''สพก.''ขอเปลี่ยนใช้กรมพลศึกษา

''สพก.''ขอเปลี่ยนใช้กรมพลศึกษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ส่วน''ผอ.สมบัติ''ก็จะได้เป็นอธิบดีนายกรัฐมนตรีเปิดไฟเขียวเต็มที่

บังมาดนายสามารถ มะลูลีม รองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการที่นายสมบัติ คุรุพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.)ได้มาปรึกษาขอเสนอให้เปลี่ยนชื่อ สพก.มาเป็น กรมพลศึกษา รวมทั้งตำแหน่งผู้อำนวยการ สพก. มาเป็น อธิบดีกรมพลศึกษา เหมือนในอดีต เพื่อสะดวกในการติดต่อราชการทั้งในและต่างประเทศ และเป็นความต้องการของชาวพลศึกษาทั่วประเทศนั้น ตนได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับทราบและเห็นด้วย เพราะเปลี่ยนแต่ชื่ออย่างเดียว แต่โครงสร้างยังคงเดิม ไม่ต้องเสียงบประมาณ แต่ทำให้งานระบบราชการดีขึ้น

บังมาด กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำเรื่องนี้เข้า ครม. เพื่อพิจารณาอย่างเป็นทางการ ซึ่งคงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เชื่อว่า ครม. จะเห็นชอบแน่นอน เมื่อผ่าน ครม. เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการประกาศเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมคือ กรมพลศึกษา อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ในมือของ นายวีระชัย เรียบร้อยแล้ว พร้อมนำเสนอเข้า ครม.ทันที

เรื่องนี้มีการเรียกร้องมานานแล้ว จากชาวกีฬา และชาวพลศึกษา หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น สพก. ได้กว่า 4 ปี ในรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะทำให้เกิดความสับสนในการติดต่อระบบราชการทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งกับประชาชน การเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดิม ไม่ยุ่งยากอะไร เพราะไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่ต้องใช้งบประมาณ เป็นผลประโยชน์ของวงการกีฬาโดยตรง ครม.ต้องเห็นชอบแน่นอน นายกรัฐมนตรี ก็รับทราบในหลักการแล้ว นายสามารถ กล่าว

ด้าน นายสมบัติ กล่าวว่า เรื่องนี้บรรดาข้าราชการ และชาวพลศึกษาทั่วประเทศให้การขานรับอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการติดต่อขอความร่วมมือประสานงานกับต่างประเทศที่เกิดความสับสนมานาน จะได้กลับเข้ารูปเข้ารอยเสียที การติดต่อกับประชาชนก็สะดวก ราบรื่นขึ้น เพราะทุกคนเข้าใจคำว่ากรมพลศึกษา แม้จะเป็นแค่ชื่อแต่ถือว่ามีความสำคัญมาก ซึ่งการทำงานกับประชาชนต้องนำด้วยศรัทธา บางครั้งแค่ชื่อก็ไม่ศรัทธาแล้ว การประสานงานก็ลำบาก เนื่องจากกรมพลศึกษา ต้องทำงานกับมวลชน ในการพัฒนากีฬามวลชน และกีฬาขั้นพื้นฐาน สร้างเสริมสุขภาพให้กับนักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook