รักมันจืดจาง! "แกเร็ธ เบล" และ อีก 11 แข้ง เรอัล มาดริด ที่ถูก ราชัน มองข้าม

รักมันจืดจาง! "แกเร็ธ เบล" และ อีก 11 แข้ง เรอัล มาดริด ที่ถูก ราชัน มองข้าม

รักมันจืดจาง! "แกเร็ธ เบล" และ อีก 11 แข้ง เรอัล มาดริด ที่ถูก ราชัน มองข้าม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แกเร็ธ เบล ไม่ได้เป็นเพียงนักเตะเพียงคนเดียวของ เรอัล มาดริด ที่มีช่วงเวลาดีๆ กับทัพ ราชันชุดขาว ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและทีมจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการว่าไม่ต้องการเขาอยู่ในทีมอีกต่อไป

เราพาผู้อ่านตามไปย้อนรอยอีก 11 แข้งอดีตดาวเตะ โลส บลังโกส เมื่อครั้งอดีตที่เคยมีประสบการณ์แทบไม่ต่างจากสตาร์ทีมชาติ เวลส์ ในเวลานี้

12. ซามูเอล เอโต้

Samuel Eto''o of Real MadridPhil Cole/GettyImages

ลูกหม้อของ เรอัล มาดริด ที่พวกเขาไปคว้าตัวมาจากอคาเดมีใน แคเมอรูน ตั้งแต่ที่ เอโต้ ยังมีอายุได้เพียง 15 ปีแต่เจ้าตัวกลายเป็นแข้งที่ถูกมองข้ามในโปรเจ็กท์ กาแลคติกอส และลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ ราชันชุดขาว ไปเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้นตลอดระยะเวลา 2 ปีที่เทิร์นโปรกับพวกเขา

เส้นทางค้าแข้งของ เอโต้ พาดผ่านไปที่ มายอร์ก้า ในเวลาให้หลังก่อนที่จะไปบรรจบกับ บาร์เซโลนา อริตัวฉกาจของ โลส บลังโกส ในเวลาต่อมา

ความอัดอั้นตันใจที่เขาเคยถูก ราชันชุดขาว มองข้ามระเบิดออกมาในการฉลองแชมป์ ลา ลีกา ซีซันเดบิวท์ของเจ้าตัวกับทัพ อาซูลกรานา เมื่อเจ้าตัวเป็นคนนำแฟนบอลตะโกนส่งเสียงด่าคู่อริว่า "มาดริด ไอ้*** แชมเปี้ยนจงเจริญ" ที่ คัมป์นู

11. อิบัน เอลเกรา

Real Madrid Ivan Helguera (L) celebratesCHRISTOPHE SIMON/GettyImages

แข้งสารพัดประโยชน์ที่สามารถประจำการได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คและมิดฟิลด์ตัวรับให้กับ เรอัล มาดริด ระหว่างปี 1999-2007 พาทีมซิวแชมป์เมเจอร์ 8 รายการตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในซีซันสุดท้ายของเขากับ ราชันชุดขาว เจ้าตัวไม่ได้เป็นท่ีต้องการของทีมอีกต่อไปหลังการเข้ามาของ มาฮามาดู ดิอาร์รา ห้องเครื่องทีมชาติ มาลี โดยถูกริบเสื้อหมายเลข 6 ไปให้แข้งใหม่มูลค่า 26 ล้านยูโร ตามด้วยการถูกส่งลงไปซ้อมกับนักเตะเยาวชนของทีมและแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงกลางฤดูกาลที่เจ้าตัวสามารถกลับมาแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมอีกครั้งและช่วยทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา ในซีซันดังกล่าวเป็นการทิ้งทวนและย้ายไปร่วมทัพ บาเลนเซีย ในที่สุด

10. เอสเตบัน คัมบิอาสโซ

Esteban Cambiasso of Real MadridFiro Foto/GettyImages

มิดฟิลด์ชาว อาร์เจนไตน์ ย้ายจาก อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ในบ้านเกิดเข้าร่วมอคาเดมีของ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ที่เจ้าตัวมีอายุได้เพียง 15 ปี ก่อนที่จะกลับมาที่ อาร์เจนตินา อีกครั้งเพื่อการลงสนามอย่างสม่ำเสมอให้กับทีมชั้นนำของประเทศอย่าง อินดีเพนเดียนเต้ และ ริเวอร์เพลท 

คัมบิอาสโซ กลับ มาดริด ในยุค กาแลคติกอส ไปประจำการที่แดนกลางร่วมกับ โคลด มาเกเลเล ในเวลาต่อมาก่อนที่เขาจะรับบทบาทห้องเครื่องในแดนกลางเพียงคนเดียวเมื่อมิดฟิลด์ตัวรับชาว ฝรั่งเศส ย้ายสู่ เชลซี อย่างไรก็ตามเจ้าตัวใช้เวลาในทีมชุดใหญ่ของ ราชันชุดขาว ได้เพียง 2 ฤดูกาลก่อนที่พวกเขาจะปล่อยตัว คัมบิอาสโซ สู่ อินเตอร์ มิลาน แบบไร้ค่าตัว

คัมบิอาสโซ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าเขาไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมท่ามกลางส่วนผสมระหว่างแข้ง กาแลคติกอส ชื่อก้องกับบรรดานักเตะลูกหม้อเมื่อตัวเขาไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง รวมไปถึงยังมีประเด็นทางการเมืองระหว่างแข้งซูเปอร์สตาร์กับนักเตะคนอื่นๆ ในทีมอีกด้วย

หลังจากนั้นนับว่าเจ้าตัวเป็นคีย์แมนคนสำคัญของ เนรัซซูรี เมื่อพาทีมึคว้าแชมป์ 15 เมเจอร์โทรฟีระหว่าง 10 ปีในสีเสื้อ งูใหญ่ โดยในนั้นเป็นการครองความยิ่งใหญ่ใน เซเรีย อา ติดต่อกัน 5 ซีซันและ เทรเบิลแชมป์อีก 1 สมัย

9. กอนซาโล อิกวาอิน

Image by Tomorn

กองหน้า อาร์เจนไตน์ สร้างชื่อมากับ ริเวอร์เพลท ในบ้านเกิดก่อนจะโบยบินสู่แผ่นดินยุโรปกับ เรอัล มาดริด เมื่อมีอายุได้เพียง 20 ปีภายใต้มูลค่าราว 12 ล้านยูโร โดยแม้จะไม่สามารถคลำเป้าได้อย่างถล่มทลายในถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว ใน 2 ฤดูกาลแรกทว่า 5 ซีซันหลังจากนั้นเขากลายเป็นหนึ่งในมืปืนที่ซัลโวให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับเกียรติยศ 5 แชมป์เมเจอร์โทรฟีก่อนที่จะถูกขายให้ นาโปลี ในที่สุด

ฮอร์เก้ อิกวาอิน ผู้เป็นพ่อของ กอนซาโล ได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่าการย้ายออจากทัพ ราชันชุดขาว ของลูกชายของเขามีสาเหตุจากที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ​ ไม่ปลื้มเขาเหมือนเช่นเดิมอีกต่อไปแม้ว่าสามประสาน คาริม เบนเซมา, คริสเตียโน โรนัลโด้ กับ อิกวาอิน จะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจก็ตาม

โดยซัมเมอร์ 2013 ที่เจ้าตัวย้ายออกจาก โลส บลังโกส นั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ แกเร็ธ เบล โยกจาก สเปอร์ส มาสวม ชุดขาว สวนทางกับ อิกวาอิน

8. เมซุต เออซิล

Image by Tomorn

ชื่อของ เออซิล กลายเป็นที่ถูกจับตาหลังทำผลงานกับทัพ อินทรีเหล็ก ได้อย่างน่าประทับใจในศึก ฟุตบอลโลก 2010 ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในพลพรรค ชุดขาว เมื่อบรรลุข้อตกลงย้ายจาก แวร์เดอร์ เบรเมน มาร่วมทัพด้วยมูลค่าราว 15 ล้านยูโรและสร้างชื่อกลายเป็นราชาแห่งการแอสซิสต์ภายใต้การเล่นร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ เมื่อเจ้าตัวครองสถิติเป็นแข้ง ลา ลีกา ที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในลีกตลอดระยะเวลาทั้งหมด 3 ซีซันกับ โลส บลังโกส

อย่างไรก็ตามบทบาทของเจ้าตัวถูกลดลงเมื่อพวกเขาไปคว้าตัว อิสโก้ มาร่วมทัพ อีกทั้งการทุ่มทุนซิว แกเร็ธ เบล แตะหลัก 100 ล้านยูโรก็ทำให้ เรอัล เลือกที่จะปล่อย เออซิล สู่ อาร์เซนอล ในท้ายที่สุดเพื่อรักษาสมดุลทางบัญชี

7. อังเคล ดิ มาเรีย

Angel di MariaDenis Doyle/GettyImages

ดาวเตะจอมเทคนิคชาว อาร์เจนตินา สร้างชื่อใน ยุโรป กับ เบนฟิก้า ก่อนที่ เรอัล มาดริด จะคว้าตัวเขามาร่วมทัพด้วยมูลค่า 25 ล้านยูโรบวกกับออปชันโบนัสอีก 11 ล้านยูโรตามผลงานเมื่อซัมเมอร์ 2010 ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้เวลาใน ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว อยู่ 4 ฤดูกาลโดยมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและย่ำแย่ผสมปนเปกันไป แต่สิ่งที่ต้องยกนิ้วให้กับฝีเท้าของเจ้าตัวก็เป็นทักษะที่แพรวพราว การครองบอลที่เหนียวแน่น และวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม

แต่แล้วอนาคตของเจ้าตัวก็เปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก เวียนมาถึงเมื่อปี 2014 ซึ่ง โลส บลังโกส ตกเป็นประเด็นอย่างหนาหูกับ ฮาเมส โรดริเกวซ มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติ โคลอมเบีย ที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจและกลายเป็นแข้งที่มาแทนที่เจ้าตัวในทัพ ชุดขาว ขณะที่ ดิ มาเรีย ย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์เดียวกัน

หลังจากนั้น ดิ มาเรีย ยังได้ออกมาเผยถึงเหตุการณ์ที่ผู้บริหารของ เรอัล มาดริด ได้ส่งจดหมายไปถึงทีมงานทีมชาติ โคลอมเบีย ไม่ให้ส่งเขาลงเล่นใน ฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศกับ เยอรมนี จากปัญหาอาการบาดเจ็บติดตัวเนื่องจากพวกเขากังวลว่าจะไม่สามารถปล่อยเขาออกจากทีมหลังจากนั้นได้ และ อาร์เจนตินา เป็นฝ่ายปราชัยต่อ เยอรมนี 0-1 โดยที่ ดิ มาเรีย ไม่ได้ถูกส่งลงสนามแม้ว่าเจ้าตัวจะร้องไห้ขอร้องต่อ ฮาเวียร์ ซาเบลลา ผู้เป็นโค้ชก็ตาม

6. ฮาเมส โรดริเกวซ

James Rodriguez,Keylor NavasLars Baron/GettyImages

เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติ โคลอมเบีย โด่งดังเป็นพลุแตกในศึก ฟุตบอลโลก 2014 เมื่อพาทัพ โลส กาเฟเตรอส กรุยทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จก่อนที่จะถูกซิวตัวมาร่วมทัพที่มูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกในเวลานั้นที่ 63 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม เวลาในการลงสนามของเจ้าตัวค่อยๆ น้อยลงซีซันต่อซีซัน เขายังไม่ได้เล่นในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้าที่ถนัดภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชลอตติ ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน ดูจะชื่นชอบในการดันเด็กๆ ในอคาเดมีขึ้นมาลงสนามให้กับทีมเสียมากกว่า ประกอบกับอาการบาดเจ็บที่เล่นงานเจ้าตัวก็ทำให้เขาไม่ได้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ใน ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว อีกต่อไปกระทั่งย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้สัญญายืมตัวเป็นเวลา 2 ฤดูกาล

แต่ท้ายที่สุด ทัพเสือใต้ ก็ไม่ได้ใช้ออปชันซื้อขาดเมื่อสิ้นสุดสัญญายืมตัว 2 ปีดังกล่าวแต่อย่างใดและเส้นทางค้าแข้งของเจ้าตัวยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามในเวลานี้ท่ามกลางความสนใจจาก นาโปลี และ แอตเลติโก มาดริด ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์ 2019

5. เคย์ลอร์ นาบาส

FBL-ESP-LIGA-REAL MADRID-TRAININGGABRIEL BOUYS/GettyImages

นาบาส สร้างชื่อใน ลา ลีกา จากการงัดเซฟอุตลุดให้กับ เลบันเต้ เมื่อกลายเป็นนายทวารที่เซฟมากที่สุดในซีซัน 2013/14 และมีชื่อติดทำเนียบ ซาโมรา โทรฟี อันดับที่ 4 จากผลงานเสียไปเพียง 39 ประตูใน 36 เกมและถูก เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอฉีกสัญญาตัวเขาด้วยมูลค่า 10 ล้านยูโรในซัมเมอร์ดังกล่าว ก่อนที่จะแย่งตำแหน่งมือหนึ่งมาจาก อิเคร์ กาซิยาส และ ดิเอโก้ โลเปซ ได้ในเวลาต่อมา

แม้เจ้าตัวจะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว แต่ เรอัล มาดริด ในช่วงก่อนหน้านี้ก็ตกเป็นข่าวใน ตลาดซื้อขายนักเตะ พัวพันกับมือกาวอย่าง ดาบิด เด เคอา และ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ อย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็เป็นผู้รักษาประตูทีมชาติ เบลเยียม ที่ย้ายมาชิงตำแหน่งกับ นาบาส เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาจนเจ้าตัวหลุดจากตำแหน่งเบอร์หนึ่ง

4. คริสเตียโน โรนัลโด้

Cristiano Ronaldo,Florentino PerezGonzalo Arroyo Moreno/GettyImages

หนึ่งในไอคอนของฟุตบอลยุคโมเดิร์นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองนักเตะที่ดีที่สุดของโลกหลังย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นสถิติโลกในปี 2009 ที่ 80 ล้านปอนด์ ก่อนที่เจ้าตัวจะจารึกชื่อเป็นหนึ่งในตำนานของพวกเขาจากผลงานที่สร้างขึ้นอีกตลอดเกือบทศวรรษให้หลังตามด้วยการกลายเป็นนักเตะที่มีอายุแตะหลัก 30 ปีที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกเมื่อย้ายไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ที่มูลค่า 100 ล้านยูโร

โรนัลโด้ เผยถึงสาเหตุในการบอกลา ชุดขาว ในภายหลังว่า ฟลอเรนติโน เปเรซ ไม่ได้แสดงท่าทีต้องการเขาอยู่ในทีมเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป เปเรซ ยังไม่แม้แต่ต้องการจะรั้งเขาไว้เมื่อชื่อของ โรนัลโด้ เป็นประเด็นใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ก่อนที่จะเป็นพลพรรค เบียงโคเนรี ที่สามารถมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ได้ในเวลาต่อมา

3. โคลด มาเกเลเล

Fussball: CL 02/03, Real Madrid - Borussia Dortmund 2:1Andreas Rentz/GettyImages

คำกล่าวของ ซีเนดีน ซีดาน ที่ยังคงเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ว่า "จะพ่นสีทองอีกชั้นใส่ เบนท์ลีย์ ไปเพื่ออะไรในเมื่อคุณได้สูญเสียเครื่องยนต์ของมันไปแล้ว" ต่อกรณีที่ เรอัล มาดริด ตัดสินใจขายมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติ ฝรั่งเศส รายนี้ให้กับ เชลซี สวนทางกับการเข้ามาของ เดวิด เบ็คแฮม

โลส บลังโกส ในยุค กาแลคติกอส เลือกที่จะเสริมทัพด้วยผู้เล่นในแนวรุกระดับโลกเข้ามาร่วมทีม แต่พวกเขากลับกลับปล่อยหัวใจในแดนมิดฟิลด์ที่ด้วยมูลค่าเพียง 16.5 ล้านปอนด์ให้กับ เชลซี แม้กระทั่ง ฟลอเรนติโน เปเรซ ยังทิ้งท้ายถึง มาเกเลเล ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายออกจากทีมไว้ว่า 

"เขาไม่สามารถโหม่งบอลได้และไม่สามารถผ่านบอลได้มากเกินไปกว่า 3 เมตร นักเตะหนุ่มๆ ที่กำลังจะเข้ามาจะทำให้เขาถูกลืมเลือนไปในไม่ช้า"

และ 1 ฤดูกาลให้หลัง พวกเขาก็ไปคว้า โธมัส กราเวอเซน มาจาก เอฟเวอร์ตัน เพื่อหวังเป็นตัวแทนของ มาเกเลเล ก่อนที่เราจะรู้ถึงผลลัพธ์ไม่นานหลังจากนั้น

2. อิเคร์ กาซิยาส

FBL-ESP-POR-REALMADRID-PORTO-CASILLASPIERRE-PHILIPPE MARCOU/GettyImages

จากแข้งลูกหม้อในทีมเยาวชนของ ราชันชุดขาว กลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนของทัพ โลส บลังโกส ในยุคโมเดิร์น โดยตลอดระยะเวลา 16 ปีในถิ่น ซานติเอโก เบอร์นาเบว เจ้าตัวพาทีมกวาดแทบทุกโทรฟีที่จะสามารถคว้าได้เบ็ดเสร็จ 19 เมเจอร์โทรฟี รวมทั้งช่วงเวลาที่น่าจดจำอีกนับไม่ถ้วน

ตำแหน่งมือกาวหมายเลขหนึ่งของ กาซิยาส เริ่มสั่นคลอนเมื่อเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเฝ้าเสาได้ก่อนที่จะถูก ดืเอโก้ โลเปซ รวมไปถึง เคย์ลอร์ นาบาส ในเวลาต่อมาก้าวขึ้นมาแทนที่ เรื่องราวเริ่มยุ่งเหยิงมากขึ้นเมื่อมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเปิดเผยข้อมูลภายในของสโมสรต่อสื่ออย่างลับๆ ทำสงครามการเมืองหวังที่จะแย่งตำแหน่งมือหนึ่งกลับมาครอง ก่อนที่เขาจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวบอกลาทีมรักเมื่อสถานการณ์สุกงอมโดยไร้ซึ่งแม้เต่เงาของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสโมสร เรอัล มาดริด เคียงข้าง

1.แกเร็ธ เบล

Gareth BaleAlex Caparros/GettyImages

แข้งคนล่าสุดในสังกัด เรอัล มาดริด ของ ซีเนดีน ซีดาน ที่ไม่อยู่ในแผนการสู้ศึกในฤดูกาล 2019/20 ท่ีกำลังจะมาถึงนี้โดยที่กุนซือชาว ฝรั่งเศส วัย 47 ปีถึงกับให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการว่าตัวเขาหวังว่าสตาร์ทีมชาติ เวลส์ ใน 30 ปีรายนี้จะได้สังกัดใหม่ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเสร็จศึกอุ่นเครื่องกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมาโดยที่ไม่มีชื่อของ เบล อยู่ในทีมดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เบล ย้ายจาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มาร่วมทัพ ราชันชุดขาว ด้วยมูลค่าเป็นสถิติโลกในปี 2013 ที่ราว 85 ล้านปอนด์ และกลายเป็นหนึ่งใน 3 ประสาน BBC ชื่อก้อง (เบล, เบนเซมา และ โรนัลโด้) เจ้าตัวเป็นจุดเปลี่ยนในเกม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 ที่เขาเป็นคนทำประตูให้ทีมขึ้นนำ แอตเลติโก มาดริด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษก่อนที่ ราชันชุดขาว จะคว้าแชมป์ไปครอง และพัง 2 ประตูในเกม ยูซีแอล นัดชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2018 จากการยิงไกลและจักรยานอากาศสุดสวย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook