ตง ฟางโจว : ฝีเท้าดีไม่พอหรือแค่เครื่องสังเวยทางการตลาด?

ตง ฟางโจว : ฝีเท้าดีไม่พอหรือแค่เครื่องสังเวยทางการตลาด?

ตง ฟางโจว : ฝีเท้าดีไม่พอหรือแค่เครื่องสังเวยทางการตลาด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครั้งหนึ่งเขาคือความหวังของวงการฟุตบอลจีน แต่กลับไม่ไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็น 

ย้อนกลับไปเมื่อราว 10 กว่าปีก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยสร้างความฮือฮา ด้วยการคว้าตัว ตง ฟางโจว หนุ่มน้อยจากจีนแผ่นดินใหญ่มาร่วมทัพ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะเอเชียตะวันออกคนแรกในประวัติศาสตร์ของปีศาจแดง

ฟางโจว ในตอนนั้นถือเป็นดาวรุ่งอนาคตไกล เขามีร่างกายที่สูงใหญ่และสปีดที่รวดเร็วที่น่าจะเหมาะสมกับฟุตบอลอังกฤษ แถมยังมีปรมาจารย์ในการปลุกปั้นเด็กอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คอยดูแลอย่างใกล้ชิด 

อย่างไรก็ดี แข้งจากแดนมังกรกลับไม่ประสบความสำเร็จในแดนผู้ดี แม้หลังจากนั้นจะย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิด แต่ก็เป็นเพียงแค่ผู้เล่นธรรมดา ก่อนหายหน้าไปจากวงการฟุตบอลอย่างเงียบๆ 

อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ดาวรุ่งจากแดนมังกรผู้นี้ไม่ประสบความสำเร็จ ร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อม Main Stand 

ความหวังของแดนมังกร 

ในวันที่ ฟางโจว เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขามีอายุเพียง 18 ปี แต่ในตอนนั้นเขาคือความหวังของคนจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งประเทศ เนื่องจากเป็นนักเตะสัญชาติมังกรรายแรกที่ได้เซ็นสัญญากับทีมยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ 


photo : GiveMeSport

แม้ว่า 2 ปีก่อนหน้านั้น ซุน จีไห่ จะสร้างปรากฎการณ์เป็นนักเตะชาวจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีก หลังย้ายมาร่วมทัพแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็เทียบไม่ได้กับฟางโจว เพราะเรือใบสีฟ้าในตอนนั้นเป็นเพียงทีมกลางตาราง ที่บางปีต้องลุ้นหนีตกชั้นด้วยซ้ำ 

ฟางโจว จึงมีภาษีที่ดีกว่าชัดเจน เนื่องจากยูไนเต็ดช่วงนั้นคือทีมลุ้นแชมป์ ที่มีเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือระดับตำนานของอังกฤษกุมบังเหียน แต่ชื่อชั้นของทีมก็กลายเป็นดาบสองคมสำหรับแข้งชาวจีนผู้นี้โดยไม่รู้ตัว 

“ขนาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากที่ทำให้ตงไปไม่สุด” ทอม ไบเออร์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของจีนกล่าวกับ Bleacher Report 

“ผมเคยทำงานกับชินจิ คางาวะ ตั้งแต่สมัยเขายังเด็กมากๆ (ที่ญี่ปุ่น) และผมก็เห็นได้ว่าเขาถูกลิขิตไว้สำหรับยุโรป ผมไม่ได้พูดว่า (โบรุสเซีย) ดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่เล็กนะ แต่การกระโดดจากดอร์ทมุนด์ไปยูไนเต็ดมันมากเกินไป เหมือนกับฮิเดโตชิ นาคาตะที่โรมา เขาไม่เคยทำได้ดีเหมือนตอนที่เขาทำได้ที่เปรูจาเลย พาร์ค ชีซอง เป็นคนเดียวที่ถือเป็นข้อยกเว้น ผมคิดแบบนี้” 


photo : tomsan.com

ด้วยความที่จีนมีประชากรมากมายนับพันล้านคน ทำให้ดินแดนแห่งนี้ตกเป็นเป้าหมายในการขยายฐานการตลาด พรีเมียร์ลีกเองก็เล็งเห็นในจุดนี้ และหนึ่งในวิธีที่จะทำให้แฟนบอลสนใจลีกนี้มากขึ้นนั่นก็คือการซื้อนักเตะจากที่นี่ไปร่วมทีม ซึ่ง ฟางโจว ก็คือผู้ที่เหมาะสมมากที่สุด 

เขาถูกซื้อในช่วงที่เวลาที่เหมาะสมสำหรับฟุตบอลจีน แต่เขายังห่างไกลจากการเป็นนักเตะที่มีตัวตน เขาเพิ่งอายุ 18 และเพิ่งเล่นเกมลีกไม่กี่เกม” แบรนดอน เชมเมอร์ หัวหน้าบรรณาธิการ Wild East Football กล่าวกับ Bleacher Report

“มันเป็นความรู้สึกว่าเขาถูกเซ็นมาเพื่อขายเสื้อ” 

แม้ว่าหลายฝ่ายอาจคิดเช่นนั้น แต่มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะอันที่จริงฝีเท้าของเขาในตอนนั้นก็ถือว่าไม่ธรรมดา 

แข็งแกร่งเกินมาตรฐานเอเชีย 


photo : VAVEL.com

การมาถึงของ ฟางโจว อาจจะเต็มไปด้วยข้อครหาว่า ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาเขามาเพื่อทำการตลาด แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะฟางโจว มีดีกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสภาพร่างกายที่เหมาะสมสำหรับพรีเมียร์ลีก  

“เขาได้ไปเล่นทีมสำรอง และได้โอกาสสำคัญทันที เขาเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ นั่นทำให้เราตะลึง ที่ผู้เล่นจากเอเชียมีระดับความแข็งแกร่งเช่นนี้” พอล แม็คกินเนส อดีตโค้ชแมนยูชุด U18 กล่าวกับ  Bleacher Report

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนัก แต่เราเคยมีประสบการณ์กับนักเตะจีนมาก่อน ดังนั้นเราจึงรู้ว่าจะต้องระวังเรื่องอะไร” 

14 ปีก่อนฟางโจวจะมาที่นี่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มีโอกาสดูแลนักเตะชาวจีนที่ชื่อว่า ซู เหมาเฉิน เขาเป็นนักเตะที่มาทดสอบฝีเท้าจากการแนะนำของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน หลังการมาทัวร์อังกฤษร่วมกับทีมเยาวชนทีมชาติจีน   

“ผมเคยติดทีมชาติจีน รุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี และเราก็มาทัวร์สหราชอาณาจักรกัน” ซูย้อนความหลัง

“เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน มาหาและดูเราเล่น เขามีโรงเรียนสอนฟุตบอลที่จีนหลังจากวันนั้น โครงการเกิดขึ้นโดย มาร์กาเรต แธตเชอร์และรัฐบาลจีน มันสำคัญมาก” 


photo : Getty Images

ซู ทำผลงานได้น่าประทำใจในการทดสอบฝีเท้า และถูกเลือกจาก ชาร์ลตัน ให้มาร่วมฝึกซ้อมกับทีม ในปี 1989 เขาได้มาซ้อมกับทีม U16 ของยูไนเต็ดอยู่ราว 3 เดือน แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นขาหัก ทำให้โอกาสกับยูไนเต็ด ต้องหลุดลอยไป แต่เขาก็ได้กลับมาอีกครั้งในปี 1991 

“ผมกลับมาในปี 1991 ผมอาศัยอยู่ที่ซัลฟอร์ด ใกล้กับกับสนามซ้อมเดอะคลิฟฟ์ มันน่าตื่นเต้นมาก มาร์ค ฮิวส์ ไบรอัน ร็อบสัน เดวิด เบ็คแฮม เราซ้อมกับพวกเขา ผมยังจำเบรนดา เจ้าของบ้านของผมได้อยู่เลย” ซูกล่าวต่อ 

“เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาผมไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และบอกผมว่า ‘วันหนึ่งซู คุณจะอยู่ที่นี่’ เขากระตุ้นผมหลายครั้ง ผมจินตนาการว่าเขาคงทุ่มเทแบบนี้กับตง ใช่มั้ยล่ะ” 

แม้จะมีส่วนสูงถึง 186 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับชาวเอเชีย แต่สำหรับพรีเมียร์ลีกแค่นั้นยังไม่พอ การที่จะต้องอยู่รอดต้องมีทั้งความแข็งแกร่งและความเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ซูขาด ซึ่งทำให้เขาไม่ได้สัญญาจากปีศาจแดง แต่สำหรับ ฟางโจว มันไม่ใช่ 

“ตง มีทั้งสภาพร่างกาย พละกำลัง ความเร็ว และทุกอย่าง เฟอร์กูสันบอกผมว่าตงน่าทึ่งมาก เขาสมบูรณ์แบบสำหรับอังกฤษ เขาเรียกตงว่านักเตะทรงพลัง” ซูให้ความเห็น 

อย่างไรก็ดี แม้จะเก่งกาจแค่ไหน แต่ที่อังกฤษหากคุณไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือ Work Permit การลงเล่นก็เป็นไปไม่ได้ จึงทำให้แมน ยูไนเต็ด ต้องปล่อยตัวเขาไปให้ทีมในลีกเบลเยียมยืมตัวไปใช้งานชั่วคราว 

รอยัล อันท์เวิร์ป คือจุดหมายต่อไปของเขา 

ชีวิตที่เบลเยียม 

รอยัล อันท์เวิร์ป เป็นสโมสรในลีกรองของเบลเยียม มีสถานะเป็นสโมสรลูกของแมน ยูไนเต็ด แข้งดังของปีศาจแดงค่างเคยผ่านการเล่นให้กับทีมนี้มาแล้วหลายรายในสมัยเป็นดาวรุ่ง ทั้ง ไรอัน ชอว์ครอส, แดนนี ซิมป์สัน, จอห์น โอเช หรือ จอนห์นี อีแวนส์ 

แน่นอนว่าการมาเล่นที่นี่คือการเสริมประสบการณ์ของแข้งวัยเยาว์ แต่อีกส่วนหนึ่งคือการให้นักเตะนอกยุโรปที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในอังกฤษของยูไนเต็ดได้มีที่โชว์ฝีเท้า เนื่องจากเบลเยียมมีกฎหมายที่ผ่อนปรนให้นักเตะนอกสหภาพยุโรป มาเล่นในลีกแห่งนี้ได้ 

“มันไม่เหมือนกับแค่การส่งนักเตะออกไปให้ยืมตัว เรามีคนที่ทำงานให้เราอยู่ที่นั่น วาร์เรน จอยซ์ และ แอนดี เวลช์ อยู่ที่นั่นเพื่อจัดการทุกอย่างให้นักเตะ แฟนๆที่นั่นน่าทึ่งมาก และนั่นน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็กหนุ่มทุกคน” แมคกินเนสอธิบาย 


photo : Bleacher Report

“ลีกเบลเยียมมีนักเตะมากมายจากทั่วโลก มันเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับตง ที่เป็นเหมือนคนต่างด้าวที่แมนเชสเตอร์”

ฟางโจว ดูจะเข้าได้ดีลีกใหม่ และเริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มีดีแค่การตลาด โดยเฉพาะในเรื่องฝีเท้า เขาเริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีดีมากกว่าที่คนปรามาส และยังแสดงให้เห็นถึงความขยันด้วยการฝึกซ้อมพิเศษส่วนตัวอีกด้วย 

“เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แข็งแกร่งมากและรูปร่างค่อนข้างสูง แถมยังเร็วมากๆ ตอนที่เขายิงประตูมันหมือนกับระเบิด ทรงพลังมาก และกองหลังก็กลัวเขา” เรจิ ฟาน อัคเกอร์ หนึ่งในอดีตโค้ชของ อันท์เวิร์ปกล่าว 

“เขาทำทุกอย่างที่เราให้ทำในการฝึกซ้อม และยังฝึกซ้อมพิเศษส่วนตัวสำหรับร่างกายของเขา เขาดูเหมือนมีความสุข เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ (อดีตทนายของยูไนเต็ด) ,มัวริซ วัตกินส์ มาเยี่ยมที่อันเวิร์ปเป็นประจำ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” 

ทั้งที่ทุกคนพูดถึงเขาในแง่ดีอยู่เสมอ และชีวิตกำลังไปได้สวย แล้วอะไรถึงทำให้นักเตะที่หลายคนต่างพากันชื่นชมกลับไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็น? 

กำแพงที่มองไม่เห็น 


photo : Marca

จริงอยู่ที่การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมใหม่เป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะเรื่องภาษา แต่ฟางโจวไม่เคยแม้แต่พยายามทำมัน และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา 

“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือเขาควรอยู่ตรงไหน ซูเข้ามาและทักทายเราทุกคน เขายังคงเป็นเพื่อนกับเรา ผมไม่คิดว่าตงเคยลองทำ ก็จริงสำหรับเด็กหนุ่มในดินแดนที่แปลกหูแปลกตา มันต้องเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน” แมคกินเนสให้ความเห็น  

“ภาษาคือปัญหาหนึ่ง แต่ผมก็พยายามอย่างมากที่จะพูดอะไรนิดๆหน่อยๆเป็นอย่างน้อย จากสิ่งที่ผมได้ยินมา ตงไม่เคยแม้แต่จะพยายาม” ซูกล่าวเสริม 

ที่เบลเยียม ฟางโจวได้มีโอกาสเล่นให้อันท์เวิร์ปไป 9 นัดและยิงได้ 1 ประตูในฤดูกาลแรกในปี 2003-04 ก่อนที่ฤดูกาลต่อมา เขาจะระเบิดฟอร์มด้วยการซัดไปถึง 18 ประตูจาก 29 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโวของลีก 

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้สวย แต่นั่นคือเรื่องในสนามเท่านั้น ฟางโจว ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมทีม แม้กระทั่งโค้ชก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆเขาคิดอะไร  


Sina English 

“ครั้งหนึ่ง เขากลับไปเล่นให้ทีมชาติ และกลับมาพร้อมกับเสื้อและของจากทีมชาติและมอบเป็นของขวัญให้ผมเป็นการส่วนตัว” ฟาน อัคเกอร์กล่าว 

“แต่หลังจากนั้น มันยังเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารกับเขา ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาคิดอะไร มันยากที่จะช่วยเหลือเขา เรามีแค่โค้ชชาวยุโรป” 

ฟางโจว อาจจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาที่เร่งด่วน ในเมื่อเขาทำผลงานได้ดี เขาจึงไม่ได้มาใส่ใจในเรื่องนี้ แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคิดผิด 

อนาคตที่สดใส?

หลังจากใช้ชีวิตในเบลเยียมเกือบ 3 ฤดูกาล ในที่สุดฟางโจว ก็ได้รับใบอนุญาตทำงานในเดือนธันวาคม 2006 เขาพกความมั่นใจกลับมาเต็มเปี่ยม จากดีกรีดาวซัลโว ดิวิชั่น 2 ในฤดูกาลก่อน แถมซีซั่นนี้ก็ทำได้ไม่เลว เมื่อยิงไปถึง 9 ประตูจาก 14 นัด 


photo : english.cri.cn

แต่ในวัย 21 ปี ฟางโจวยังมีเรื่องมากมายที่ต้องพิสูจน์ เขายังต้องรอโอกาส ก่อนจะได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกในเกมส่งท้ายฤดูกาล 2006-2007 ในเกมพบกับเชลซี ส่วนการลงเล่นตัวจริงเกมแรกของเขาต้องรอจนถึงฤดูกาลถัดมา หลังถูกส่งลงเป็น 11 คนแรกในเกมลีกคัพที่พบกับโคเวนทรี และนั่นก็คือเกมเดียวสำหรับเขาตลอดฤดูกาลนั้น 

ปี 2008 เขามีชื่อเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมชาติจีน ในฟุตบอลโอลิมปิกที่ปักกิ่ง แต่อนาคตที่แมนฯ ยูไนเต็ดเริ่มจะไม่แน่นอนแล้ว ฟางโจวไม่ได้เบอร์เสื้อในฤดูกาล 2008-2009 และหายนะก็เริ่มต้นหลังจากนั้น เมื่อเขาตัดสินใจกลับไปเล่นให้กับ ต้าเหลียน ซือเต๋อ (ปัจจุบันถูกยุบไปแล้ว) ในบ้านเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2008 

ฟางโจว ยิงให้ต้าเหลียนไม่ได้เลยตลอดสองฤดูกาลในแดนมังกร นักเตะที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเข้าชิงแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของ FIFPro ร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด และ เวย์น รูนีย์ แทบไม่มีพิษสงอะไรเลยในลีกจีน

“ทัศนคติของเขามันผิด หลังการเล่นที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตงคิดว่าทุกอย่างคงดำเนินไปอย่างง่ายดาย และตอนที่เขากลับมาที่จีน เขาจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด” ซูกล่าว 


photo : Getty Images

“นั่นมันไม่จริง คุณต้องแสดงให้เห็นพรสวรรค์ในทุกที่ ผู้เล่นที่ดีจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอทั้งในการฝึกซ้อมและชีวิตปกติ ผมคิดว่าเขาน่าจะไม่มีคนบอกว่าควรจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีฟุตบอล” 

ฟางโจว ต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง จึงตัดสินใจกลับไปเล่นในยุโรปอีกครั้ง แต่สภาพจิตใจเขาพังไปแล้ว เขาได้ลงเล่นเพียงแค่ 4 นัดให้กับ ลิเกีย วอร์ซอ ที่โปแลนด์ ก่อนจะยกเลิกสัญญากับปอร์ติโมเนนเซ ของโปรตุเกส ทั้งที่สโมสรแห่งนี้ได้รับคำแนะนำจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ ให้เซ็นสัญญามาร่วมทีม

ชีวิตในยุโรปครั้งสุดท้ายของเขาปิดฉากที่ลีกอาร์เมเนีย และไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปเล่นในบ้านเกิดอีกครั้ง แต่มันกลับยิ่งแย่ลงไปอีก 

หลงใหลในราตรี 

การกลับมาค้าแข้งในแดนมังกรของ ฟางโจว อาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่พฤติกรรมนอกสนามที่ทำให้ชีวิตเขาย่ำแย่ลงไป เขาถูกแบนยาวถึง 6 นัดหลังไปชูนิ้วกลางให้กับแฟนบอล อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น 

“ความรับผิดชอบของเขาถูกตั้งคำถามจากสื่อเป็นประจำ เขาแสดงให้เห็นเป้าหมายที่สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย” คริสโตเฟอร์ แอตกินส์ ตัวแทนของนักเตะที่จีนกล่าวกับ Bleacher Report

“เขาทำให้ตัวเองมีปัญหาในฤดูกาลนั้น ถูกแบน 6 นัดหลังไปชูนิ้วกลางให้แฟนบอลของสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง หลังจากถูกเยาะเย้ยตอนที่ถูกไล่ออก” 

ในขณะเดียวกันความมัวเมาในแสงสี ก็ทำให้ชีวิตเขากู่ไม่กลับ ฟางโจว ที่เคยเป็นสุดยอดตอนดาวรุ่งไม่มีอีกแล้ว ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวลดทอนศักยภาพของเขาลงไปทุกที และวันนั้นก็มาถึง ฟางโจว ประกาศแขวนสตั๊ดในวัยที่ยังไม่ถึง 30 ปี ในปี 2014 โดยมี เหอเป่ย จงจือ (เหอเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน ในปัจจุบัน) เป็นต้นสังกัดสุดท้าย

“มีข่าวลือมากมายว่าเขาถูกล่อลวงจากชีวิตกลางคืน ซึ่งก็พิสูจน์ลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าท่าแน่ๆ คือ การที่เขาไปย้อมผมเป็นสีทอง ซึ่งปกติเป็นสิ่งที่ชาวเอเชียไม่ค่อยยอมรับ โดยเฉพาะกับบุคคลสาธารณะ” ไบเออร์กล่าว


photo : Manchester Evening News


ฟางโจว หายหน้าไปจากวงการฟุตบอล ก่อนจะมีชื่อกลับมาอยู่ในสื่ออีกครั้งเมื่อปี 2015  หลังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรายการทีวีของจีนเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติก แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้อีกเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาหายสาบสูญไปจากวงการฟุตบอลจีนนับตั้งแต่วันนั้น 

น่าเสียดายที่นักเตะที่ครั้งหนึ่งได้รับการเชิดชูว่าเป็นอนาคตใหม่ของวงการฟุตบอลจีนต้องมาลงเอยเช่นนี้ ทั้งที่เขามีพร้อมทั้งด้านร่างกายและโอกาส  เขาน่าจะได้เป็นไอดอลของเหล่าเยาวชนจากแดนมังกร แต่สิ่งหล่านี้กลับไม่เกิดขึ้นจริง 

“มันเป็นเรื่องเศร้า เป็นเรื่องเศร้าจริงๆสำหรับนักเตะพรสวรรค์คนหนึ่ง แรนส์ฟอร์ด แอดโด เคยบอกผมว่า เขาเป็นเด็กที่ดีที่สุดของยูไนเต็ด ที่มาอยู่อันเวิร์ปเท่าที่เคยมีมา” แอตกินส์ทิ้งท้าย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook