จิ๋วจี๊ดตัวจริง : เมื่อ "บาร์ซ่าทีมหญิง" ยู 12 โหดเกินพิกัดจนต้องส่งไปแข่งกับผู้ชาย

"บาร์เซโลน่า" คือมหานครฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก พวกเขาสร้างนักเตะระดับปรากฎการณ์มามากมายตั้งแต่อดีต ทว่าปัจจุบันโลกเราหมุนเร็วจนหลายสิ่งเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียม หากผู้ชายทำได้ … ผู้หญิงก็ทำได้

นี่คือเรื่องราวของทีมเด็กหญิงของ บาร์เซโลน่า หรือทีมชุดยู 12 ที่เก่งกาจจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เก่งชนิดที่ว่าต้องส่งทีมเข้าไปแข่งขันของลีกเด็กผู้ชาย

เด็กผู้หญิงที่ได้รับอิทธิพลจากนักเตะผู้ชาย

"ลา มาเซีย" ไม่ใช่สถานที่แต่คือผู้คน นี่คือเรื่องจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานแข้งและผู้จัดการทีมของ บาร์ซ่า ตัดสินใจนำเรื่องการสร้างศูนย์เยาวชนให้กับประธานสโมสรในช่วงปี 1979 ด้วยการเสนอให้รื้อระบบเดิมออกไปจนหมด และเอาแม่แบบจาก อาหยักซ์ อดีตทีมของเขามาเป็นพิมพ์เขียว ท่านประธาน โจเซป นูนเญซ เคาะโต๊ะตอบรับทันทีและให้ชื่อมันว่า "ลา มาเซีย" ซึ่งกลายเป็นศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้

Photo : www.fcbarcelona.com

ในขณะที่ บาร์เซโลน่า สร้างตำนานโลกลูกหนังอย่าง ชาบี เอร์นันเดซ, อันเดรียส อิเนสต้า และ ลิโอเนล เมสซี่ พวกเขาก็ยังไม่พอใจแค่นั้น เพราะเด็กทุกคนที่อยู่ใน ลา มาเซีย ต้องไม่ใช่แค่เก่งกาจในสนาม แต่พวกเขายังต้องเติบโตมาเป็นคนคุณภาพด้วย ที่ ลา มาเซีย จึงมีการสอนทุกอย่างเพื่อให้เด็กๆ เพื่อมีความรู้ นอกจากนี้เด็กทุกคนต้องถูกปลูกฝังให้ภูมิใจในความเป็นตัวแทนของชาว "คาตาลัน" อีกด้วย

ทีมหญิงเองก็ไม่ต่างกัน แม้จะเริ่มสร้างและพัฒนากันได้ไม่นานแต่ปรัชญาฟุตบอลก็ใช้หลักสูตรเล่มเดียวกันนั่นคือ "ฟุตบอลและความรู้" นั่นจึงทำให้เกิดเรื่องราวของทีมเด็กหญิงชุดอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ดีที่สุดในสเปน และไม่แคล้วคงจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกในเร็ววัน พวกเธอโตมากับเหล่ารุ่นพี่ต่างเพศอย่าง ชาบี, ปีเก้, อิเนสต้า และ เมสซี่ ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือเด็กๆ พวกนี้หวังจะก้าวตามรอยตำนานให้ได้

ในฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมา ทีมหญิงชุดยู 12 ทำในสิ่งที่ทีมอื่นๆ ในลีกระอา เหตุผลก็เพราะว่าพวกเธอเก่งเกินไป สถิติลงเล่น 30 นัด ชนะ 30 เกม ตีเป็นตัวเลขสวยๆ ก็คงต้องบอกว่า 100% แข่งเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น และชัยชนะแต่ละเกมในซีซั่น ไม่เคยมีคำว่าเฉือนชนะหรือหืดขึ้นคอเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกจิ๋วจี๊ดยิงคู่ต่อสู้แหลกถึง 329 ประตู ตกเฉลี่ยนแล้วอยู่ที่เกมละ 13 ลูก ... และมีนักเตะคนหนึ่งที่ยิงคนเดียว 121 ลูก เธอคือเมสซี่หญิงแห่ง "ลา มาเซีย" มีชื่อว่า เซเลีย เซกูร่า  

ความเหนือชั้นนี้มีปัญหา เพราะการที่เจอกับคู่แข่งที่ห่างชั้นเกินไปรังแต่จะทำให้เด็กๆ มีพัฒนาการที่น้อยลง แต่จะทำอย่าไรดีล่ะในเมื่อนี่คือลีกที่ดีที่สุดในประเทศแล้ว ทั้งประเทศสเปนไม่สามารถหาทีมฟุตบอลหญิงรุ่นเดียวกันทีมไหนมาเจอกับพวกเธอได้

เรียกร้องด้วยฝีเท้า

ทางสโมสรมองถึงก้าวต่อไป กลุ่มผู้เฝ้าดูพัฒนาการมองว่าแม้ปีนี้จะเป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจ แต่เชื่อว่าการได้ลงแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกว่านี้และกดดันกว่านี้จะช่วยเร่งพัฒนาการและเค้นเอาศักยภาพของเด็กๆ ออกมาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงประกาศส่งเด็กๆ ชุดนี้ รวมถึงชุดยู 14 อีกชุดไปลงแข่งขันในลีกของเด็กผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าเด็กหญิงของ บาร์เซโลน่า จะได้แข่งขันกับทีมจากอคาเดมี่สโมสรดังทั่วประเทศ … เรอัล มาดริด, แอตฯ มาดริด และ บาเลนเซีย คือทีมหัวแถวที่ส่งทีมชุดเยาวชนในทุกรุ่นอายุ

Photo : tribuna.com

เรื่องการผลักดันครั้งนี้ผ่านฉลุยแบบไม่มีใครค้านทั้งคนในสโมสรและผู้ควบคุมกฎ เพราะกฎของฟุตบอลสเปนระบุชัดเจนว่าในรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถส่งเด็กๆ ลงสนามได้แบบอิสระไม่ว่าเด็กหญิงหรือเด็กชาย

"เมื่อเด็กผู้หญิงตัวน้อยเหล่านี้ได้เล่นในลีกผู้ชาย พวกเธอจะยกระดับเกมตัวเองได้แน่ มันจะทำให้พวกเธอเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น" มาเรีย เตซิดอร์ สมาชิกบอร์ดบริหารของ บาร์ซ่า ที่รับผิดชอบทีมหญิงกล่าวอย่างมั่นใจ  

"สำหรับเด็กผู้ชายที่แข่งด้วย พวกเขาจะรู้ว่ามีเด็กผู้หญิงที่สามารถเล่นในระดับเดียวกับพวกเขาได้ และสำหรับสาวๆ ของพวกเรานั้น ดิฉันมั่นใจว่าพวกเธอไม่มีปัญหาในเรื่องการยกระดับการเล่นแน่นอน"

ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ผลักดัน เพราะเด็กๆ เหล่านี้เองก็ไม่เคยกลัวเหมือนกันที่จะต้องข้ามกำแพงเพศสภาพ พวกเธอทุกคนมั่นใจในตัวเองและเชื่อว่าเรื่องของความหลงใหลในฟุตบอลนั้นก็มีไม่แพ้ใคร  มีเด็กหญิงคนหนึ่งในทีมบาร์ซ่าหญิงยู 12 เล่ากับ นิวยอร์ค ไทม์ส ว่านี่คือสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดเพราะเมื่อครั้งที่เธอยังไม่ได้เข้ามาเป็นนักเตะใน ลา มาเซีย เธอมักจะโดนคุณครูที่โรงเรียนเอ็ดประจำเพราะเธอชอบไปเล่นบอลกับเด็กผู้ชาย คำพูดของครูที่บอกว่า ฟุตบอลคือกีฬาของผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ผลักดันให้เธอมาถึงจุดนี้

มันไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือหรือการประกาศศักดาในด้านศักยภาพของ ลา มาเซีย เท่านั้นสำหรับเรื่องนี้ เพราะ เตซิดอร์ ยังมั่นใจว่าการส่งทีมหญิงมาเล่นในลีกผู้ชายคือการแสดงออกในสิทธิสตรีอีกด้วย

"มันคือส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ เราเรียกมันว่าความเท่าเทียมทางเพศ ผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเท่าเทียมกับเด็กผู้ชาย ทุกเรื่องจะอยู่ในความผิดชอบของเราในฐานะสโมสรและสถาบันทางสังคม เราจะเพิ่มความเท่าเทียมให้กับโลกนี้ ดิฉันมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรที่ผู้หญิงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับที่ผู้ชายทำ นอกจากเป็นนักฟุตบอลแล้วเรื่องนี้จะทำให้พวกเธอทุกคนจะเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย"

เปิดประตูการเปลี่ยนแปลง

ณ เวลานี้ไม่ใช่แค่ บาร์เซโลน่า ทีมเดียวเท่านั้นที่หันมาทุ่มเททั้งเงินทุนสำหรับการสร้างฟุตบอลหญิงของสโมสรให้แข็งแกร่ง เมื่อทีมอย่าง แอตฯ มาดริด และ แอธเลติก บิลเบา ก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้ง 3 ทีมต่างจะทำให้เด็กผู้หญิงเล่นฟุตบอลเหมือนกับเด็กผู้ชาย ด้วยวิธีการและขั้นตอนที่ไม่แตกต่างกัน … แน่นอน เรื่องดังกล่าวหมายรวมถึงการส่งทีมลงแข่งในสนามเดียวกับเด็กผู้ชายอีกด้วย

Photo : www.fcbarcelona.com

มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยสำหรับการทำให้ฟุตบอลหญิงกลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและสร้างความนิยมไปทั่วโลก เพราะยังมีอีกหลายกำแพงให้ฟุตบอลหญิงต้องข้าม แต่ ณ ตอนนี้ที่สเปนกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจน

ในเกมฟุตบอลหญิงที่ บาร์เซโลน่า บุกเยือน แอตฯ มาดริด ในฤดูกาลที่ผ่านมาที่สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ (สังเวียนที่ใช้แข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 รอบชิงชนะเลิศที่ ลิเวอร์พูล เพิ่งคว้าแชมป์ไปหมาดๆ) มีผู้ชมและแฟนๆ ของทั้งสองทีมเข้ามาชมเกมในสนามถึง 60,000 คน จากความจุ 67,000 คนโดยประมาณ มากกว่าจำนวนแฟนๆ ที่เข้ามาชมเกมเหย้าของ แอตฯ มาดริด ในฤดูกาล 2018-19 บางเกมเลยด้วยซ้ำ นี่แสดงให้เห็นถึงความนิยมในท้องถิ่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นมันคือตัวเลขที่ยืนยันว่าหากสามารถทำฟุตบอลให้มีสเน่ห์ได้คนดูจะเข้าสนามมาเอง

เด็กสาวของบาร์เซโลน่าชุดนี้กำลังเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก พวกเธออาจจะเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกของฟุตบอลหญิง เมื่อเธอได้ฝึกแบบผู้ชายและแข่งกับผู้ชายมันอาจจะทำให้พวกเธอเจอกับความพ่ายแพ้แบบที่ไม่เคยเจอ แต่มันจะเป็นภูมิคุ้มกันที่เสริมกระดูกสำหรับอนาคตที่รออยู่ ... นี่แค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ หากมันถูกผลักดันกันไปแบบรุ่นต่อรุ่น สักวันอาจจะมีกฎให้ผู้หญิงสามารถลงเล่นลีกผู้ชายจริงๆ ก็เป็นได้