เดดไลน์ตลาด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เดดไลน์ตลาด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เดดไลน์ตลาด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงท้ายของตลาดซื้อ-ขายนักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสุดท้าย เป็นวันที่ผู้สื่อข่าวอย่างเราๆ ไม่ปรารถนาเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคนที่ต้องเข้าเวรตอนกลางคืน อันเป็นเวลาทำการของประเทศแถบยุโรปด้วยแล้ว ยิ่งถือเป็นภาระหนักแทบอ้วกในทุกๆ ช่วงของเวลา เนื่องจากข่าวสารการย้ายทีมจะประดังเข้ามาเหมือนเขื่อนแตก

ตลาดซื้อขายนักเตะเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดช่วงหนึ่งในการติดตามเกมลูกหนัง โดยเฉพาะแฟนบอลในฐานบันชาการของ สปอร์ตเรดิโอ ที่ทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวควบคู่ไปเป็นงานอดิเรก เพราะเราจะได้ตามติดข่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมกับลุ้นการเดินหน้าเสริมทัพของทีมรับควบคู่กันไปด้วย ซึ่งสำหรับผมนั่นหมายความว่าสำหรับผมเองแล้ว การได้เฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามข่าวนักเตะคนที่ 5 หรืออาจจะ 6 และ 7 ของทัพ “อสูรแดง” เป็นสิ่งที่ได้ลุ้นกันแบบวินาทีต่อวินาทีเลยก็ว่าได้

คืนวันที่ 30 สิงหาคม ก่อนที่ขุนพลของ หลุยส์ ฟาน กัล จะยกพลไปหน้าแหกที่บ้านของ เบิร์นลีย์ ในเกม พรีเมียร์ลีก แฟน “ปีศาจแดง” ได้ยินดีกันถ้วนหน้าเมื่อได้ทราบข่าวว่าทีมบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว ดาร์ลีย์ บลินด์ นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าตื่นตาในศึก ฟุตบอลโลก มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนจะต้องมาเจื่อนกับผลเจ๊าจืดกับทีมน้องใหม่รองบ่อนในภายหลัง

เวลคัมทูโอลด์แทรฟฟอร์ด บลินด์

บลินด์ เล่นได้ทั้งปราการหลังตัวกลาง แบ็กซ้าย และกองกลางตัวรับ และเคยผ่านมาของ หลุยส์ ฟาน กัล มาแล้ว จะมีอะไรเหมาะสมกว่านี้อีก หา! อะไรนะ ตอนได้ มารูยาน เฟลไลนี่ มา มันก็ผ่านมือ เดวิด มอยส์ มาแล้วเหรอ? เอาเหอะมันคนละคนกัน แม้ทุกอย่างจะแน่นอน 99.99% แต่จนถึงเวลาที่ผมร่ายมือบนแป้นคีย์บอร์ดนี้ (ค่ำวันที่ 1 กันยายน) ก็ยังไม่มีการชูเสื้อแต่อย่างใด แต่มั่นใจว่าไม่เกินวันอังคาร น่าจะได้เห็น (หรืออาจจะรอเปิดตัวพร้อมๆ กับคนอื่นที่จะมาในวันเดียวกัน)

วันต่อมา ผมต้องมานั่งเสียใจกับข่าวที่ทีมตัดสินใจปล่อยตัว ชินจิ คากาวะ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นฝีเท้าเยี่ยม แต่ไม่อาจสร้างชื่อบนแผ่นดินอังกฤษได้ ด้วยโอกาส และสรีระที่ไม่อำนวย โดยกลับไปอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เจ้าตัวสร้างชื่อขึ้นมาด้วยราคาเพียง 6 ล้านปอนด์ พร้อมรับเสื้อหมายเลข 7 ที่ดูจะมีความหมายกว่าหมายเลข 26 ที่สวมกับทีม “ปีศาจแดง” เยอะ น่าเสียดายที่นักเตะเอเชียคนนี้ ไม่ได้รับโอกาสกับผู้จัดการทีมทั้งสองคนของทีม ต้องบอกว่า ชินจิ เป็นนักเตะที่ผมชอบมาที่สุดในทีมยุคนี้เลยก็ว่าได้ แต่เมื่ออยู่ที่นี่ไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้ไปเติบโตที่อื่น และผมจะปฏิญาณตนเป็นสาวก “เสือเหลือง” เพิ่มอีกทีม หลังจากไม่เคยเชียร์ใครนอกจาก แมนฯ ยูฯ มานาน

เมื่อแจ้งเกิดไม่ได้ "ชินจิ" จึงต้องกลับไปยังที่ที่ทำให้เขาดังขึ้นมา

เข้าสู่วันสุดท้ายแบบจริงๆ จังๆ พร้อมข่าวทีมปล่อยนักเตะเพิ่มอีกหนึ่งราย ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” ก็ตกลงย้ายไปสวมหมายเลข 14 ในสภาพที่ดู “ได้ดิบได้ดี” กว่าเดิมเยอะ ด้วยการมีสถานะเป็นกองหน้าเบอร์ 2 ต่อจาก คาริม เบน เซม่า ที่ เรอัล มาดริด แทนที่จะมาเป็นหัวหอกเบอร์ 4 ในสีเสื้อ “ปีศาจแดง” ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งเชื่อว่าจะได้โอกาสมากขึ้น และสร้างชื่อได้มากกว่าสมัยเป็นนักเตะ แมนฯ ยูฯ อีกมาก ยินดีด้วย หวังว่าจะทำผลงานประทับใจจนถูกซื้อขาด

ชิชาริโต้ ย้ายไปนั่งที่ เรอัล มาดริด

แต่สิ่งที่เล่นเอาแฟนบอลไม่แค่เฉพาะกับ “ปีศาจแดง” ต้องตกใจไปพร้อมกัน อาจเรียกได้ว่าเป็น เซอร์ไพรซ์ดีลประจำตลาดช่วงซัมเมอร์นี้เลยก็ว่าได้ หากเกิดขึ้นจริง นั่นคือการจะเข้ามาเป็นหนึ่งในบุคคากรใน “โรงละครแห่งความฝัน” เล่นเอาต้องมอนิเตอร์จับตากันแบบวินาทีต่อวินาทีกันเลย แม้ว่าชาวบ้านเขาจะบอกว่าไม่น่าพลาดแล้วสำหรับดีลนี้ แต่สำหรับ ทำไมผมทำใจให้เชื่อในตัว “เอ็ดเฟ่” ไม่ได้น่ะสิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แม้นักเตะ 4 รายก่อนหน้านี้ จะยอมรับได้ว่าเป็นหนึ่งในผลผลิตที่ออกหน้าออกตาได้ของรองประธานสโมสรคนนี้ก็ตาม แต่ด้วยเม็ดเงินที่ใช้ กับระยะเวลาในการดำเนินการ ยังทำให้ผมเชื่อน้ำยาหมดนี่ไม่ลงจริงๆ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ทั้ง คากาวะ และ ชิชาริโต้ มีข่าวแค่วันเดียวก็ปล่อยออกจากทีม แต่นักเตะที่เป็นข่าวกับ “ปีศาจแดง” ว่าตกลงกันแล้ว อีก 2-3 วันต่อมาจึงจะมีการเปิดตัว ยิ่งรวมกรณีของ มาร์กอส โรโฮ ที่ย้ายมาหลายสัปดาห์แต่ยังลงเล่นไม่ได้ ยิ่งปวดใจกับวิธีการทำงาน ที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อนจะมีการจรดปากกาเซ็นสัญญากันอย่างจริงจัง

การได้นักเตะระดับโลกอย่าง ดิ มาเรีย มาถือว่า เอ็ด สอบผ่าน

ตลาดซื้อขายรอบนี้ จะได้ชื่อว่าเป็นตลาดรอบที่เงินสะพัดมากที่สุดในอังกฤษ แต่ละทีมจับจ่ายเสริมทัพได้อย่างน่ากลัว รวมถึง “ปีศาจแดง” ด้วย ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลาอื่นผมคงลิงโลดด้วยจำนวนนักเตะระดับสตาร์ที่ย้ายมาร่วมทีม แต่จากการที่ผลงานของทีมออกมาแบบปวดอกปวดใจมากกว่ายุคของ เดวิด มอยส์ มันทำให้ยิ้มไม่ออกแบบแปลก ทุกคนรู้ดีว่าปัญหาใหญ่ จุดอ่อนใหญ่ ช่องโหว่ใหญ่ของทีมชุดนี้อยู่ที่แนวรับ แต่กองหลังที่ซื้อมา ไม่ว่าจะเป็น บลินด์ หรือ โรโฮ กลับเป็นกองหลังสไตล์บุก ไม่ใช่เซ็นเตอร์ตัวแกร่งที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้แบบที่เคยได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือ เนมานย่า วิดิช มา

ราดาเมล ฟัลเกา ย้ายมาสมใจสักที

สุดท้ายแล้ว ราดาเมล ฟัลเกา ก็มาชูเสื้อหมายเลข 9 ที่ร้างเจ้าของไปนานของทัพ “ปีศาจแดง” อย่างที่แฟนบอลหวังไว้ แต่การเสริมทัพรอบนี้เรียกว่าได้เป็นประวัติการณ์จริงๆ ช่วงนี้ผลงานทีมอาจย่ำแย่ แต่อย่าลืมว่านักเตะในทีมต่างมีชื่อในบัญชีบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว เชื่อว่าหากทุกคนกลับมา ระบบ 3-5-2 แสดงประสิทธิภาพของตัวมันเองอย่างที่ทำได้ในศึก ฟุตบอลโลก กับ ทีมชาติ ฮอลแลนด์ เชื่อว่า การกลับไปโลดแล่นในเวทียุโรป ไม่น่าจะนานเกินรอ

“สุกรโลกันต์”

ป.ล. แดนนี่ เวลเบ็ค มุ่งหน้าสู่ อาร์เซน่อล แล้วจ้า ขอให้ได้ดี ^^

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook