จับปลาหลายมือ?

จับปลาหลายมือ?

จับปลาหลายมือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฟุตบอลยุโรป หลักๆ มี 3 รายการสำหรับทีมใหญ่ ก็คือ บอลลีก, บอลถ้วย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแต่ก็มีบางประเทศอย่าง ฝรั่งเศส และ อังกฤษ ที่มี 4 รายการ
เริ่มซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ค่อยจะทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ เชลซี ไว้หนึ่งทีม
 
โดยเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง "เรือใบ" และ "หงส์แดง" แชมป์และรองแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 ทีมนั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ เนื่องจากสถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก
 
 
ลิเวอร์พูลหลังจากได้ผ่านเข้ามาเล่นชปล.ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกและบอลถ้วยตกลงไปพอๆกัน
 
เท่าที่อดตาหลับ ขับตานอนดู เนื่องจากปีนี้ เจ้าของลิขสิทธิ์ใจดี แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางสัปดาห์ผมได้ดูฟอร์มทีมจากอังกฤษ ซึ่งบอกเลยว่า "ป้อแป้" สุดฤทธิ์
ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จะชนะทุกๆ ทีมในกลุ่มตัวเองหรือไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ สำหรับโอกาสที่จะชนะ แต่คำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมหรือไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง!!!
 
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของทีมจากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจะเริ่มมาจากจุดๆ เดียวกัน
 
นั่นก็คือโปรแกรมเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้ทีมจากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคสมัยนี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งทีมเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอาจริงในบอลถ้วยตามกระแสของ แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ที่มีขนาดทีมใหญ่ สามารถเปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว
 
กรอบสิครับงานนี้ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการไหนๆ จนทำให้ทีมเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน..... (เพราะกลัวโดนถล่ม)
 
สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ "บิ๊กโฟร์" แดนผู้ดีเล่นเอาจริงเหมือนกัน แม้จะมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง และมีถึง 2 ทีมที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
 
ผมขอยกตัวอย่างสโมสร ลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีทีมสุดอันตรายและประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน
 
หลายๆ ฝ่ายอาจจะมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับทีมที่เหนือกว่าทั้ง เรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว และแชมป์ 10 สมัย แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้แพ้แล้วเล่นดีนี่สิ!!
 
สกอร์ 0-3 ใน แอนฟิลด์ ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง เรอัล มาดริด และ ลิเวอร์พูล มันต่างกัน....
 
มันก็จริงอยู่ที่ "ราชันชุดขาว" มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น "หงส์แดง" เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว เรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้
 
 
หงส์แดงชุดผสมเองก็ไม่รอด...แต่ก็สู้ได้ดีกว่านัดแรกแพ้ชุดขาวไปแค่ 0-1
 
แต่มันก็ไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็น 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวจริงเกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของทีมเลยก็ว่าได้ จะขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น
 
บางคนบอกยังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง "หงส์แดง" แพ้เกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย บาเซิ่ล 0-1 แล้วล่ะ เพราะแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดทีมจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ
 
คราวนี้สถานการณ์มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ บาเซิ่ล ดันแพ้ ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จะต้องไปเยือน ซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจะไม่ได้แต้มกลับไป และ บาเซิ่ล จะชนะ ลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก
 
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเขาแพ้ เรอัล มาดริด 0-1 และ บาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหลืออีก 2 นัด!!
 
แล้วไหนสุดสัปดาห์นี้ พวกเขาต้องไปเจอกับ เชลซี อีก ทำให้ "บีร็อด" หัวแหลม พักตัวหลักมันซะเลย!!!
 
เดี๋ยวๆๆๆๆ นี่กลายเป็นว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นถ้วยเล็ก แล้วหันไปเอาจริงในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ แล้วใช่ป่ะ??
 
แต่ทำเป็นเล่นครับ ทีมสำรองที่มี โคโล่ ตูเร่, ลูคัส, โจ อัลเลน, เอ็มเร่ ชาน, อดัม ลัลลาน่า, ลาซาร์ มาร์โควิช และ ฟาบิโอ บอรินี่ กลับแพ้ "ชุดขาว" เพียง 0-1!!!!
 
แต่เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกครับ ผมมั่นใจ เพราะรูปเกมบอกได้เลยว่า "สู้ไม่ได้" ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง "ตูเร่ ผู้พี่" คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ (หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย) อีกคนที่ต้องซูฮกและสามารถหักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ ต่อไปความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม
 
 
นัดนี้กัปตันเจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนาม
 
"บีร็อด" สติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลาทีมชาติเพื่อจะมาเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจะดูเหมือนว่าทีมไม่มี "กัปตันเจิด" จะดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์??
 
แล้วหลังจากนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นอย่างไรกันต่อไป? การไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้ทีมเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ?? การโรเตชั่นเอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จะได้ผลในเกมกับ เชลซี หรือไม่?? เกมนัดชี้ชะตากับ บาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร?? และสุดท้าย ลิเวอร์พูล จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายหรือไม่?? แชมป์ลีกล่ะ? จะยังสามารถเบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่หรือเปล่า?? ใครจะเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้เอาฟันเฉาะไว้?? คำถามตามมาเยอะมาก...
 
ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้คำตอบในเร็ววันนี้ครับ หากพวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจะเกมลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก, แคปิตอล วัน คัพ และ เอฟเอ คัพ ที่กำลังจะเตะปีหน้า พวกเขาพังแน่นอน เพราะหลายๆ ทีมก็พังมาแล้ว จะมาหวังให้เป็นเหมือน "ปีศาจแดง" ปี 99 มันก็คนละยุคสมัยกัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเลือกที่จะทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจะทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้
 
เริ่มจากเกมพบ เชลซี วันเสาร์ที่ 8 พ.ย.นี้ น่าจะทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว สำหรับแนวทางต่อไปของ ร็อดเจอร์ส...
 
ท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะประเภทต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจะเล่นดีเอง
 
ส่วนการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจะทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือเมื่อปีที่แล้วก็เป็นได้
 
หากจะมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องบอกเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ เพราะอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นทีมที่อันตราย แม้ช่วงนี้จะขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกปล่อยและจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็.....
 
P.D.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook