ปืนใหญ่ถล่มคาร์ดิฟฟ์ 4-0 ลิ่วเอฟเอชนเบิร์นลีย์ ดูดู้ คัมแบ็ค
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/1/8739/news.jpgปืนใหญ่ถล่มคาร์ดิฟฟ์ 4-0 ลิ่วเอฟเอชนเบิร์นลีย์ ดูดู้ คัมแบ็ค

    ปืนใหญ่ถล่มคาร์ดิฟฟ์ 4-0 ลิ่วเอฟเอชนเบิร์นลีย์ ดูดู้ คัมแบ็ค

    2009-02-17T02:51:45+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ผ่านเข้าสู่ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5 ไปดวลแข้งกับ เบิร์นลีย์ สำเร็จ หลังเปิดบ้านถล่มบลูเบิร์ด คาร์ดิฟฟ์ 4-0 ดูดู้-เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ได้ฉลองคัมแบ็กคืนสู่สังเวียนแข้งโดยเหมาคนเดียว 2 ลูก ปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ส่งเวย์น รูนีย์ นั่งเป็นตัวสำรอง เพื่อลุ้นทำคะแนนทิ้งห่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพิ่มเป็น 5 แต้ม

    ศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดตกค้าง เมื่อคืนวันจันทร์ 16 กุมภาพันธ์ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมอันดับ 5 ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "บูลเบิร์ด" คาร์ดิฟฟ์ ทีมอันดับ 4 จากลีกแชมเปี้ยนชิพ

    นัดนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" ส่งผู้เล่นตัวจริงสลับกับตัวสำรองลงสนามไม่ว่าจะเป็น วิลเลียม กัลลาส, ซาเมียร์ นาสรี, คาร์ลอส เวล่า, นิคลาส เบนด์ทเนอร์ และ "ดูดู้" เอดูอาร์โด ดา ซิลวา กองหน้าเชื้อสายบราซิเลียนของทีมชาติโครเอเชียที่เพิ่งคัมแบ็กกลับมารับใช้ ทีมเป็นนัดแรก หลังต้องนอนพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บขาหักไปนานเกือบหนึ่งปี ขณะที่ เดฟ โจนส์ กุนซือทีมเยือนจัดผู้เล่นชุดดีที่สุดลงสนาม นำทัพโดย มาร์ค เคนเนดี, โจ เลดลีย์ และ เจย์ โบธรอยด์

    เริ่มเกมไปได้เพียงแค่ 20 นาที "ปืนใหญ่" เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ คาร์ลอส เวล่า เปิดบอลทางกราบซ้ายให้ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ประเดิมลูกแรกสำหรับการคัมแบ็กสู่สังเวียนแข้งด้วยการโหม่งผ่านมือ ทอม ฮีตัน นายทวารทีมเยือนเข้าไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่เจ้าถิ่นได้ประตูเพิ่มอีกหนึ่งลูกจากการเปิดลูกเตะมุมของ ซาเมียร์ บอลลอยเข้าสู่ศีรษะของ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ โหม่งเข้าสู่ก้นตาข่ายในนาที 34 จบครึ่งแรก อาร์เซนอล เป็นฝ่ายขึ้นนำ คาร์ดิฟฟ์ 2-0

    เข้าสู่ครึ่งหลัง "ปืนใหญ่" เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำแบบทิ้งห่างถึง 3-0 จากการสังหารจุดโทษของ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา นาที 60 แถมยังเป็นลูกที่ 2 ของ "ดูดู้" ในเกมนัดนี้อีกด้วย หลังจากนั้น โรบิน ฟาน เพอร์ซี หัวหอกตัวสำรองถูกเปลี่ยนลงมาซัลโวปิดท้าย นาที 89 หมดเวลาการแข่งขัน อาร์เซนอล เปิดบ้านชนะ คาร์ดิฟฟ์ 4-0

    ส่งผลให้ "ปืนใหญ่" ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ 5 ได้สำเร็จ แถมยังได้สิทธิ์เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ ทีมอันดับ 10 ของลีกแชมเปี้ยนชิพที่เคยเขี่ยพวกเขากระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกคาร์ลิ่ง คัพ มาแล้วอีกด้วย แต่ทว่าเกมคู่นี้ยังต้องรอการกำหนดวันแข่งขันกันต่อไป หาก อาร์เซนอล สามารถผ่านเกมรอบ 5 ไปได้ ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องผ่านเข้าไปดวลแข้งกับผู้ชนะคู่ระหว่าง เชฟฯ ยูไนเต็ด หรือ ฮัลล์ ซึ่งต้องดวลแข้งกันในเกมรอบ 5 นัดรีเพลย์ เพื่อแย่งกันคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบ 6 นั่นเอง

    หลังจบเกม อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" กล่าวชื่นชม เอดูอาร์โด ดา ซิลวา เป็นการใหญ่ หลังหัวหอกวัย 25 ปีรายนี้อดทนนอนพักรักษาตัวไปนาน ส่งผลให้ต้องร้างราสนามไปเป็นเวลานานเกือบหนึ่งปีเต็ม แต่เมื่อหายดีเป็นปกติอีกครั้ง ลูกทีมของเขารายนี้ยังคงสามารถรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ เหมือนเดิม แถมยังจัดการเหมาคนเดียว 2 ลูกในเกมนัดแรกที่เพิ่งคัมแบ็กกลับคืนสู่สนามอีกต่างหาก จึงทำให้เขาเชื่อมั่นว่า อาร์เซนอล จะทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะได้ตัว "ดูดู้" กลับมาช่วยล่าตาข่ายในแดนหน้านั่นเอง

    "เอดูอาร์โด มีเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการคัมแบ็กคืนสู่สนามอีกครั้งเป็นนัดแรก เมื่อคุณต้องรอเฝ้าสิ่งใดเป็นเวลานานๆ มันคงต้องใช้ความอดทนในการเฝ้ารอสูงมากกว่าที่จะผ่านทุกๆ วันไปแบบช้าๆ มันคงเคยทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสกลับมาลงสนามอีกครั้ง จึงทำให้เขาเชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถช่วยทำให้เราเป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขันทุกนัดได้แน่ เพราะเขาคือผู้เล่นที่มีสปิริตสูงมาก แถมยังมีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลที่สุดยอดมาก"

    ด้าน เดฟ โจนส์ กุนซือ "บูลเบิร์ด" ยอมรับว่า ลูกทีมของเขาไม่สามารถสู้กับ อาร์เซนอล ได้เลย แม้ว่าตัวผมจะศึกษารูปแบบการเล่นของคู่แข่งมาเป็นอย่างดี แต่มันกลับไม่เป็นเรื่องที่ยุติธรรมสำหรับทีมของเขาเลย เพราะต้องเป็นฝ่ายแพ้ไปแบบขาดลอยนั่นเอง ซึ่งตรงจุดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้ฟอร์มการเล่นของ อาร์เซนอล ทั้งหมด

    ด้านศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดตกค้างที่ต้องเลื่อนมาจากช่วงต้นฤดูกาล คืนวันพุธ 17 กุมภาพันธ์นี้ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า และทีมจ่าฝูง แข่ง 24 นัด มี 56 คแนน เตรียมเปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ทีมอันดับ 10 แข่ง 23 นัด มี 30 คะแนน โดยเกมคู่นี้ ทรูวิชันส์ ช่อง 59 ถ่ายทอดสด เวลา 03.00 น.

    สำหรับ "ปีศาจแดง" มีโอกาสทำคะแนนทิ้งห่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมรองจ่าฝูงที่ลงแข่งมากกว่า 1 เกม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตอนนี้นำหน้าอยู่เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น แต่มีข้อแม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าถิ่นเก็บ 3 คะแนนเต็มจากเกมนัดตกค้างได้สำเร็จ ทีมแชมป์เก่าก็จะทะยานหนี ลิเวอร์พูล ในฐานะทีมอันดับ 2 บนหัวตารางคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 5 แต้มทันที

    นัดนี้ "เฟอร์กี้" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ "ปีศาจแดง" เตรียมใช้งาน 2 แข้งหลักอย่าง เนมันยา วิดิช และดิมิทาร์ แบร์บาตอฟ อีกครั้ง หลังปล่อยให้ทั้งคู่ได้พักจากศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ เวย์น รูนีย์ น่าจะมีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนาม เพราะหายจากอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงต้องรอเช็กความฟิตก่อนเกมนัดนี้อีกครั้งหนึ่งเสียก่อน

    ขณะที่ เอดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารตัวเก๋าเตรียมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแน่นอน เพื่อลุ้นจารึกชื่อของตัวเองเป็นผู้รักษาประตูที่ไม่เสียประตูในเกมลีกยาว นานที่สุดในโลก หลังสร้างสถิติ "คลีนชีต" ไม่เสียประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาแล้วถึง 13 เกมติดต่อกันเป็นเวลารวมทั้งหมด 1,212 นาที แถมยังมีโอกาสแซงหน้าสถิติเก่าของ อเบล เรซิโน อดีตนายทวาร "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ในช่วงต้นทศรรษ 90 ที่เคยทำเอาไว้เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 1,275 นาที แต่มีข้อแม้ว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ ห้ามเสียประตูภายในช่วง 64 นาทีของเกมการแข่งขันนัดนี้ หากนายทวารวัย 38 ปีรายนี้ทำได้สำเร็จ ตัวเขาก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบที่สุดในโลกทันที

    ด้าน รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมเยือนเตรียมยึดผู้เล่นชุดเดิมเป็นหลัก เพราะไม่มีปัญหาขุมกำลังสำคัญได้รับบาดเจ็บนั่นเอง คาดว่า มาร์ค ชวาร์เซอร์ นายทวารตัวเก๋า และ เบรนด์ ฮานเกลันด์ น่าจะได้ยืนคุมแนวรับตามปกติ แถมยังอาจมีการใช้งาน โอลิวิเยร์ ดากูร์ มิดฟิลด์ตัวเก๋าที่ได้ยืมตัวมาจาก "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ให้ลงไปยืนคุมแดนกลางเสียบแทนตำแหน่งของ ดิกสัน เอตูฮู ที่มีปัญหาบาดเจ็บ ส่วน บ๊อบบี้ โซโมรา เตรียมยืนล่าตาข่ายในแดนหน้าคู่กับ "เอเจ" แอดรูว์ จอห์นสัน เช่นเคย

    ส่วน ศึกฟุตบอลสโมสรยุโรป ถ้วยยูฟ่า คัพ ได้ฤกษ์กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งภายในคืนวันเดียวกัน โดยเป็นเกมการแข่งขันแบบน็อกเอาท์ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก ซึ่งมีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 11 คู่ด้วยกัน เริ่มจาก เวลา 24.00 น. - ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) พบ บาเลนเซีย (สเปน), เวลา 00.15 น. - เซนิท (รัสเซีย) พบ สตุ๊ตการ์ท (เยอรมนี), เวลา 00.30 น. - โอลิมเปียกอส (กรีซ) พบ แซงต์ เอเตียน (ฝรั่งเศส)

    เวลา 02.00 น. - อัลบอร์ก (เดนมาร์ก) พบ ลา คอรุนญา (สเปน), แอสตัน วิลล่า (อังกฤษ) พบ ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย), เวลา 02.35 น. - เบรเมน (เยอรมนี) พบ เอซี มิลาน (อิตาลี), เวลา 02.45 น. ซามพ์โดเรีย (อิตาลี) พบ เมตาลิสต์ คาร์คีฟ (ยูเครน), ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) พบ โวล์ฟสบวร์ก (เยอรมนี), ไนจ์เมเกน (ฮอลแลนด์) พบ ฮัมบูร์ก (เยอรมนี), บอร์กโดช์ (ฝรั่งเศส) พบ กาลาตาซาราย (ตุรกี) และเวลา 03.45 น. บรากา (โปรตุเกส) พบ สตองดาร์ด ลีแอช (เบลเยียม)