นาฟ บาเตีย : แฟนเดนตายที่สู้ชีวิต และประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กับ "แร็ปเตอร์ส"

นาฟ บาเตีย : แฟนเดนตายที่สู้ชีวิต และประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กับ "แร็ปเตอร์ส"

นาฟ บาเตีย : แฟนเดนตายที่สู้ชีวิต และประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กับ "แร็ปเตอร์ส"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อพูดถึง โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ทีมที่กำลังชิงแชมป์บาสเกตบอล NBA อยู่ในเวลานี้ ภาพที่ลอยตามมาคือภาพของ "เดรค" ศิลปินฮิปฮอปชื่อดังที่ยืนเชียร์อยู่ข้างสนาม แถมยังเป็นคนดังที่ทั่วโลกรู้จักและชื่นชอบ จนหลายคนคิดว่าเขาคือแฟนเดนตายอันดับ 1 ของทีมนี้ไปแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับชาว โตรอนโต้ ท้องถิ่น เดรค ไม่ใช่แฟนอันดับ 1 ของทีม แร็ปเตอร์ส เพราะมีชายอีกคนหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของทีมๆ นี้ นั่นคือ นาฟ บาเตีย ชาวซิกข์วัย 67 ปี ที่ติดตามเกมของ แร็ปเตอร์ส ในรังเหย้าทุกนัดนับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งขึ้นมาโดยไม่พลาดแม้แต่เกมเดียว ... ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนั้น?

นี่คือเรื่องราวของ บาเตีย ผู้อพยพจาก อินเดีย ที่ต่อให้ทำดีแค่ไหนหรือมีเงินมากเท่าไหร่ก็ยังถูกมองว่าเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่ ... นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ชีวิตของชายชาวซิกข์ที่โดนคนท้องถิ่นมองด้วยความหวาดระแวงด้วยภาพลักษณ์ที่ดูไม่น่าไว้ใจ และเป็นพลเมืองระดับล่างในโตรอนโต้ เปลี่ยนไปจนกลายเป็นไอคอนกองเชียร์อันดับ 1 ของ โตรอนโต้ และ แคนาดา ได้อย่างไร ติดตามได้ที่นี่

คนแปลกหน้า

ในปี 1984 นาฟ บาเตีย อพยพจาก อินเดีย มาแสวงโชคใน แคนาดา แม้ว่าเขาจะเคยมีอาชีพเป็นวิศวกรเครื่องกลสมัยอยู่ที่อินเดีย ทว่าเมื่อมาอยู่แคนาดาแล้ว กำแพงเชื้อชาติทำให้กลายเป็นเรื่องยากที่จะทำงานในอาชีพเดิม และตัวของเขาเองไม่ใช่พวกชอบรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ดังนั้นการจะทำอะไรได้ก็ต้องทำไปก่อนเพื่อประคองปากท้องของครอบครัว


Photo : Canadian Immigrant

การตั้งไข่ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง ตัวของ บาเตีย นั้นเป็นชาวซิกข์ซึ่งรูปลักษณ์การแต่งกายต้องโพกหัวไว้หนวดเครา ซึ่งเป็นความแตกต่างกับคนอื่นๆ ในสังคมอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงถูกมองเป็นคนเบื้องล่าง ไม่ได้รับการยอมรับ และไม่ถูกนับเป็นชาวแคนาดาเลยด้วยซ้ำในช่วงแรกๆ ที่ย้ายมาอยู่ ณ โตรอนโต้ และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัยเพราะน้อยคนในเมืองที่จะไว้ใจชาวซิกข์อย่างเขา

"ชาวซิกข์ ถูกมองด้วยหางตาตลอดในช่วงเวลานั้น เรารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย และเมื่อรู้สึกเช่นนั้นแล้วสิ่งที่เรากลัวจะสูญเสียที่สุดคือชีวิตของพวกเราเอง ส่วนเรื่องงานนั้นต่อให้ผมจะเชี่ยวชาญกับวิศวกรเครื่องกลแต่ก็มีคนบอกผมว่า แกหางานไม่ได้หรอกเพราะผ้าโพกหัวและเคราของแกนั่นแหละ" บาเตีย กล่าว  

เขาเข้าทำงานเป็นเซลส์ในบริษัทขายรถยี่ห้อ ฮุนได โดยงานนี้ได้รับการอนุเคราะห์จากเจ้าของกิจการที่เป็นชาวจีนซึ่งเข้าใจหัวอกของคนอพยพเป็นอย่างดี งานที่ทำอาจจะเป็นงานคนละสายกับที่ทำมาตลอดชีวิตก่อนหน้านี้แต่ บาเตีย คึอพวกนักสู้ตัวจริง เขาทำงานอย่างตั้งใจให้สมกับโอกาสที่เคยได้รับมา

ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่ บาเตีย มายังแคนาดาครั้งแรก มีกีฬาชนิดหนึ่งพยายามที่จะเดินทางมายังแคนาดาและสร้างชื่อเสียงเหมือนกันกับเขา นั่นคือ บาสเก็ตบอล ซึ่งในช่วงยุค '80s มีลีกบาสเก็ตบอลของแคนาดาที่ชื่อว่า CBA (Continental Basketball Association) แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครสนใจ และ CBA ก็เจ๊งไม่เป็นท่า เพราะที่นี่ไม่มีใครยอมรับบาสเก็ตบอลมากนัก


Photo : Toronto Sun

โตรอนโต้ และประเทศแคนาดาในเวลานั้น กีฬาบาสเก็ตบอลแทบไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่นเลย พวกเขาชอบที่จะเล่นและดูฮ็อคกี้น้ำแข็ง ซึ่งมีประวัติศาสตร์คู่กับชาตินี้มายาวนานมากกว่า ดังนั้นบาสฯ จึงเป็นกีฬาสำหรับผู้อพยพทั้งหลายที่คุ้นเคยและเข้าใจมากกว่าคนท้องถิ่น มีการลงพื้นที่สำรวจความเห็นชาวแคนาดามากกว่า 1,500 คน และพบว่า กีฬาบาสเก็ตบอลได้รับความนิยมในหมู่คนที่เป็นผู้อพยพมากกว่าชาวแคนาดาแท้ๆ เสียอีก แต่ถึงจะเป็นในกลุ่มผู้อพยพเอง บาสเก็ตบอลก็ยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเพียงอันดับ 3 รองจาก ฮ็อคกี้ และ ฟุตบอล ... ทั้งๆ ที่ใกล้สหรัฐอเมริกาแค่นิดเดียว แต่บาสเก็ตบอลถือเป็นคนแปลกหน้าของชาว แคนาดา และตัวของ บาเตียก็เช่นกัน เขาอยู่ในเมืองนี้และใช้ชีวิตสุจริตแบบไม่ระรานใคร ทว่าสุดท้ายเขาก็ยังถูกมองในแง่ลบอยู่ดี

บาสเก็ตบอล และ นาฟ บาเตีย ต้องออกแรงอย่างหนักหากคิดจะอยู่ แคนาดา ในฐานะผู้ประสบความสำเร็จ

เริ่มสู้

ปี 1995 เป็นปีที่ NBA มองมายังตลาดต่างประเทศ พวกเขาอยากให้เพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา เกิดอาการบาสเก็ตบอลฟีเวอร์ ดังนั้นจึงเกิดการขายแฟรนไชส์ให้กับเมืองโตรอนโต้ (รวมถึงแวนคูเวอร์ ซึ่งปัจจุบันไม่มีทีมในเมืองนี้แล้ว) และพวกเขาก็สร้างทีมที่ชื่อว่า โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ขึ้นมา แม้ปัจจุบันนี้ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส กำลังแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ NBA อยู่ แต่หากย้อนไปตอนวันแรกที่สร้างทีมนั้น ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมายืนจุดนี้ได้


Photo : Auto Trader

แร็ปเตอร์ส มีเงินทุนก็ไม่น้อยและมีการวางแผนที่จะทำให้บาสฯ ฟีเวอร์ให้ได้ แต่ความจริงแล้วยากมากเพราะคนท้องถิ่นยังไม่รู้กติกาเลยด้วยซ้ำ มีผู้เล่นยุคก่อตั้งทีมอย่าง เทรวี่ย์ เมอร์เรย์ เล่าว่าแฟนบอลของแร็ปเตอร์สในตอนนั้น เข้าสนามมาด้วยความงุนงง ไม่รู้จักนักบาสฯ ไม่รู้จักกฎกติกาง่ายๆ หน้าที่ของคนดูคือเข้ามาโบกธงไปมาแล้วก็ส่งเสียงเชียร์เท่านั้นเอง และทันทีที่เกมจบลงหาก แร็ปเตอร์ส แพ้ไม่ว่าจะมีรูปเกมที่ดีแค่ไหนก็ตามแฟนๆ จะบอกกันว่า"ทีมบาสของเรามันห่วยชะมัดยาก" ... นี่คือเรื่องราวที่คนท้องถิ่นเป็นในเวลานั้น

การได้รับการปฎิบัติแบบไม่ได้รับการยอมรับของทีมแร็ปเตอร์ส ไม่ต่างอะไรจากที่ นาฟ บาเตีย เจอเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนั้นเขาเพิ่งลืมตาอ้าปากได้จากการทำอาชีพเซลล์ขายรถ เขาขายรถยนต์ได้ถึง 127 คันภายในเวลาแค่ 9 เดือนเท่านั้น จากนั้นจึงถูกได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้จัดการของสาขา ก่อนจะพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นดีลเลอร์ของสาขาไปในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตามถึงแม้หน้าที่จะใหญ่โตและมีชาวแคนาดาท้องถิ่นเป็นลูกน้อง ทว่าที่สุดแล้ว บาเตีย ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคมอยู่ดี

"วันหนึ่งผมไปที่ร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ พอดีผมเดินผ่านผู้ชายผิวขาวคนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ พอเขาเหลือมองผมเขาพูดกับคนในสายว่า "เอาล่ะที่รักแค่นี้ก่อนนะ คนขับรถแท็กซี่ที่ผมเรียกเขาเดินทางมาถึงที่แล้ว"บาเตีย เล่าให้ฟังว่าต่อให้หน้าที่การงานดีแค่ไหน เขาก็ยังถูกมองเป็นชนชั้นล่างของประเทศอยู่ดี  อย่างไรก็ตาม บาเตีย เข้าใจเรื่องนี้ดี การจะทำให้ใครสักคนที่แตกต่างกันมากๆยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นนั้นคือเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เขาต้องทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่กว่านี้ ประสบความสำเร็จยิ่งกว่านี้ เพื่อที่แสดงจุดยืนให้ทุกคนในเมืองเห็นว่า ผู้อพยพชาวซิกข์อย่างเขาไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ...

"วันนั้นเองที่ผมได้เรียนรู้จากคำพูดของผู้ชายคนนั้น ผมต้องลงมือทำให้มากกว่าเดิมเพื่อสร้างตัวตนและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับวัฒนธรรมแค่นาดาให้ได้" บาเตีย เล่าย้อนหลังกลับไปในช่วงเวลาที่ตัวเองไม่ได้รับเกียรติแบบที่ควรจะเป็น


Photo : Auto Trader

มันเป็นช่วงเวลาที่การเติบโตของ แร็ปเตอร์ส และ บาเตีย มาบรรจบกันพอดี เพราะในวันที่ทีมลงแข่งขัน NBA ครั้งแรก บาเตีย ซื้อบัตร 2 ใบเข้ามาชมเกม เขาไม่ได้รู้จักบาสเก็ตบอลอะไรนักหนาหรอกในตอนนั้น เพียงแต่ว่าเขารับรู้ถึงความพยายามที่จะก้าวกระโดดไปยืนอยู่บนยอดของปีระมิดและบอกว่า "ข้าคือใคร" ของแร็ปเตอร์ส  เพราะตอนนั้นทีมพยายามอย่างมากกับการจะทำให้ บาสฯ ฮิตยิ่งกว่า ฮ็อคกี้ กีฬาที่คนทั้งประเทศเล่น ผู้เล่นของทีม แร็ปเตอร์ส ต้องลงพื้นที่ไปเดินสายตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับแฟนๆ ในท้องถิ่นและบอกว่าพวกเขาคือใครและทำไมทุกคนจึงควรต้องทำความรู้จักกับบาสเก็ตบอล

บาเตีย ในตอนนั้นพอจะมีฐานะอยู่บ้าง แต่ราคาบัตรเข้าชมก็แพงใช่เล่น มีคำบอกเล่ากันว่าแม้แต่ตั๋วผีหน้าสนามยังต้องขายถูกกว่าตั๋วจริงหน้าเคาเตอร์เสียอีก และที่แย่ไปกว่านั้นคือขนาดถูกกว่ามันก็ยังขายไม่ได้เลยด้วยซ่้ำ ถึงอย่างงั้นเขาก็ซื้อบัตรผ่านช่องทางที่ถูกต้องเพื่อเข้าไปชมเกมๆ นั้น และมันเป็นเกมที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

"เอาวะลองไปดูหน่อย ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น เพราะผมทำงานหนักมากไม่มีงานอดิเรกในชีวิตเลย ผมไม่รู้หรอกว่าบาสฯ จะเปลี่ยนผมไปได้ขนาดนี้" บาเตีย เล่าถึงวันที่ไปสัมผัสโลกใบใหม่ "ผมติดมันตั้งแต่วันแรก เชื่อไหมในวันนั้นผมเป็นคนที่เชียร์เสียงดังที่สุดในสนาม"


Photo : Auto Trader

ไม่ได้พูดเล่น เขาติดมันจริงๆ เพราะนับตั้งแต่ปี 1995 จนถึงทุกวันนี้ นาฟ บาเตีย ไม่เคยพลาดเกมการแข่งของ แร็ปเตอร์ส ในบ้านเลยแม้แต่หนเดียว และต่อให้ตั๋วปีจะแพงขนาดไหนก็ตาม เขาจะเป็นคนแรกที่ต่อคิวและจองมันก่อนที่ซีซั่นจะเริ่มขึ้น ... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะการเข้ามาดูบาสเก็ตบอลและทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้กับ แร็ปเตอร์ส นี่เองที่ทำให้ผู้คนในโตรอนโต้ รู้จักและเปิดใจรับเขาในฐานะ "ซูเปอร์แฟน"

สร้างการยอมรับ

4 ปีหลังไปสนามไม่เคยขาด ไอเซย์ โธมัส รองประธานของทีมในขณะนั้น เล็งเห็นในความรักและคลั่งไคล้ของ บาเตีย หลังจากที่ บาเตีย เลื่อนการผ่าตัดไตเพื่อขอเข้าไปชมเกมในสนามก่อน ทางฝ่ายบริหารของทีมจึงมอบเสื้อแข่งที่มีข้อความว่า "ซูเปอร์แฟน" (แฟนพันธ์ุ์แท้) ให้กับ บาเตีย เพื่อให้เขาเป็นหน้าเป็นตาและเป็นตัวแทนของทีมแร็ปเตอร์ส ในยามลงแข่งขันตามที่ต่างๆ


Photo : Daily Hive

"ผมตะลึงเลย ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะกลายมาเป็นแฟนแถวหน้าของ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ได้หรอกนะ ผมนิยามตัวเองไว้อย่างหนึ่งนั่นคือผมไม่ใช่นักดื่ม ผมไม่ใช่นักสูบ ผมไม่ใช่เสือผู้หญิง แต่ผมเป็นแฟนเดนตายของแร็ปเตอร์สอย่างเดียวเท่านั้น" เขายืนยันว่าทีมนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยว 1 เดียวในชีวิตของเขา

ลำพังการได้ยศซูเปอร์แฟนให้กับทีมที่ไม่ได้เก่งอะไรอย่าง แร็ปเตอร์ส ซึ่งในตอนนั้น แทบไม่มีนักบาสคนไหนอยากย้ายมาที่นี่ อีกทั้งยังถูกดูแคลนว่าเป็นทีมม้านอกสายตาที่มีโลโก้เป็นไดโนเสาร์จากการ์ตูนเรื่องบาร์นี่ย์ คงไม่ทำให้ บาเตีย เป็นที่ยอมรับมากนักหรอก เพราะถ้าหากทีมผลงานไม่ดีก็คงไม่มีคนสนใจอยู่ดี เขาอาจจะกลายเป็นแค่คนบ้าที่สนุกกับสิ่งที่คนอื่นมองข้ามก็เท่านั้น แต่จังหวะที่ นาฟ บาเตีย ได้ยศซูเปอร์แฟนนั้น เป็นจังหวะเดียวกับการย้ายเข้ามาของ วินซ์ คาร์เตอร์ มือ 1 ของบาสฯ ไฮสคูลในรัฐฟลอริด้า ที่เข้ามาเปลี่ยนให้เมือง โตรอนโต้ กลายเป็นเมืองที่ขับเคลื่อนไปด้วยบาสเก็ตบอลจริงๆ จังๆเสียที

คาร์เตอร์ คือยอดนักดังค์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA เขาคือคนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ในสนามได้มากที่สุด ไม่ใช่แฟนของ แร็ปเตอร์ส เท่านั้น แต่กระแสของ คาร์เตอร์ ทำให้แฟนบาสทั่วโลกรู้จักเขาและรู้จักทีมบาสจากโตรอนโต้ทีมนี้มากขึ้น เรียกได้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ แร็ปเตอร์ส นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมเลย พวกเขาเก่งกาจและได้รับความเคารพจากผู้คนในเมืองและคู่แข่งจากทั้งลีกด้วย

ผู้ชมเริ่มเข้ามาเต็มสนาม และกิจกรรมของทีมที่พบปะเด็กๆ ตามที่ต่างๆ ในเมืองก็เปลี่ยนไป คนรุ่นพ่ออาจจะชอบฮ็อคกี้ แต่เด็กๆ ที่โตรอนโต้ชื่นชอบบาสเก็ตบอลไปเรียบร้อยแล้วเพราะ วินซ์ คาร์เตอร์ อย่างแท้จริง กระแสบาสไล่หลังพร้อมถล่มทุกชนิดกีฬา มีสนามบาสเก็ตบอลที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมายที่สร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ในเมืองได้เล่นกับแบบฟรีๆ เทศบาลและกรมตำรวจโตรอนโต้ก็ให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะมันคือสนามที่จะเปลี่ยนการก่ออาชญากรรมให้เป็นพรรสวรรค์ในการเป็นนักกีฬา

ไม่ใช่แค่ คาร์เตอร์ คนเดียวเท่านั้นที่พยายามเปลี่ยนเมืองนี้ เพราะ ซูเปอร์แฟน อย่าง บาเตีย เองก็สู้ไม่แพ้กัน แต่จุดประสงค์ที่ต่างกันออกไป เพียงแต่ว่าทั้ง คาร์เตอร์ และ บาเตีย ต่างก็ใช้ บาสเก็ตบอล เป็นอาวุธในการต่อสู้ของพวกเขา


Photo : Toronto Star

สิ่งที่ติดอยู่ในใจของ บาเตีย คือภาพลักษณ์ของชาวซิกข์ที่ติดลบจากคนท้องถิ่นทั่วไปยังสร้างความลำบากใจให้กับพี่น้องร่วมศาสนาของเขาอยู่ ดังนั้นเขาเองก็อยากจะเปลี่ยนมันใหม่เสียด้วยโดยเริ่มจากตัวของเขาเอง

ณ เวลานั้น บาเตีย เป็นชายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เขากลายเป็นเจ้าของโชว์รูมขายรถที่มีลูกน้องกว่า 200 คน มีเงินหลั่งไหลเข้ามาจากธุรกิจที่ถูกกฎหมายถึง 2 แห่ง ทว่ากับสิ่งที่เขาอยากจะเห็นนั้น การมีเงินอย่างเดียวมันช่วยเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ชาวซิกข์ไม่ได้ และ บาเตีย รู้ว่าเนื้อหาใจความที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ "การแบ่งปัน"ให้กับสังคม แม้จะไม่มีใครไว้ใจชาวซิกข์มากนัก แต่ ชาวซิกข์อย่างเขาจะตอบโต้ด้วยการใช้ความรักคืนกลับไป

ด้วยการที่เป็นแฟนพันธ์ุ์แท้มาตั้งแต่วันแรก บาเตีย มีของสะสมที่เกี่ยวกับทีมมากมายทั้งเสื้อจากผู้เล่นมอบให้ ของใช้ต่างๆ อย่างหมวกและแก้วน้ำ ทั้งหมดนี้เขาแทบไม่เก็บไว้กับตัวเลย เมื่อได้มาเขาจะทำการแบ่งปันให้กับเด็กๆ ที่ไร้โอกาสทั้งหมด เขาอยากให้การให้นี้ต่อยอดจนกลายเป็นความเข้าใจและให้ความเคารพซึ่งกันและกัน

นอกจากนี้ บาเตีย ยังทำในสิ่งที่เหลือเชื่อด้วยการเหมาซื้อตั๋วจากทีมเป็นจำนวนถึง 3,000 ใบ ในทุกๆ วันฉลองปีใหม่ของชาวซิกข์ โดยตั๋วที่ได้เขาจะนำไปแจกในชุมชนซิกข์และยังแจกไปยังชุมชนใกล้เคียงที่อยู่ในเมือง ใครก็ตามที่ไม่มีเงินซื้อตั๋ว บาเตีย จะมอบให้เพราะเขาอยากให้คนเข้าไปชมเกมสักครั้ง นอกจากนี้เขายังมักบริจาคเงินให้กับการกุศลเพื่อเอาไปสร้างสนามบาสฯ ในชุมชนต่างๆ อีกด้วย ว่ากันว่าเขาเสียเงินไปแล้วกับสิ่งเหล่านี้ถึง 300,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

"เหตุผลที่ผมมอบตั๋วให้กับเด็กๆ หลายคนเพราะอยากให้ทุกคนได้ดูเกมด้วยกัน และเห็นว่าเราสามารถอยู่รวมกันและเป็นหนึ่งเดียวกันได้" บาเตีย กล่าวถึงเหตุผลที่ยอมเสียเงินเสียทองของตัวเอง


Photo : NBA.com India

ไม่ใช่แค่ปีเดียวเท่านั้น ตอนนี้ผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี แต่เขาก็ยังทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าสำหรับชาว โตรอนโต้ ในตอนนี้ ชาวซิกข์ ถูกมองในแง่ดีและให้เกียรติมากขึ้น โดยเฉพาะกับ บาเตีย ที่พวกเขายกให้เป็นฮีโร่ประจำเมืองและแฟนเดนตายอันดับ 1 ไม่ต่างกับ เดรค นักรองฮิปฮอปที่เป็นไอค่อนของกองเขียร์ แร็ปเตอร์ส เลย

ในวันที่ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส กลายเป็นทีมทีมที่ทุกคนในเมืองพร้อมใจกันเชียร์อย่างบริสุทธ์ใจและมีอารมณ์ร่วมถึงขีดสุด ก็เป็นอันว่าพันธกิจของทีมที่อยากจุดกระแสบาสเก็ตบอลในเมืองได้ก็สำเร็จสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ เดฟ บาเตีย ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ชาวซิกข์ได้สำเร็จ และตัวของเขาเองก็กลายเป็นคนดังแบบงงๆ รู้ตัวอีกทีนักข่าวก็เข้ามารุมสัมภาษณ์เขามากมาย และทุกๆ การแข่งของ แร็ปเตอร์ส กล้องก็มักจะหาจังหวะตัดภาพมาที่การเชียร์ของเขาเสมอ

อย่างที่รู้กันในปีนี้ แร็ปเตอร์ส กำลังขับเคี่ยวกับ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส เพื่อการเป็นแชมป์ของ NBA อย่างดุเดือด นี่คือครั้งแรกที่ทีมจาก แคนาดา ทำได้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 1995 พวกเขาสู้กับหลายสิ่งหลายอย่างกว่าจะมาถึงที่ได้รับการยอมรับว่าบาสฯ จากแคนาดาไม่ใช่หมูให้ใครเชือดอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีแฟนเดนตายที่มีลมหายใจเป็นจังหวะเดียวกันกับทีมอย่าง นาฟ บาเตีย อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook