ไขเคล็ดลับการสร้าง "คางเหล็ก" ของโรแบร์โต ดูรัน ในเชิงวิทยาศาสตร์

ไขเคล็ดลับการสร้าง "คางเหล็ก" ของโรแบร์โต ดูรัน ในเชิงวิทยาศาสตร์

ไขเคล็ดลับการสร้าง "คางเหล็ก" ของโรแบร์โต ดูรัน ในเชิงวิทยาศาสตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักมวยคนหนึ่งได้ฉายาว่า "ฮิทแมน" หรือมือสังหาร อันเป็นผลมาจากหมัดของเขาที่หนักกว่านักมวยในรุ่นเดียวกัน ช่วงแขนที่ยาวจนกลายเป็นท่าไม้ตาย "ฟลิกเกอร์ เเย็บ" คนๆ นั้น คือ โทมัส เฮิร์นส์ 

หมัดของ เฮิร์นส์ หนักจนชนิดที่ว่าถูกยกให้เป็นหมัดที่ทรงพลังที่สุดของยุคนั้น ทว่าเมื่อถามเขาว่าใครคือคนที่ทนทายาดและเอาลงยากที่สุด เขาบอกมาสั้นๆ 1 ชื่อว่าคนนั้นคือ "โรแบร์โต้ ดูรัน"

ดูรัน อาจจะได้ฉายาว่า "ไอ้หมัดหินจากปานามา" ทว่าสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นจุดเด่นของเขาไม่ใช่หมัด นักมวยทั่วไปมีความหนักของหมัดเป็นอาวุธ แต่สำหรับดูรันการตั้งรับของเขาคือชั้นหนึ่ง หากจะบอกว่าหมัดของเขาเป็นหิน คางของเขาก็คงจะถูกเรียกว่าเหล็กแบบไม่ผิดนัก

หมัดหินมาก่อน

ดูเว่อร์ไปหน่อยใช่ไหมที่จะมีนักมวยคนหนึ่งมีทั้งหมัดน็อคและความเเข็งแกร่งที่โดนยังไงก็ไม่น็อคเป็นอาวุธ ...


Photo : www.boxingnewsonline.net

จริงๆ แล้ว ดูรัน นักชกชาวปานามา มีช่วงชีวิตนักชก 2 แบบ ช่วง ณ ตอนที่เขาเริ่มแรกเกิดเขาถือว่าเป็นมวยรุ่นเล็ก และมีทีเด็ดตรงน้ำหนักหมัดที่หนักกว่าคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน ดูรัน ชนะ ถึง 31 ไฟต์ติดต่อกันและเป็นการชนะน็อค 27 ไฟต์ สถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นการออกอาวุธของเขาจัดว่าเป็นชั้นหนึ่ง และในช่วงนั้นเองที่ทำให้เขาถูกเรียกว่า "ไอ้หมัดหินจากปานามา" เป็นหนึ่งในราชามวยรุ่นเล็กที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันเป็นเช่นนั้นมาเกือบ 10 ปี จนกระทั่งรุ่น ไลท์เวท ไม่เหลือใครที่จะต้านพลังหมัดหินของเขาได้อีกเเล้ว

อย่างไรก็ตามมวยรุ่นเล็กยุคนั้นต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก ดูรัน เป็นแชมป์ไลท์เวทร่วมสมัยกับ "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตแชมป์ซุเปอร์ไลท์เวทของไทย อยู่พักใหญ่ ทั้งคู่มีข่าว (เต้า) ว่าจะชกกันสักครั้ง แต่ที่สุดเเล้วมวยรุ่นเล็กนั้นไม่ตอบโจทย์เกินไปทั้งแง่ชื่อเสียงเเละเงินทอง ดังนั้นชัยชนะที่มากมายของ ดูรัน ในรุ่นไลท์เวทก็มาถึงทางตัน จากนั้นเขาเริ่มทำน้ำหนักข้ามไปถึง 2 รุ่น โดยเล็งไว้ที่รุ่นเวลเตอร์เวท ที่มีกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่ นั่นคือ ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด นักชกขวัญอเมริกัน และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกนั่นเอง

จากนั้นคางเหล็กก็ตามมา

ขณะที่ฉายา "คางเหล็ก" นั้นเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค '70s มันไม่ได้มีความหมายว่า คางที่แข็งแกร่งอย่างเดียว แต่มันหมายถึงนักมวยที่ทนหมัดและเกมการสู้ในเชิงรับที่ยอดเยี่ยม


Photo : theundefeated.com

เมื่อขึ้นสู่ระดับน้ำหนักที่มากขึ้นและเขาต้องทำน้ำหนักเพิ่มอีกราว 30 ปอนด์ จึงทำให้น้ำหนักหมัดของเขาที่เคยเหนือกว่าใครในรุ่นไลท์เวท ถูกลดทอนความรุนแรงลง อย่างไรก็ตามชั้นเชิงและคุณสมบัติบางอย่างของ ดูรัน ยังถือว่าเหลือๆ แม้จะขยับรุ่น สิ่งที่ยืนยันได้ว่ามาตรฐานของเขาชกได้ทุกรุ่นนั่นคือการถูกจัดเข้าไปอยู่ในทำเนียบ "4 Fabulous" หรือ 4 ทหารเสือมวยรุ่นกลางแห่งยุค ที่ประกอบด้วยโคตรมวยอีก 3 คนนอกจาก เลียวนาร์ด แล้วยังมี มาร์วิน แฮ็คเลอร์ และ โทมัส เฮิร์นส์ ทั้งสี่คนคือโคตรมวยแห่งยุคเพราะชกกันสูสี ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะจนยังหาคำตอบแบบชัดๆ ว่าใครเป็นอันดับ 1 แบบไม่มีข้อโต้แย้งไม่ได้

เลียวนาร์ด ว่องไวและมีเบสิคที่เปี่ยมล้น, เฮิร์นส์ มีหมัดระยะไกลที่หนักหน่วงที่สุด, แฮ็กเลอร์ เป็นมวยที่ดักทางยาก เพราะต่อยซ้ายและขวาได้หนักเท่าๆ กัน ขณะที่ ดูรัน แตกต่างที่สุด เมื่อเข้าสู่รุ่นกลาง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือ "คาง" ที่แข็งโป๊ก มีความสามารถในการทนหมัดได้มากที่สุด 4 ทหารเสือ

ดูรัน ต้านทานหมัดได้ดีกว่าใครและมันกลายเป็นจุดเด่นที่เขาใช้ในการขับเคี่ยวคว้าแชมป์ในรุ่นกลาง แม้แต่ ชูการ์ เรย์ ที่ถือเป็นอเมริกันฮีโร่คนใหม่ต่อเนื่องจากยุคของ มูฮัมหมัด อาลี ยังเอา ดูรัน ไม่ลงในวันที่เขาอยู่ในจุดพีกสุดของการชก โดยไฟต์นั้นเกิดขึ้นในปี 1980 ไฟต์ที่ถูกเรียกว่า "ศึกตะลุมบอนในมอนทรีออล" (The Brawl in Montreal) เป็นดูรันที่โชว์ฟอร์มพระเอก ทั้งๆ ที่ได้ค่าตัวน้อยกว่า เลียวนาร์ด ถึง 5 เท่า (เลียวนาร์ดได้ 9 ล้านเหรียญฯ, ดูรันได้ 1.5 ล้านเหรียญฯ)   

แม้หลังจากนั้น ดูรัน จะใช้ชีวิตแบบสตาร์ฉลองหนักปาร์ตี้แหลกจนร่างกายไม่ดีเหมือนเดิม จากที่ไม่เคยแพ้ใครมา 40 ไฟต์ เขาก็เริ่มแพ้มากขึ้น และคนที่ปราบเขาจนสิ้นท่าก็คือเลียวนาร์ด ในอีก 5 เดือนหลังจากที่ไฟต์แรกจบลง แต่เรื่องของความอึดนั้นยังถือว่าเป็นสิ่งที่หนึ่งที่ไม่จากเขาไปไหน โทมัส เฮิร์นส์ ยังยอมรับถึงเรื่องนี้ เขาคือคนที่สองที่น็อค ดูรัน ได้และเขาบอกว่าหมัดที่เขาใช้คว่ำ ดูรัน คือหมัดที่เขาชกได้แรงที่สุดในชีวิต


Photo : stylezmakefights.com

"หมัดที่ผมใช้กับ โรแบร์โต้ ดูรัน คือหมัดที่เเรงมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเหวี่ยงหมัดมาในชีวิต ก่อนจะชกไฟต์นั้นผมฝึกหนักมากเพราะรู้ว่าผมจะต้องชกกับตำนานอย่างเขา" โทมัน เฮิร์นส์ ว่าไว้เช่นนี้

คางเหล็กฝึกได้อย่างไร

เว็บไซต์เกี่ยวกับการฝึกร่างกายที่ชื่อว่า hyperfightfitness.com ยืนยันว่า โรแบร์โต้ ดูรัน ไม่ได้เป็นนักชกที่มีมัดกล้ามสวยงามและความฟิตเเบบเกินมนุษย์ แต่การทนหมัดหนักของเขาคือเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถยืนครบ 15 ยกได้สบายๆ


Photo : www.boxingnewsonline.net

แม้ไม่มีการยืนยันจากเจ้าตัวว่ามีการฝึกให้ทนหมัดมากกว่านักชกปกติได้อย่างไร แต่มีการสรุปแบบกว้างๆ ว่า คางที่ทนทานของ ดูรัน มี 2 เหตุผลใหญ่ เรื่องแรกคือสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ เขาเกิดมาเป็นคนมีโครงสร้างต้นคอที่ใหญ่ และเเข็งตามธรรมชาติอยู่แล้ว และสอง คือการฝึกฝนเพิ่มจุดเเข็งให้กับคางตัวเองจนเเข็กโป๊กยิ่งขึ้นกว่าเดิม การเพิ่มความแข็งแกร่งของคางนั้นมีวิธีการฝึก ซึ่งทางดูรัน จะใช้การนอนหงาย และโยกหัวขึ้นลงแบบที่ตัวไม่ขยับ เขาจะยกขึ้นลง ขึ้นลง ไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ต้นคอ โดยในท่านี้ร่างกายส่วนอื่นจะไม่ขยับเลย ซึ่งแท้จริงแล้วคอนี่แหละที่สำคัญมาก เพราะความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่คอ คือ หัวใจในการทนหมัด นอกจากการฝึกคอเเล้วสิ่งที่เขาจะทำอีกย่างคือการเอาดัมเบลใส่ไว้ในหมวกกันน็อค (ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยช่วยในการยกดัมเบลได้ถนัดขึ้นเเล้ว) และใช้ปากกัดส่วนที่เป็นเชือกเอาไว้และยกขึ้นลงสวนทางแรงโน้มถ่วงของโลก  

ส่วนอื่นๆ ที่ปรากฎจากเหล่าเทรนเนอร์ระดับโลกถึงวิธีฝึกคางและคอนั้น มีอีก 1 วิธีชัดๆ และนิยมกันในหมู่นักชกอาชีพ แถมยังเป็นหนึ่งท่าฝึกต้นคอที่โหดที่สุด นั่นคือการทำสะพานโค้งแบบไม่ใช้มือดันตัว แต่ใช้หัวแทน เอาหัวปักกับพื้นแล้วหมุนไปหมุนมา ท่านี้อันตรายมากและมีโอกาสที่จะทำให้คอหักได้ ดังนั้นผู้ที่จะฝึกท่านี้ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งในระดับสูงพอสมควร ยกตัวอย่างเช่น ไมค์ ไทสัน หนึ่งในแชมป์เฮฟวี่เวทก็ใช้วิธีฝึกนี้เช่นกันเพื่อทำให้ต้นคอของเขาเเข็งแรง


Photo : deskgram.net

ทำไมคอจึงสำคัญกับการตั้งรับ?

มันมีการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่าหากคุณโดนฟาดหรือชกเข้าที่คางเเล้วล่ะก็ คอของคุณจะสะบัดจนเกือบหมุนอย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่คอ "หมุนแบบไม่เต็มรอบ" จะทำให้หัวของคุณหมุนตามไปด้วย และเมื่อหัวของคุณหมุน สมองที่อยู่ในกะโหลกก็จะเด้งไปเด้งมาซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้และต้องล้มลงในท้ายที่สุด

"มันมีกระบวนการที่เกี่ยวกับปฎิกิริยาในสมองเกิดขึ้นหลายแบบหากมันถูกได้รับการกระแทก" ดร.แอนโทนี่ อเลสซี่ รองศาสตราจารย์คลินิกประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตและมหาวิทยาลัยไซด์ กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ในปี 2009

"เพื่อจะบอกให้เห็นภาพง่ายๆ มันเหมือนกับว่า มีพายุถล่มใส่บ้านคุณและรอยเเตกเพียงเล็กๆ ในผนังชั้นใต้ดิน มันจะทำให้น้ำไหลสู่ห้องใต้ดินของคุณได้ ... ผนังห้องใต้ดินก็เหมือนกับการแตกของ เซลล์ประสาทเวลาโดนชกนั่นแหละ ตอนนี้น้ำที่ไหลเข้ามาก็คือแคลเซียม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเอาออกจากเซลล์ และการจะเอามันออกจากห้องใต้ดินได้จำเป็นต้องมีเครื่องสูบน้ำ และเครื่องสูบน้ำออกก็คือหน้าที่ของเซลล์ประสาทนั่นเอง"

"เซลล์ประสาทจะสูบเอาแคลเซียมที่มากเกินไปออกมาจนกว่ามันจะสมดุล ร่างกายจะใช้พลังงานไปกับการสูบเอาแคลเซียมออก สมองของคุณจะบอกกับคุณว่า 'ฟังนะฉันจำเป็นจะต้องปิดบริการชั่วคราวเพื่อทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อน' นั่นคือเหตุผลที่ร่างกายส่วนอื่นจะน็อคไปโดยปริยาย เพราะหากฝืนทำงานต่อไปแล้วยังโดนซ้ำอีกปริมาณแคลเซียมจะหลั่งไหลเข้ามาเยอะเกินไปบางครั้งมันก็ส่งผลถึงเสียชีวิตเลยก็ได้" ดร.แอนโทนี่ อเลสซี่ กล่าว

สิ่งที่จะทำให้สมองไม่กระทบกระเทือนจนเซลล์ประสาททำงานหนักเกินควรคือกล้ามเนื้อคอนั่นเอง การมีกล้ามเนื้อคอที่ใหญ่นั้นสามารถดูดซับแรงกระแทกที่ส่งผลต่อสมองได้ดีกว่ามากเลยทีเดียว หากโดนชกหรือฟาดเข้าที่คางโดยไม่มีการฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรงนั้น สิ่งที่ตามมาคือสมองจะกระแทกกับกะโหลกอย่างเเรงและอาจมีผลถึงเสียชีวิตเลยก็เป็นได้

"แน่นอนที่สุด กล้ามเนื้อคอมีความสำคัญสำหรับการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากการโดนชกอย่างแรง อย่างไรก็ตามมันไม่ช่วยในการหลีกเลี่ยงการชนโดยตรงหรอกอาทิการโดนตีเข้าที่หัวหรือกะโหลกอย่างจังๆ"

อย่างไรก็ตามต่อให้มีกล้ามเนื้อคอที่เเข็งแกร่ง เเข็งแรงขนาดไหน แต่มันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้เพื่อ "ตั้งใจให้โดนชก" มีนักชกหลายคนคิดว่ายิ่งรับหมัดได้มากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งมีภูมิคุ้มกันมากเท่านั้น  แต่ความจริงแล้วการไม่โดนชกนั้นดีที่สุด ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ โรแบร์โต้ ดูรัน ถูกเรียกว่า "ปรมาจารย์การตั้งรับ" (Master of Defense) ก็เพราะว่าความว่องไวในการหลบหมัดของเขานั่นเองมันจึงทำให้เขายืนครบยกได้เป็นประจำ ดูรัน รวดเร็ว โดนหมัดน้อย ... และเมื่อโดนชกเเล้วยังมีกล้ามเนื้อคอมาช่วยรับแรงกระแทกอีกต่อหนึ่ง นี่คือเคล็ดลับในการตั้งรับของเขา

สุดท้ายแล้วคางเหล็กที่เกิดจากการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อจุดประสงค์ของการป้องกัน ก็กลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่เหล่านักชักระดับแนวหน้าให้ความสำคัญ เพราะยิ่งพวกเขาทนหมัดเก็บอาการได้เท่าไหร่ ก็มีโอกาสยืนบนสังเวียนได้นานขึ้นเท่านั้น และเมื่อยืนดวลหมัดได้นานขึ้น ก็มีโอกาสที่คู่ชกจะชกจนอ่อนแรงไปเอง แถมยังช่วยให้หมัดของนักชกสายตั้งรับทั้งหลายหนักขึ้นโดยปริยาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook