อิรฟาน ฟานดี กับคำบอกเล่าถึงขวากหนามของวงการกีฬาสิงคโปร์

อิรฟาน ฟานดี กับคำบอกเล่าถึงขวากหนามของวงการกีฬาสิงคโปร์

อิรฟาน ฟานดี กับคำบอกเล่าถึงขวากหนามของวงการกีฬาสิงคโปร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาธารณรัฐสิงคโปร์ คือประเทศที่มีความเจริญมากที่สุด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะมีพื้นที่เพียง 718 ตารางกิโลเมตร น้อยที่สุด ในภูมิภาค แต่พื้นที่อันจำกัด ไม่ใช่อุปสรรคในการพัฒนาประเทศ

ดินแดนแห่งนี้ พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลา 54 ปีที่ได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์ จนกลายเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน ของทวีปเอเชีย มีอำนาจต่อรองทางการค้า มากที่สุดอีกชาติหนึ่งของโลก รวมไปถึงระบบการศึกษาที่เข้มเเข็ง ประชาชนมีรายได้สูง กันแทบทั้งประเทศ

แต่อีกด้านหนึ่ง ที่มักถูกมองข้ามจากรัฐบาล และไม่ได้รับการสนับสนุนให้พัฒนา อย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือ ด้านกีฬา

อิรฟาน ฟานดี ปราการหลังดาวรุ่ง ชาวสิงคโปร์วัยเพียง 21 ปี ได้ย้ายมาหาประสบการณ์ ในต่างแดน กับสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมดังในศึกไทยลีก 2

เขาจะมาบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน วงการกีฬา ประเทศสิงคโปร์ เหตุใดประเทศที่เจริญลำดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย ถึงไม่สนับสนุนให้ประชาชนในประเทศเล่นกีฬา และการเป็นนักกีฬาอาชีพ ในประเทศนี้ ต้องพบเจอความยากลำบากเพียงใด

เล่าถึงจุดเริ่มต้น การเป็นนักฟุตบอลอาชีพหน่อยครับ

ผมเริ่มต้นเล่นฟุตบอล ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะว่าคุณพ่อของผม (ฟานดี อาหมัด) ท่านเปิดคลีนิคฟุตบอล สอนเด็กทุกวันอาทิตย์ ท่านก็พาผม ไปเล่นฟุตบอลตลอด ผมเริ่มชอบฟุตบอลตั้งแต่ตอนนั้น และไม่คิดจะหยุดเล่นอีกเลย

หลังจากนั้น คุณพ่อผมก็มาเปิดอคาเดมีฟุตบอล จนผมอายุประมาณ 11 ปี ผมก็ได้ไปฝึกที่สเปน หลังจากนั้น ได้ไปเข้าแคมป์ เก็บตัวกับสโมสรเอซี มิลาน

พออายุประมาณ 13 ปี ผมได้ไปทดสอบฝีเท้าที่อังกฤษ พวกเขาอยากได้ตัวผม แต่ไม่สามารถเซ็นสัญญา เพราะว่าผมไม่ได้รับใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นนักฟุตบอล

ผมจึงกลับมาที่สิงค์โปร์ และเข้าเรียนในโรงเรียนกีฬา ประมาณ 2 ปีครึ่ง หลังจากนั้น ผมได้รับข้อเสนอให้ไปฝึกฟุตบอลที่ชิลี เป็นเวลา 1 ปี แล้วผมก็กลับมาเริ่มการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่สิงคโปร์

ทำไม คุณถึงต้องไปเรียนฟุตบอล ที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เด็ก

ผมต้องการพัฒนาตัวเอง ถ้าผมอยู่ในสิงคโปร์ต่อ ผมจะไม่มีทางได้พัฒนาตัวเอง ถ้าผมไปฝึกที่ต่างประเทศ ผมจะได้พัฒนาตัวเอง และมีโอกาสเป็นนักฟุตบอลที่ดีกว่า

คุณพูดเหมือนว่า การฝึกสอนฟุตบอลที่สิงคโปร์ ไม่มีคุณภาพ?

ไม่ๆ ไม่ขนาดนั้น ผมเคยฝึกฟุตบอลที่สิงค์โปร์ กับโรงเรียนกีฬา ผมคิดว่าเรามีการฝึกสอนที่ดี สามารถช่วยให้คุณเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่นั่น

แต่ว่า พูดตามตรง การฝึกสอนฟุตบอลของโรงเรียนกีฬา ในสิงคโปร์ กับอคาเดมีฟุตบอลต่างประเทศ ที่ผมเคยไปมา ยังแตกต่างมาก

ที่ยุโรป เด็กในอคาเดมี จะโฟกัสแค่เรื่องฟุตบอล แยกกับเรื่องเรียนชัดเจน ถ้าคิดจะเป็นนักฟุตบอลที่ยุโรป เป็นเรื่องยากมาก ที่คุณจะเรียนไปด้วย

ขณะที่ในสิงคโปร์ การเรียนต้องควบคู่ ไปกับการเล่นฟุตบอล ต่อให้คุณเป็นนักกีฬา คุณก็ต้องเรียนไปด้วย ผมมองว่าจุดนี้เป็นปัญหา เพราะทำให้เราพัฒนา คุณภาพนักฟุตบอลได้ช้า กว่าจะยกระดับตัวเอง มันก็สายเกินไปแล้ว

แสดงว่า เรื่องเรียนสำคัญมากที่สิงคโปร์?

มากถึงมากที่สุด การได้งาน ที่มีรายได้สูง เป็นเรื่องสำคัญมาก กับชีวิตที่สิงคโปร์ ดังนั้น คุณต้องมีการศึกษาที่ดี เพื่อให้ได้งานนั้น

สำหรับคุณ เรื่องเรียนสำคัญไหม

ไม่ๆ ผมโฟกัสกับการเป็นนักฟุตบอล ตั้งแต่ผมยังเด็ก ตอนผมกลับมาจากที่ชิลี ผมตัดสินใจ จะไม่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ ของคนสิงคโปร์ แต่ผมต้องการเดินหน้าเต็มที่ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ

ประเทศไทย จะมีโควต้าให้กับนักกีฬา เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ที่สิงคโปร์มีแบบนี้ไหม

ก็มีนะ แต่ผมไม่แน่ใจ ว่าเหมือนกับที่ไทยหรือเปล่า ที่สิงคโปร์ เรามีทุนการศึกษาให้นักกีฬาก็จริง แต่ว่าพอเข้าไป คุณต้องโฟกัสกับเรื่องเรียนเป็นหลัก ไม่ได้เล่นกีฬาอาชีพ อะไรแบบนั้น

ที่ประเทศไทย เราสามารถเป็นนักกีฬาอาชีพ ขณะเรียนมหาวิทยาลัยได้

ถ้าแบบนั้น ผมว่าไม่มีนะ

ดูเหมือนว่า การเป็นนักกีฬาอาชีพ ที่สิงคโปร์จะไม่ใช่เรื่องง่าย?

พูดลำบากนะ มันก็ไม่ได้ยาก แต่เราไม่มีคนสนับสนุน อย่างรัฐบาลเขาไม่ค่อยสนับสนุน ให้คนเล่นกีฬาเท่าไหร่

โอเค ถ้าคุณเป็น นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก รัฐบาลจะสนับสนุนคุณ แต่แน่นอน คุณก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นเพราะ รัฐบาล ก็ได้ชื่อเสียงไปด้วย

ถ้าเป็นกีฬา เช่น ว่ายน้ำ ปิงปอง หรือแบดมินตัน กีฬาพวกนี้ สามารถสร้างชื่อเสียงได้ง่าย ประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า เพราะเป็นกีฬาบุคคล รัฐบาลจะสนับสนุนให้เล่น เพราะว่าประสบความสำเร็จได้ง่าย สามารถสร้างชื่อให้สิงคโปร์

แต่ฟุตบอล ไม่มีเลย รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนอะไรเลย

ทำไม ถึงเป็นแบบนั้น

เพราะเขามองว่า กีฬาที่เล่นเป็นทีม ประสบความสำเร็จได้ยากกว่า ที่สิงคโปร์ คำว่า “ชัยชนะ” สำคัญมากเลยนะ มากกว่าที่คุณจะนึกออก คุณต้องชนะตลอดเวลา ถ้าคุณแพ้ เสียงวิจารณ์จะรุมโจมตีคุณ เยอะมากๆ

สมมติ เวลาพวกผมไปเล่นฟุตบอลทีมชาติ คนก็จะด่าคุณเสียหายเต็มไปหมด ผมท้อตลอดนะ เจอคนในชาติรุมต่อว่า เวลาทีมแพ้ เพราะผมรู้ว่านักฟุตบอลทุกคน ทำเต็มที่แล้ว

พอทีมแพ้ รัฐบาลก็ไม่อยากสนับสนุน ไม่มีเงินทุนเข้ามา ไม่มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ที่สิงคโปร์ แต่ละทีม มีสปอนเซอร์ มาสนับสนุนประมาณ 2 เจ้า แต่ดูสโมสรในไทย สปอนเซอร์เยอะแยะเต็มไปหมด ผมว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลไทยพัฒนา

เมื่อไม่มีเงินทุนสนับสนุน ลีกก็ไม่พัฒนา ผมพูดตามตรงว่าสำหรับผม ฟุตบอลลีกที่สิงคโปร์ ยังเป็นลีกแบบกึ่งอาชีพอยู่

ฟุตบอลลีก รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่ให้การสนับสนุน?

ใช่ๆ เป็นเอกชนทำทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำ เพราะเหตุผลทางฟุตบอลจริงๆ แต่เป็นเพราะพวกเขามีคอนเนคชั่นกับรัฐบาล

คล้ายกับที่จีนหรือเปล่า ที่นักธุรกิจทำสโมสรฟุตบอล เพราะมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องรัฐบาล?

ผมคิดว่าไม่น่าต่าง แต่รัฐบาลเราไม่สนับสนุนสโมสรฟุตบอล จุดนี้ที่ต่างกับจีน

สำหรับคุณ ปัญหาของฟุตบอลสิงคโปร์ อยู่ที่ตรงไหน

ผมว่ามันเริ่มต้น จากการพัฒนาเยาวชนก่อนเลย ทุกวันนี้ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไม่ใช่เรื่องง่าย คนสิงคโปร์ ไม่อยากให้ลูก เป็นนักฟุตบอลหรอก

ข้อแรกคือ รายได้ของการเป็นนักฟุตบอลที่สิงคโปร์ มันน้อยมาก ซึ่งผมก็ยอมรับ ว่ามันน้อยมากจริงๆ เทียบกับที่ไทยไม่ได้เลย

ข้อสองคือ อย่างที่ผมบอก ชัยชนะ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับคนสิงคโปร์ ถ้าผู้ปกครองเห็นลูกตัวเอง เตะบอลแพ้ตั้งแต่เด็ก พวกเขาก็ให้ลูกเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว เพราะไม่รู้จะเล่นไปทำไม เล่นไปก็แพ้

สุดท้าย พวกเขาก็จะให้ลูกไปเรียนหนังสือ เด็กๆก็จะไม่มีใครเล่นฟุตบอล

การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ คือความฝันส่วนใหญ่ ของเด็กที่สิงคโปร์หรือเปล่า

ตอบตามตรง ผมคิดว่าไม่

จริงเหรอ เด็กผู้ชายไทยเกือบทุกคน มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลนะ

ใช่ๆ ผมรู้ ผมเดินไปที่ไหน ผมก็เจอเด็กๆ หรือคนไทยเตะฟุตบอล แต่คุณจะไม่เห็นภาพแบบนี้ ที่สิงคโปร์

ผมได้ยินมาว่า มีกฎหมายห้ามไม่ให้คนเล่นฟุตบอล ในพื้นที่สาธารณะที่สิงคโปร์ เป็นเรื่องจริงไหม

จริง เป็นกฎที่โคตรงี่เง่าเลย (หัวเราะเบาๆ)

 

เพราะอะไร ถึงมีกฎแบบนี้เกิดขึ้น

คนจำนวนมากในสิงคโปร์ ไม่ได้ชอบฟุตบอล โอเคว่า ฟุตบอลที่สิงคโปร์ ก็ได้รับความนิยมมากๆ มีคนดู แต่ไม่อยากให้มีคนเล่น

สมัยผมเป็นเด็ก ผมชอบเล่นฟุตบอลใต้อพาร์ทเมนท์ กับเพื่อนๆ เวลาเตะบอล มันก็จะมีเสียงดัง ปังๆๆๆๆ สักพัก คนแถวนั้นก็เริ่มจะมาต่อว่าพวกผม ว่าทำเสียงดัง สร้างความรำคาญ

พอเราไม่หยุดเล่น พวกเขาก็จะเอาพวกใบมีด ลวดหนาม ของมีคม มาติดตามกำแพง พอเราเตะบอลไปโดน บอลก็จะแตก เราเล่นฟุตบอลต่อไม่ได้

ที่สำคัญคือ พวกเขาทำแบบนี้กันทั่วสิงคโปร์ มีอยู่ทุกที่ จนสุดท้ายไม่มีพื้นที่ ให้เด็กเล่นฟุตบอล ไม่มีใครอยากเล่นฟุตบอลอีกต่อไป

เพราะพวกเขาไม่สนับสนุน ให้เด็กๆเป็นนักฟุตบอล ปัจจุบัน ผมไม่เห็นเด็ก ออกมาเล่นฟุตบอล ใต้อพาร์ทเมนท์ แบบที่ผมเคยทำอีกแล้ว

ทุกวันนี้ ที่สิงคโปร์ ไม่มีการแข่งขัน ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ สำหรับเด็กๆด้วยซ้ำ เมื่อก่อนยังมีนะ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ผมไม่เคยเห็นเลย

มันแย่มากๆ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ เรื่องการส่งเสริมให้เยาวชนเล่นฟุตบอล ผมไม่รู้จะใช้คำไหนดี นอกจาก มันแย่มากๆ

ปัญหาอาจจะอยู่ที่ชุดความคิด ของคนสิงคโปร์ด้วย?

ใช่ ผมมองว่าพวกเขายังไม่เข้าใจ ว่าฟุตบอล มันไม่ใช่เรื่องของชัยชนะตั้งแต่ยังเด็ก แต่มันต้องมาจาก การพัฒนาที่ต่อเนื่อง ชาติชั้นนำ ต้องใช้เวลา ในการพัฒนาเยาวชน อย่างต่อเนื่องทั้งนั้น

เรารู้กันดีว่า ถ้าเราพัฒนานักฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก พัฒนาอย่างถูกต้อง และต่อเนื่อง พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น วันหนึ่งเราจะเอาชนะชาติชั้นนำได้ แต่ดูเหมือนว่า คนสิงคโปร์ ส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้

มันไม่ใช่ เรื่องของเงินด้วย มันเป็นเรื่องของแพสชั่น ทุกวันนี้นักฟุตบอลที่สิงคโปร์ ยังต้องทำงานอื่นควบคู่ไปด้วยอยู่เลย การเป็นนักฟุตบอล คืออาชีพพาร์ท-ไทม์ เพราะพวกเขาไม่มีรายได้มากพอ จากการเป็นนักฟุตบอล พวกเขาถูกสังคมกดดัน

พอเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ไม่มีสมาธิเต็มที่ ที่จะมาพัฒนาตัวเองในฐานะนักฟุตบอล ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่ผลงานเรา ในระดับทีมชาติร่วงลง จากเมื่อ 10 ปีก่อน

มีคนกล่าวว่า “รัฐบาลสิงคโปร์ ไม่สนับสนุนด้านกีฬา เพราะไม่ได้ทำให้ GDP ของประเทศเติบโตขึ้น” คุณคิดว่าคำนี้จริงไหม

จริง จริงแน่นอน ผมอยากบอกให้พวกเขารู้ว่า การเป็นนักฟุตบอล มันไม่เกี่ยวกับเงิน ไม่เกี่ยวกับ GDP แต่มันสร้างความภูมิใจ ให้กับประเทศได้ แน่นอนว่ามันเป็นธุรกิจได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา คุณต้องอดทนรอ

การไปเล่นฟุตบอลโลก คือความฝันของคนสิงคโปร์ไหม

เป็น แต่ผมคิดว่า มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้ ผมยังไม่เห็นหนทาง

วงการฟุตบอลสิงคโปร์ ดูเหมือนอยู่ในช่วงเวลาที่มืดหม่น?

สำหรับผม คนสิงคโปร์จำนวนมาก หมดความหวังที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พวกเขาเจอสิ่งรุมเร้ามากมาย ที่ทำให้ต้องทิ้งความฝัน เรื่องงาน เรื่องเงิน แรงกดดันจากครอบครัว

แม้กระทั่ง เรื่องการไปเป็นทหาร คุณรู้ไหม ว่าผู้ชายทุกคนของสิงคโปร์ ต้องเป็นทหาร นักฟุตบอลหลายคน หลังจากปลดประจำการ พอพวกเขากลับมา พวกเขาก็เลิกเล่นฟุตบอล ประมาณว่า ไม่อยากเป็นนักฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว

พอมีจำนวนนักฟุตบอลน้อย วงการฟุตบอลก็พัฒนาได้ช้า ทีมคุณก็ไม่เก่ง พอไม่ชนะ มันก็วนกลับไปหาจุดเริ่มต้นของปัญหาอีกครั้ง

คนสิงคโปร์ ที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือนักกีฬา ต้องทำอย่างไร

ผมคิดว่าคุณต้องแข็งแกร่ง ผมหมายถึงหัวใจของคุณ ต้องอย่ายอมแพ้ อย่ายอมแพ้ต่อความฝัน คุณต้องมีความหวัง ไม่ว่าเจอปัญหาอะไร ก็อย่ายอมแพ้ มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองในฐานะนักกีฬาต่อไป

ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย คนสิงคโปร์หลายคน มีโอกาสไปเรียนฟุตบอล ที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เด็กแบบผม และพวกเขายอมแพ้กลางคัน เพราะคิดถึงบ้าน

แต่สำหรับผม ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก ตอนเป็นเด็ก ผมคิดแค่เรื่องฟุตบอล โฟกัสแค่ตรงนี้ ไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย ผมทำแบบนี้มาตลอด

วงการฟุตบอลสิงคโปร์ ยังมีความหวังอยู่ไหม

มีแน่นอน ตอนนี้นักเตะสิงคโปร์พยายามออกไปเล่นต่างประเทศ ผมเล่นที่ไทย น้องชายผมเล่นที่นอร์เวย์ เพื่อนๆทีมชาติอีกหลายคน เล่นที่มาเลเซีย พวกเราพยายามพัฒนาตัวเอง ผมคิดว่าในอนาคต เราจะมีผลงานที่ดีขึ้น

ดูเหมือนว่า คนในวงการฟุตบอลสิงคโปร์ ต้องช่วยเหลือตัวเอง?

แน่นอน ไม่มีใครคอยช่วยเรา เราต้องช่วยตัวเอง เราจะรอการสนับสนุน จากรัฐบาลไม่ได้หรอก เราต้องทำเต็มที่เพื่อตัวเอง

การย้ายมาเล่นที่เมืองไทย คืออีกก้าวของการพัฒนาเอง?

ใช่ครับ ที่นี่คือลีกฟุตบอลอาชีพ ผมย้ายมาเล่นที่บีจี พวกเขามีความเป็นมืออาชีพทุกอย่าง แบบที่สโมสรฟุตบอลควรจะมี คุณไม่สามารถหาสโมสรแบบนี้ได้ที่สิงคโปร์

ผมต้องการย้ายไปเล่นต่างประเทศ อย่างที่ผมบอก ถ้าผมเล่นฟุตบอลในสิงคโปร์ ผมจะไม่มีวันได้พัฒนาตัวเอง ผมจึงต้องมาเล่นที่ไทย เพราะฟุตบอลที่นี่ มีคุณภาพมากกว่า นักฟุตบอลที่นี่ก็เก่งกว่า

ตอนที่ผมเล่นกับทีมชาติไทย ในฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ผมสู้พวกเขาไม่ได้ ผมรู้ตัวทันที ว่าผมต้องย้ายมาเล่นที่ไทย เพื่อพัฒนาตัวเอง ให้เก่งเท่านักเตะไทย

 การมาเล่นที่เมืองไทยของคุณ ช่วยปลุกกระแสฟุตบอล ในสิงคโปร์ไหม

ไม่ ไม่เลยสักนิด

 จริงเหรอ เวลานักฟุตบอลไทย ไปเล่นต่างประเทศ คนไทยจะตื่นเต้นมากเลยนะ

ใช่ ผมรู้ แต่ผมคิดว่า ในกรณีของผม คนไทยยังตื่นเต้น กับการที่ผมย้ายมาเล่นที่นี่ มากกว่าเสียอีก

คือก็มีข่าวออกนะ ที่สิงคโปร์ ว่าผมมาเล่นที่ไทย แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้ปลุกกระแสฟุตบอล

 ในอนาคต คุณอยากกลับไปพัฒนา วงการฟุตบอลสิงคโปร์ไหม

แน่นอน ผมอยากทำ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะลองดูสักตั้ง ผมไม่อยากเป็นโค้ชนะ เพราะมันเครียดมาก ทุกวันนี้ ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นโค้ช ท่านเครียดมาก ในทุกๆวัน ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น

แต่ถ้าเป็นงานบริหาร ผมพร้อมเลย ถ้ามีโอกาสผมอยากทำ ผมพร้อมทำทุกอย่าง เพื่อช่วยพัฒนา วงการฟุตบอลสิงคโปร์

คุณเติบโตในประเทศ ที่ไม่สนับสนุนให้คนเล่นกีฬา คุณก้าวมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร

ผมคิดว่า มาจากความพยายาม ของตัวผมเอง ผมเรียนรู้ทุกสิ่ง ที่ผมสามารถเรียนรู้ได้ กับการเล่นฟุตบอล ฟุตบอลกีฬา ที่ใช้สมองเล่นนะ ผมยืนยันในคำนี้

ผมเล่นกองหน้า มาตั้งแต่แต่เด็ก เพิ่งมาเปลี่ยนเล่นเป็นกองหลัง เมื่อ 3 ปีก่อนเอง และทำได้ดีกว่าเล่นเป็นกองหน้าอีก เพราะผมเรียนรู้อยู่ตลอด แม้ในเวลาที่โค้ชสอนผู้เล่นคนอื่น ผมก็คอยรับฟัง ว่าเขากำลังสอนอะไร เพื่อเอามาปรับใช้กับตัวเอง

กีฬาฟุตบอล ถ้าคุณเข้าใจ การเล่นของตำแหน่งอื่น คุณก็จะเล่นได้ดีขึ้น คุณจะเข้าใจการเคลื่อนที่ของเขา คุณจะรู้ว่า คุณจะเล่นอย่างไร ถ้าเจอกับคู่ต่อสู้แบบนี้

 ถ้าคนสิงคโปร์ มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ คุณมีคำพูดอะไรที่อยากสื่อสารกับเขา

ผมคิดว่า ผมมาถึงตรงนี้ เพราะผมมีความฝัน ผมฝันอยากไปเล่นฟุตบอล ที่ยุโรป และผมโฟกัสแค่นี้เท่านั้น อย่างอื่นผมไม่ได้สนใจ

ผมเชื่อว่า สำหรับคนสิงคโปร์ ที่มีความฝัน อยากเป็นนักกีฬาอาชีพ และคุณสู้เพื่อความฝัน ไม่ยอมแพ้แต่อุปสรรค คุณจะได้เป็นนักกีฬาอาชีพแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook