส่ กีโด เบิร์กสตัลเลอร์ แบบไม่จำเป็น ทำให้เขาโดนใบเหลืองที่ 2 และโดนไล่ออกทันที พร้อโดนแบนในนัดถัดไป

โชคยังดีที่ทีมมาได้ 2 ประตูพลิกแซงท้ายเกม ไม่อย่างนั้นการไม่มีเขาอาจทำให้ทีมต้องลำบากมากกว่านี้ในเกมนัดหน้าที่ เอติฮัด

2. ซาเน ยิงทีมเก่าอย่างเหนือชั้นPATRIK STOLLARZ/GettyImages แม้จะได้ออกสตาร์ทเป็นเพียงตัวสำรอง แต่ปีกตัวจี๊ดชาวเยอรมนีกลับกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงทีมเก่าของเขาอย่าง ชาลเก้ จนได้ เมื่อเขาปั่นฟรีคิกสุดสวยตีเสมอให้กับทีมในนาทีที่ 85 ก่อนที่ เรือใบสีฟ้า จะมาได้อีกประตูในนาทีที่ 90 เก็บชัยชนะไปในที่สุด

1. อย่าประมาท สเตอร์ลิงODD ANDERSEN/GettyImages ราฮีม สเตอร์ลิง เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จากกองหน้าที่มีปัญหาในการจบสกอร์เมื่อปลายฤดูกาลที่แล้วกับฟุตบอลโลก 2018 ตอนนี้เขาเริ่มนิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ หน้าปากประตู และในเกมกับ ชาลเก้ เจ้าตัวสามารถตั้งสติในนาทีสุดท้ายของเกม และส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายสำเร็จ

ช่วงต้นเกม สเตอร์ลิง ก็เริ่มส่งสัญญาณอันตรายมาก่อนแล้วจากการหาช่องทะลวงฝั่งของ ดาเนียล คาลิจูรี หลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้าย ชาลเก้ ก็ไม่ระวัง และพลาดท่าในที่สุด ซึ่งประตูของ สเตอร์ลิง ชี้ชะตาของทีมได้เลย เมื่อชัยชนะในเกมนี้ทำให้เกมที่ เอติฮัด จะเบาลงไปมาก แถมการเสีย โอตาเมนดี้ ไปก็แทบจะไม่ส่งผลอะไรทั้งสิ้น