สีเทา...เงา ของ 5 ห่วงเกมส์

สีเทา...เงา ของ 5 ห่วงเกมส์

สีเทา...เงา ของ 5 ห่วงเกมส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดูท่าจะยังอารมณ์ค้างกันไม่หาย สำหรับความพ่ายแพ้แบบค้านสายตาคนทั่วโลก ของ แก้ว พงษ์ประยูร กับความหวังเหรียญทองหนึ่งเดียวจากแดนสยาม ในช่วงเวลาส่งท้ายมหกรรมโอลิมปิกเกมส์ ฉบับผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน
 
จริงๆ มันก็น่า...อยู่หรอก ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบหลังจากจอดำ (ปิดทีวี) อยากจะเชิญกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับโคตรเหง้าแห่งวงการมวยสากลสมัครเล่นในนาม "AIBA" (เชื่อว่าคนไทยเกินล้านคนเติมพยัญชนะให้สมกับ "ฐานะ" เป็นที่เรียบร้อย) มาสักการะแบบ "จัดหนัก" ซักหนึ่งดอก
 
โทษฐานที่ทำงานกันได้สมกับมาตรฐาน "จีนแดง" ทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะ ชิง กั๊วะ วู หัวเรือใหญ่ "ไอบา" ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชามวย ด้วยการหาเลี้ยงชีพจากวิชา "สถาปนิก" ตั้งแต่วัยหนุ่ม

ซึ่งส่งลูกน้องออกมาสรุปผลงานการควบคุมกีฬาบนผืนผ้าใบใน "ลอนดอนเกมส์" ครั้งนี้ "หวานเจี๊ยบ"...เอ๊ย!...ใสสะอาดทุกกระเบียดนิ้วระดับ A+ กันเลยพี่น้อง
 
ไม่เอาน่ะ..อย่าคิดมาก แพ้ก็คือแพ้ เพราะในสายตาคนทั้งชาติผู้ส่งออกข้าวระดับหมายเลข 3 ของโลก อย่างไรเสีย "จ่าแก้ว" คือฮีโร่ของทุกหมู่เหล่า นานๆ บ้านเราจะได้เห็นความสามัคคีกลมเกลียวแบบนี้สักที...

ปีหน้าฟ้าใหม่...ใครก็ตามที่มีส่วนร่วม ขอให้กลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง เชื่อว่า "เหรียญทอง" อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
 
มองในแง่ดี โอลิมปิก ครั้งนี้ มีอีกกว่า 120 ชาติ ที่ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับไปฝากลูกฝากหลานที่บ้านได้เลย ที่สำคัญหากพิจารณาจากอันดับตารางเหรียญรวมแล้ว คราวนี้ "พี่ไทย" คือเบอร์ 1 ของอาเซียน ภูมิภาคที่รวมกันมีประชากรครึ่งหนึ่งของโลกเชียวนะ

วกกับมาว่ากันที่เรื่องการ "ปล้นชัยชนะ" หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า "โกง" จริงๆ บ้านเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะพวกใส่สูทผูกไทด์จีบปากจีบคอจ้อบนหน้าจอทีวี เพียงแต่ว่ากับวงการกีฬา ระดับ "5 ห่วงเกมส์" นั้น เรากลับไม่ค่อยคุ้นเคย หรือ เจอมากับตัวซักเท่าไร
 
ย้อนกลับไปเมื่อโอลิมปิกเกมส์ ปี 1988 กรุงโซล ดินแดนเกาหลีใต้ บุรษผู้เป็นตำนานวงการค้ากำปั้นนาม รอย โจนส์ จูเนียร์ ในวัย 19 กะรัต คว้าเหรียญเงินกลับมาตุภูมิ โทษฐานที่ประพฤติตัวไม่เกรงใจ "มวยเจ้าภาพ" ดันไปสาวหมัดเข้าเป้าถึง 82 ครั้ง จนคู่ชกแทบสลบคาเวทีในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนได้รับการคัดเลือกให้เป็น "กำปั้นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์" เป็นรางวัลปลอบใจ
 
ในครั้งเดียวกัน ศึกชิงเทพเจ้าลมกรด ประเภท 100 เมตรชาย ระหว่าง คาร์ล ลูอิส แชมป์เก่าชาวมะกัน กับเจ้าของสถิติโลกคนล่าสุดในครานั้น อย่าง เบน จอห์นสัน ก่อนที่ จอมสปริ๊นท์เลือดแคนาเดี้ยน จะควบเข้าเส้นชัยไปแบบแบเบอร์ แต่ทว่า ท้ายที่สุดก็ลงด้วยความอื้อฉาว
 
เพราะอีก 3 วันให้หลัง มนุษย์ผู้วิ่งเร็วในสุดในโลกยุคนั้น โดนตรวจพบว่ามีสารกระตุ้นปนเปื้อนในร่างกาย สถิติ และ เหรียญรางวัลที่ได้มาถูกริบคืนเรียบวุธ

จากนั้นมีการสาวไส้เรื่องการโด๊ปยากันแบบสะบั้นหั่นแหลก และก่อนลากตัว "จอมโด๊ป" มาประจานได้อีก 4 คน เรียกได้ว่า ความฉาวบนโอลิมปิก ณ แดนกิมจิ ครั้งนั้น ได้รับการจดจำจากคอกีฬาทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

หรือจะให้ดึกดำบรรพ์อีกหน่อย ย้อนไปเมื่อปี 1972 ที่เยอรมันตะวันตก ยุคที่สงครามเย็นกำลังบานสะพรั่ง การชิงเหรียญทองในบาสเกตบอล ระหว่าง 2 พี่เบิ้มอย่าง สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต เกิดการพลิกคำตัดสินให้กลับมาแข่งใหม่หลัง ทั้งที่ "พี่กัน" เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 1 แต้ม จากการชู้ต 2 ลูกโทษในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม
 
การประท้วงเกิดขึ้น เพราะโค้ชโซเวียตโวยวายให้มีการล้างคะแนนจากลูกโทษ เพราะขอเวลานอกในช่วงเวลาบีบหัวใจนั้นไปแล้ว แต่กรรมการกลับมองไม่เห็น เรื่องถูกโยนไปถึงฝ่ายควบคุมการแข่งขัน ก่อนมีมติให้กลับมาเริ่มนับเวลาใหม่ช่วง 3 วินาทีสุดท้าย
 
กลับมาแข่งกันใหม่ ปรากฎว่า โซเวียต เป็นฝ่ายได้รับการชูมือสมใจหมาย เท่านั้นแหละครับ ความวุ่นวายโกลาหลตามมาทันที เพราะทีมสหรัฐฯ ไม่ยอมรับผลการแข่งขัน และไม่ยอมขึ้นแท่นรับเหรียญเงิน ก่อนสืบสาวราวเรื่องกันไป พบว่า คณะกรรมการที่ตัดสินให้กลับไปเล่นใหม่ถึง 3 เสียงนั้น มาจาก ฮังการี, โรมาเนีย และคิวบา ซึ่งเป็นชาติคอมมิวนิสต์ฟากเดียวกับโซเวียต ทั้งสิ้น

ถ้าจะให้ขุดเรื่องพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ โดยเฉพาะกลโกงจาก "เกมการเมือง" อย่างครั้งนี้ เรื่องราวอัปยศในเหตุการณ์ "ล้มแบด" กะอีแค่กดแต้มนับคะแนนอย่าง "มวยสากล" ซึ่งมีช่องว่างเหวอะหวะเต็มไปหมด...จะเหลืออะไร
 
ในเมื่อผลลัพธ์สูงสุดที่สามารถการันตีได้ว่าพวกคุณ "ประสบความสำเร็จ" ย่อมมาจากการคว้า "เหรียญทอง" สถานเดียวเท่านั้น อย่าลืมว่าระดับ โอลิมปิกเกมส์ ทุกครั้ง ย่อมมีนักกีฬาร้อยพ่อพันแม่หลากเชื้อชาติเข้าร่วมชิงชัย..ทัศนคติ, ความคิดความอ่าน, ร่างกาย, สปิริต หรือ จิตใจ ของแต่ละชาติย่อมไม่เหมือนกัน
 
สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่พวกคุณๆๆๆ ทุกท่าน ว่าจะปลูกฝังลูกหลานกันอย่างไร...เลือกที่จะแพ้แต่ชนะใจคนทั้งโลก หรือ เลือกที่จะได้มาซึ่ง "เหรียญอุปโลกน์" จากรูโหว่ของเกมกีฬา ตามแต่ศรัทธาเลยนะครับ


 
ก็องโต้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook