1 สำนัก 2 จอมยุทธ : เปิดตำนานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแห่ง "Dota 2"

1 สำนัก 2 จอมยุทธ : เปิดตำนานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแห่ง "Dota 2"

1 สำนัก 2 จอมยุทธ : เปิดตำนานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแห่ง "Dota 2"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บนยุทธจักรอีสปอร์ต ไม่มีเกมใดจะมีการแข่งขันยิ่งใหญ่และมีเงินรางวัลมากกว่า Dota 2 อีกแล้ว โดยเฉพาะศึกใหญ่อย่าง The International ซึ่งในการแข่งขันครั้งล่าสุดประจำปี 2019 หรือ TI9 ที่เพิ่งจบไป ทีมที่ได้แชมป์และป้องกันแชมป์อย่าง OG ได้เงินรางวัลไปแบ่งกันมากกว่า 15.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 465 ล้านบาทเลยทีเดียว

เกมเมอร์ทั่วโลกต่างยอมรับในฝีมือการเล่นของ 5 เซียนอย่าง โยฮัน "N0tail" ซุนด์สไตน์, อนาธาน "ana" พาร์ม, โทเปียส "Topson" ทาวิไซเน่น, เจสซี่ "JerAx" ไวนิกก้า และ เซบาสเตียน "Ceb" เดบส์ ที่ปิดฉากเกมที่แสนดุเดือดชวนอึดอัดในรอบชิงชนะเลิศได้อย่างน่าประทับใจ

 

อย่างไรก็ตามทุกตำนานนั้นมีจุดเริ่มต้น และตำนานทีมที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง OG นั้นมีเรื่องราวที่เข้มข้น และดุเดือดเฉือนคมยิ่งกว่าหนังฮ่องกง ... และนี่คือเรื่องราวของ "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ที่เปลี่ยนให้ OG กระโจนออกจากความฝัน และเข้าสู่โลกแห่งความจริงได้อย่างยิ่งใหญ่

เพื่อนบนโลกอินเตอร์เน็ต

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค มิลเลเนียม ธุรกิจเกมก็เปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนมีเพียงการเล่นบนเครื่องคอนโซลแข่งกันเองในครัวเรือน โลกก็เริ่มได้รู้จักกับ "เกมออนไลน์" ซึ่งเป็นเกมที่สามารถให้นักเล่นที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกมีโอกาสมาพบเจอกันได้ใน "เซิร์ฟเวอร์" ที่เปิดให้บริการ... และเรื่องราวของ OG เกิดขึ้นจากตรงนี้นี่เอง

 1

Heroes of Newerth (HoN) คือปฐมบทของการเป็นทีม เด็กหนุ่ม 2 คนจากทวีปยุโรปได้เริ่มรู้จักกันครั้งแรก คนแรกคือ โยฮัน ซุนด์สไตน์ จากประเทศ เดนมาร์ก มีชื่อในเกมว่า "N0tail" ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มนั้นเป็นชาว อิสราเอล-แคนาดา ทาล ไอสิก หรือ "Fly" ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยการเป็นคู่แข่งในยุคที่ อีสปอร์ต ยังไม่เป็นที่ยอมรับเหมือนสมัยนี้

"ผมกับ ทาล เจอกันครั้งแรกตอนเล่นเกม HoN มันเป็นแมตช์ออนไลน์ธรรมดาๆ นี่แหละ เราต่างมีทีมของตัวเองอยู่แล้ว ทาล เล่นกับ NoVa (ยาสชา มาร์คุสเช่ - หนึ่งในผู้เล่นเกม HoN ระดับแนวหน้าของโลก) ซึ่งตอนนั้นเขาดูไม่อยากจะเล่นทีมเดียวกับผมซักเท่าไหร่" โยฮัน เปิดเผยถึงวินาทีแรกที่ได้รู้จักกัน

HoN เคยเป็นเกมแนว MOBA ที่ได้รับความนิมยมเมื่อช่วงปลายยุค 2000s ซึ่งมีการแข่งขันระดับทัวร์นาเมนต์เกิดขึ้นในช่วงที่บูมถึงขีดสุด ดังนั้น Fnatic ทีมดังระดับโลกจึงคิดจะฟอร์มทีมขึ้นมา และพวกเขาเลือกเอาผู้เล่นที่มีประสบการณ์การแข่งขันระดับหัวแถวมารวมตัวกัน ซึ่ง 2 จาก 5 คนนั้นคือ โยฮัน และ ทาล นั่นเอง

"เราเล่นด้วยกันเกือบทุกวัน ไม่ว่าจะการซ้อมทีมหรือการแข่งแบบพับลิก (แมตช์ออนไลน์ทั่วไป) หรืออะไรก็ตาม แต่ที่สุดแล้วกลายเป็นว่าเราใช้เวลาคุยกันแทบจะทั้งวัน จากนั้นมันก็กลายเป็นพันธะที่มากกว่าแค่เล่นเกมไปแล้ว" โยฮัน เล่าถึงเคมีที่ตรงกัน และมันทำให้ทั้งคู่ติดกันเป็นปาท่องโก๋

 2

ทั้งสองคนถูกจับโยนเข้าใส่ยุคสมัยของการแข่งขันอีสปอร์ต โยฮัน และ ทาล เข้าคู่เข้าขากันเป็นอย่างดี ผ่านทุกแมตช์ที่เข้ามา พวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ของความสัมพันธ์ด้านผลงานและความสนิทสนมส่วนตัว แน่นอนในช่วงวัยรุ่นไม่มีใครไม่เคยวาดฝันจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินตัว โยฮัน และ ทาล เองก็เช่นกัน เมื่อกระแสของ HoN ซาลง ทั้งคู่ต่างสละเรือและร่วมจับมือกันสู่ความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นกับ Dota 2 เกมแนว MOBA ที่นิยมกว่าและมีเงินเดิมพันที่สูงกว่าคือเป้าหมายต่อไปของทั้งสองคน ทั้งสองลงแข่งตามรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และแม้ชะตาชีวิตจะพลิกผันให้ทั้งคู่ต้องอยู่คนละทีมในเวลาต่อมา แต่ที่สุดแล้ว โชคชะตาก็พัดพาให้พวกเขาต้องมาร่วมหัวจมท้ายด้วยกันอีกครั้งอยู่ดี

ตัวของ โยฮัน นั้นรู้ตั้งแต่แรกว่าชีวิตนี้เขาจะลุยกับการเล่นเกมแบบเต็มระบบ เขาทะเลาะกับครอบครัวเพราะเรื่องนี้จนต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมา "ลงมือทำ" ให้ครอบครัวเห็น เขาจึงสร้างทีม อีสปอร์ต ขึ้นมาทีมหนึ่ง และตั้งชื่อว่า (monkey)Business ในปี 2015 ในวันที่ทีมนี้กำเนิดมีสมาชิกเพียง 2 คนเท่านั้น และนั่นคือ N0tail กับ Fly สองเพื่อนรัก ที่ต้องการสร้างตำนานแห่งโลกอีสปอร์ต

หลังจากนั้นไม่กี่เดือน (monkey)Business ก็มีการรีแบรนด์และเปลี่ยนชื่อเป็น OG แต่ยังคงไว้ซึ่งเป้าหมายเดิมนั่นคือ "เราจะเป็นตำนานร่วมกัน ไอ้เพื่อนยาก"

 3

"เริ่มแรก ทาล บอกกับผมว่าเราอาจจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันเยอะนัก แต่สิ่งที่เราว่าทิศทางของมันจะเป็นไปแบบไหนในอนาคต เราสองคนแค่พร้อมจะเจอกับมันและเดินเข้าใส่สิ่งที่จะเกิดขึ้น สุดท้ายมันก็คือการแค่เล่นเกมและเข้าแข่งระดับทัวร์นาเมนต์ เพราะรู้ดีว่าเราทั้งคู่หวังจะกลายสุดยอดผู้เล่นของ Dota 2 นั่นคือเหตุผลที่เราต้องไปต่อ" N0tail ย้อนเล่าความฝันที่มีร่วมกันก่อนที่ Fly จะยิ้มและตอบกลับว่า  

"มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะเล่นเกมกับคนๆ เดียวมาตลอด 7-8 ปี เขาเหมือนกับพี่น้องแท้ๆ ของผม นี่คือสถานะที่ผมมอบให้เขา" ทั้งคู่เล่าผ่านสารคดี Fly and N0tail: The foundation of a brotherhood พร้อมกับรอยยิ้มและดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

กำเนิด OG ทีมที่ดี แต่... 

การลงจากเวทีของเกม HoN และกระโดดเข้าสู่แวดวงของ Dota 2 ไม่ใช่เรื่องง่าย จากที่เคยเก่งมาตลอดในเกมแรก โยฮัน และ ทาล กลับมีผลงานในระดับแค่กลางๆ เท่านั้นในช่วงเริ่มแรกเล่นเกม Dota 2 ทว่ายิ่งอ่อนชั้นพวกเขาทั้งคู่กลับยิ่งสู้ และสิ่งที่ง่ายที่สุดที่พวกเขาจะทำได้คือ "จงขยันซ้อมซะ"

 4

"ตอนเริ่มเล่น Dota 2 ผมกล้าใช้คำว่ามันยากเอาเรื่องเลยนะ แต่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากเล่นไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปกว่า 150 เกมที่ฝึกฝนและแสงสว่างมันเริ่มขึ้นที่ปลายอุโมงค์ ณ จุดนั้นเลย" Fly กล่าว

และเมื่อพวกเขาตัดสินใจสร้างทีมตั้งแต่ศูนย์ก็เช่นกัน จากการที่การแข่งขันเกมนี้ต้องเล่นเป็นทีม OG จึงเริ่มรับสมาชิกทีมเพิ่ม พวกเขาได้ อาเมอร์ "Miracle-" บาร์คาวี ที่ในปี 2015 เป็นผู้เล่นที่มี MMR (Match Making Rating - สถิติแพ้ชนะของผู้เล่น ยิ่งผลงานดี ค่านี้ยิ่งสูง) มากที่สุดในโลก ตามด้วย อันเดรียส "Cr1t-" นีลเซ่น ผู้เล่นโนเนมแต่มีประสบการณ์สูง ก่อนจะเปิดท้ายที่ เดวิด "MoonMeander" ตัน เพื่อนร่วมทีมเก่าของ Fly สมัยเล่นให้กับ Complexity ตอนนี้ OG เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

"ผมเริ่มคุยกับ ทาล และบอกว่าตอนนี้เรามีโอกาสแล้วนะเพื่อน เรามีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องด้วยมือของเราเอง เราสร้างทีมของเราขึ้นมา เราเริ่มได้ส่วนผสมที่กลมกล่อมลงตัว" N0tail เล่าถึงนาทีจุดประกายก่อนที่ Fly จะเบรกเขาและบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทุกคนในทีมต้องอย่าคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของธุรกิจและเงินรางวัล 

 5

"เราต้องบอกกับทุกคนในทีมว่านี่ไม่ใช่ธุรกิจหรือเรื่องเงินอะไรทำนองนั้น เราอยากให้สมาชิกทุกคนเกิดความรู้สึกสบายใจและแบ่งปันแต่ละสิ่งที่แต่ละคนมี เราจะต้องทำอะไรสนุกๆ ร่วมกัน พร้อมกับการทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกันด้วย" สิ่งที่ Fly พยายามจะบอกคือ "ทีมเวิร์ก" จะเป็นส่วนประกอบสุดท้ายที่ทำให้ OG เป็นอาหารจานเด็ดที่รสชาติกลมกล่อมที่สุดอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามโลกแห่งความจริงนั้นไม่ง่ายเลย การคิดว่าตัวเองเก่งนั้นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องสำหรับมืออาชีพสักเท่าไหร่ สิ่งที่จะยืนยันได้ว่าพวกเขาเก่งจริงคือเสียงสรรเสริญจากคนรอบข้าง และแน่นอน "ตำแหน่งแชมป์" คือสิ่งที่บอกได้ดีที่สุด 

OG อาจคว้าชัยในการแข่งรายการต่างๆ มาก็ไม่น้อย แต่ที่สุดแล้วพวกเขากลับไปไม่ถึงฝั่งฝันในรายการชิงแชมป์โลกอย่าง TI เลยแม้แต่ครั้งเดียว "พวกเขาเป็นทีมที่ดี แต่ไม่ใช่ยอดทีม" ในมุมมองของนักวิจารณ์ ทุกคนให้คำจำกัดความ OG ว่าอย่างนั้น

รับบทตัวร้าย 

"เราอยู่กันแบบครอบครัว" นี่คือประโยคที่แทบทุกองค์กรในโลกนี้บอกกับพนักงานของพวกเขาทุกๆ คน แต่ความจริงมันจะเป็นไปได้หรือ เมื่อเงินคือสิ่งที่เป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นทำให้เครื่องจักรทุกตัวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดแล้ว "อยู่กันแบบครอบครัว" ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกคนมีโอกาสที่จะเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

 6

การเปลี่ยนแปลงสมาชิกในทีม OG เริ่มมีขึ้นหลังจบศึก TI6 ในปี 2016 เมื่อ Miracle-, Cr1t- และ MoonMeander ตัดสินใจออกไปหาความท้าทายกับทีมอื่น และประสบความสำเร็จไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Miracle- ที่สามารถคว้าแชมป์ TI7 ในปีต่อมากับต้นสังกัดใหม่อย่าง Team Liquid ได้ทันที ขณะที่ OG ก็ยังคงฟอร์มเดิม รายการอื่นๆ พวกเขายังสามารถคว้าแชมป์ได้ แต่พอถึงรายการเพชรยอดมงกุฎอย่าง TI ก็บ้อท่าทุกที

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสำหรับ OG ที่สมาชิกตัวหลักบางคนกำลังได้รับการทาบทามจากทีมใหญ่ที่ยั่วยวนทั้งในแง่ของเงินทอง และโอกาสความสำเร็จ 

Fly เริ่มได้รับการทาบทามจากทีม Evil Geniuses หรือ EG ทีมยักษ์ใหญ่ที่เงินถึงเงินหนาและกำลังฟอร์มแรง วางเป้าหมายไว้ที่การเป็นทีมอันดับ 1 ของโลก ส่วนเรื่องค่าตอบแทนนั้นไม่ต้องสงสัย EG คือทีมที่รันระบบด้วยธุรกิจเต็มรูปแบบ Fly จะได้รับค่าเหนื่อยที่สมน้ำสมเนื้อ พร้อมกับความกดดันที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาตกปากรับคำโดยใช้เวลาไม่นานนัก และหลังจากนั้นเพจเฟซบุ๊กของทีม OG ก็ประกาศข่าวที่ช็อคแฟนๆ ของพวกเขา

"มันคือวันที่แสนจะยากลำบากของผมในการประกาศออกจากทีม OG ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับ เราชนะ 4 รายการระดับเมเจอร์และสิ่งนี้จะเป็นความทรงจำที่อยู่กับผมไปตลอดชีวิต ผมหวังว่าทุกคนจะโชคดีและประสบความสำเร็จกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง" Fly ประกาศยืนยันข่าวนี้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2018 โดยเขาได้พาผู้เล่นแนวหน้าอีกคนของ OG อย่าง กุสตาฟ "s4" แม็คนุสสัน ออกไปพร้อมๆ กันด้วย

 7

ทุกอย่างดูดีมากจากคำกล่าวในวันที่จากลา Fly อวยพรให้ OG ประสบความสำเร็จ ส่วน OG ก็ลงประกาศขอบคุณในความทุ่มเทที่ Fly มีให้ทีมมาตลอด มันควรจะเป็นการจากลากันด้วยดี จนกระทั่งหลังจากนั้น Fly ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกเจ้าและบอกว่าเหตุผลที่แท้จริงในการออกจากทีม OG ของเขาคืออะไร? และเขาบอกเป็นนัยว่า "เพื่ออนาคตที่ดีกว่า" ซึ่งนั่นสวนทางกับแนวคิดอยู่กันแบบครอบครัว ที่เขาเป็นคนเอ่ยมันขึ้นมาเองสมัยอยู่กับ OG

"ผมนั่งคุยกับตัวเองและผมรู้สึกว่าผมหมดแรงจูงใจ เราแพ้ และแพ้บ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เห็นทางที่เราจะแก้ไขให้ทีมดีขึ้นได้เลย การเปลี่ยนผู้เล่น หรือสลับเอาโค้ชอย่าง 7ckngMad (อีกชื่อที่ Ceb ใช้) เข้ามาสู่ทีมแข่งขันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนยอมรับได้ และเมื่อผู้เล่นทุกคนไม่มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ผมไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ดังนั้น (การออกจากทีม) นี่คือวิธีที่ดีที่สุด" Fly กล่าวเปิดใจอย่างจริงจังครั้งแรกและตบท้ายว่า

"ตอนนี้เวลามีน้อยเพราะการคัดเลือก TI กำลังจะเริ่มขึ้นใน 2 สัปดาห์ ผมหวังว่าทีม (OG) จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป" 

ชนวนแห่งความแตกแยกเริ่มเกิดขึ้น และเรื่องมันทำให้ร้อนไปถึง N0tail อีกหนึ่งผู้ก่อตั้งว่าแท้จริงแล้วมันเกิดจากอะไร OG จะทีมแตกหรือไม่? แม้ N0tail จะบอกว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่มันมีข้อความที่ซ่อนอยู่ในประโยคบอกเล่าของเขาว่า "แตกคอกันชัวร์ๆ"

 8

"โทษทีแล้วกัน ผมไม่เต็มใจจะพูดถึงเรื่องนี้ซักเท่าไหร่" N0tail ตอบมาแค่นี้ก่อนนักข่าวจะซักไซ้ต่อว่า "แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากจะตอบล่ะ?" เท่านั้นเอง คีย์เวิร์ดหลัก ก็หลุดออกมาจากปากเขา

"มันเป็นเรื่องส่วนตัว และมันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเขาทำกันด้วย" เขากล่าวทิ้งท้าย เป็นอันสิ้นสุดบทบาทเพื่อนร่วมทีม และประกาศเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันนั้น

เส้นขนานของเพื่อนซี้

การแตกคอทำให้ใครต่อใครหลายคนวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา และมันอาจจะหมายถึงการ "อวสาน OG" เมื่อพาร์ทเนอร์ที่เข้าขารู้ใจที่สุดแยกทางกัน ไม่เพียงเท่านั้น การตัดสินใจ "ทิ้งไว้กลางทาง" ของ Fly และ s4 ยังได้ทิ้งบาดแผลอันใหญ่หลวงให้กับ OG ในวันที่รายการสำคัญที่สุดอย่าง TI8 ใกล้เข้ามา

 9

เริ่มแรกก็คือ OG ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน China Dota 2 Supermajor รายการระดับเมเจอร์ครั้งสุดท้ายของฤดูกาล เนื่องจากหาสมาชิกมาเสริมทัพแทนไม่ทัน ไม่เพียงเท่านั้น การเปลี่ยนสมาชิกในทีมที่มากเกินไป ทั้ง Fly, s4 และ โรมัน "Resolut1on" โฟมินอค ที่ออกจากทีมไปก่อนหน้า ทำให้พวกเขาหมดสิทธิ์เข้าไปเล่น TI8 ผ่านการรับเชิญ ต้องเข้าไปแข่งขันรอบคัดเลือกเสียก่อน

เวลาเริ่มงวดเข้ามา มี 2 ทางให้ N0tail เลือกคือ 1 สู้ต่อด้วยกำลังทั้งหมดที่มี และ 2 คือ ตัวเขาเองจะย้ายไปอยู่ทีมอื่นแบบที่ Fly ทำบ้าง 

แน่นอนไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคำตอบที่อยู่ในใจ N0tail คิดว่า OG คือทีมที่ตนตั้งมาเองกับมือ และคือตัวแทนความเป็นนักสู้ของเขา ถ้าเขาทิ้งทีมไปก็ไม่ต่างกับคนที่ยอมขายฝันตัวเองแน่ ... 

N0tail รวบรวมทีมขึ้นมาใหม่ เริ่มด้วยการรั้ง JerAx ที่อยู่กับทีมก่อนหน้าการย้ายทีมของ Fly กับ s4 ให้อยู่ต่อไป ตามมาด้วยการขอร้อง ana อดีตสมาชิกคนเก่งที่เคยออกจากทีมให้กลับมาร่วมงานอีกครั้ง พร้อมดัน 7ckngMad หรือ Ceb โค้ชของทีม คนที่เป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้ Fly ออกจากทีมกลับมาเป็นผู้เล่น สุดท้าย พวกเขาไปคว้าตัว Topson ที่ขณะนั้นยังไม่เคยมีประสบการณ์แข่งรายการใหญ่ๆ มาก่อนร่วมทีม  

OG รุ่นรวมตัวทีมแบบเร่งด่วนสามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้าแข่งขัน TI8 ได้สำเร็จ และเหมือนชะตาเล่นตลก สุดท้าย Fly และ N0tail ก็หนีกันไม่พ้น OG กับ Evil Geniuses ต้องมาเจอกันทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนต้องปะทะกันอีกรอบ ในการแข่งเมนอีเวนต์ รอบที่สองของสายบน

เกมดังกล่าวดำเนินไปอย่างตึงเครียด OG มาในฐานะเต็งบ๊วยของรายการที่ไม่เคยเป็นแชมป์ ขณะที่ EG ตัวแทนจากโซนอเมริกามีทีมชีตผู้เล่นที่ดุดันและลงตัวทุกตำแหน่ง ยิ่งเป็นศึกระหว่างอดีตเพื่อนรัก แถมยังมีช็อตดราม่าเล็กๆ ก่อนหน้า เมื่อ Cr1t- อดีตสมาชิกของ OG ที่ปัจจุบันอยู่ทีม EG จงใจเดินกระแทกไหล่ N0tail ระหว่างเดินผ่านหลังฉาก ยิ่งทำให้คอเกมทุกคนจับตาเกมนี้เป็นพิเศษ

 10

หลังจากเล่นไป 2 เกมทั้งสองฝ่ายเสมอกันอยู่ 1-1 ทำให้ต้องเล่นเกมที่ 3 เพื่อตัดสิน ใครแพ้หมดสิทธิ์แก้ตัวทันที เกมดำเนินไปอย่างตึงเครียดและสุดท้าย OG เป็นฝ่ายที่เล่นได้อย่างมีวินัยและเข้าออกถูกจังหวะ พวกเขาเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด 

สิ่งที่คนดูเฝ้ารอยิ่งกว่าการหาผู้ชนะในเกมนี้ก็คือ หลังจากแมตช์แข่งขันสิ้นสุดลง การประจันหน้าเพื่อจับมือกันของผู้เล่น 2 ทีมจะเป็นอย่างไร? เพราะมันบอกได้ว่าที่สุดแล้ว N0tail กับ Fly มองกันและกันในแง่มุมไหนกันแน่? หลังจากที่ต่างฝ่ายพยายามจะปกปิดความรู้สึกของตัวเองอยู่ตลอด 

 11

และสิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือการ "จับมือ" เท่านั้น โลกแห่งความจริงยินดีต้อนรับ ... ไม่มีรอยยิ้ม, ไร้เสียงหัวเราะ ไม่มีอ้อมกอด สีหน้าของ N0tail เรียบเฉย ราวกับว่าทั้ง 2 คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

สิ่งสุดท้ายที่ยืนยันของความแตกหักได้เป็นอย่างดีคือเมื่อ N0tail พา OG ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์เหนือทีมเต็งจากจีนอย่าง PSG.LGD เขาก็พยายามจะตอบคำถามที่ทุกคนอยากรู้ในทางอ้อมอีกครั้ง

 12

"สิ่งที่ดีที่สุดของการได้เป็นแชมป์โลกคือในที่สุดผมก็ได้รู้สักทีว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และบางความคิดของผมก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันถูกต้อง มันเป็นสิ่งเดียวกับที่ผลักดันผมเสมอ ผมเป็นผู้เล่นที่ดี และทุกคนรู้ว่าที่สุดแล้วผมสามารถจัดการกับทุกอย่าง และคว้าแชมป์ที่ไม่เคยได้มาก่อน" 

N0tail เดินนำหน้าสมาชิกคนอื่นขึ้นรับแชมป์พร้อมกับสลักดาวดวงแรกบนเสื้อแข่งของพวกเขา ... การแสวงหาโอกาสเพื่ออนาคตที่ดีกว่าที่ Fly ทำ กลายเป็นการส่ง OG อดีตทีมของเขาให้กลายเป็นแชมป์อย่างยิ่งใหญ่

2019 : ตำนานบทที่ 2 ของ OG

"ไม่เคยมีทีมไหนที่มีดาวสองดวง (หมายถึงแชมป์) บนเสื้อแข่ง ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้คือช่วยกันทำงานหนักเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้" N0tail ว่าถึงเป้าหมายการแข่งขัน TI9 ที่ OG จะเข้าแข่งขันในฐานะแชมป์เก่า

 13

ผู้ชนะมีสิทธิ์ได้เล่าประวัติศาสตร์เสมอ ชัยชนะของ OG และ N0tail ถูกเล่าขานในฐานะฮีโร่ผู้กอบกอบกู้ และในทางตรงกันข้าม Fly กลายเป็นหัวหน้าพรรคมารไปโดยปริยาย จากวีรกรรมการออกจากทีมในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดและการปรามาสว่าทีมใกล้จะพังแหล่มิพังแหล่ จนทำให้มิตรภาพต้องขาดสะบั้น

ซึ่งก็น่าแปลกที่โชคชะตาได้เล่นตลกพวกเขาอีกครั้ง OG และ EG ต้องมาเจอกันทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงการแข่งเมนอีเวนต์ รอบที่สองของสายบนเหมือนปีกลายเป๊ะๆ

เกมที่ทุกคนรอคอยเปิดขึ้นด้วยความมันระดับคูณสองเมื่อ EG ประกาศสงครามด้วยการเลือกสแปมธงเป็นรูปของ "อุจิวะ อิทาจิ" ตัวละครในเรื่อง "นินจาคาถา โอ้โหเฮะ" ที่เป็นนินจาตัวร้ายทรยศหมู่บ้านและฆ่ายกครัวเหลือไว้เพียงน้องชายเท่านั้น เพื่อเป้าหมายของการเป็นที่สุดของที่สุด แน่นอนมันหมายถึง Fly ที่พร้อมจะรับบทตัวร้ายแบบที่คนทั้งโลกอยากจะเห็น

ขณะที่ทีม OG ใช้รูปภาพการจับมือในตำนานของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในการแข่งขันปี 2018 โดยครอปเอาหน้าของ N0tail ที่นิ่งเฉยในการจับมือกับ Fly ในวันนั้นเป็นสแปมธงเพื่อจะสื่อเป็นนัยๆ ว่า "นี่คือสงคราม"

 qqqq

และสงครามครั้งนี้จบลงเหมือนเดิม ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย OG เอาชนะได้ด้วยสกอร์ 2-1 เกม สุดท้าย OG ก็ร้อนแรงไปจนถึงการเอาชนะในรอบชิงชนะเลิศเหนือ Team Liquid และกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกันเป็นทีมแรกของโลกได้สำเร็จอย่ายิ่งใหญ่

ชัยชนะของ OG ครั้งนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มุ่งมั่นกับการแก้แค้นกับสิ่งที่ Fly ได้ทำไว้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างถูกตกผลึกและเป็นคำตอบให้ทุกคนในทีม OG รู้ว่าเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดคือการสร้างประวัติศาสตร์มากกว่าการทะเลาะกับใครคนใดคนหนึ่ง 

"โฟกัส" คือสิ่งที่แม่ทัพของ OG อย่าง N0tail ทำได้อย่างไร้ที่ติในวันที่เขาขึ้นเป็นหัวเรือใหญ่เพียงลำพัง และสิ่งที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นคือนอกจาก N0tail จะนำทีมคว้าแชมป์ 2 สมัยได้แล้ว เขายังเป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ที่ทำเงินได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย (เงินรางวัลรวมตลอดอาชีพ 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 208 ล้านบาท) ขณะที่ตัวของ Fly อยู่ในอันดับที่ 21 (2.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 70 ล้านบาท) เท่านั้น

 15

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอาบลัฟหรือข่มกันแต่อย่างใด แม้ Fly จะถูกตราหน้าว่าทิ้งทีม ทว่าเขาก็เป็นคนเดียวกันกับที่ก่อตั้งและสร้างให้ OG มีพื้นฐานที่ดีจนสามารถต่อยอดกลายเป็นยอดทีมทุกวันนี้ได้ การเลือกสิ่งที่ดีกว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดคือผลที่ออกมามันไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้เท่านั้น 

"Optimism and Greatness" หรือ "มองโลกในแง่ดีและไปสู่ความยิ่งใหญ่" คือความหมายของชื่อย่อที่รู้จักกันทั้งโลกอย่าง "OG" ... ชัยชนะคือเรื่องของการแข่งขัน แต่จิตวิญญาณของ OG นั้นคงอยู่ตลอดไป

ในอนาคตอีกไม่นานเมื่อทั้งคู่ผ่านอะไรมามากกว่านี้และมองย้อนกลับไป มุมมองของ N0tail และ Fly ที่มองกันและกันอาจเปลี่ยนไป ... เพราะหากไม่มีส่วนผสมของทั้งคู่ ไม่มีทางเลยที่แต่ละคนจะเดินทางมายังจุดที่พวกเขาเป็นอยู่ได้

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ 1 สำนัก 2 จอมยุทธ : เปิดตำนานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแห่ง "Dota 2"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook