"Perfect Blue"

"Perfect Blue"

"Perfect Blue"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้คงไม่สนุกเหมือนปีที่แล้วหรืออีกหลายปีที่ผ่านมาครับ

เพราะทุกอย่างได้เดินกลับเข้าสู่วัฏจักรของพรีเมียร์ลีกในกำมือของมูรินโญ่ อีกครั้งเรียบร้อยแล้ว

เกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นอีกหนึ่งนัดที่น่าเบื่อมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก เมื่อเชลซี ปิดเกมเหนือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ตั้งแต่ 25 นาทีแรก จาก 2 ประตูของคีย์แมนอย่าง ดีเอโก้ คอสต้า และ เอเด็น อาซาร์


โดยที่ฝ่าย “เดอะ แบ็กกี้ส์” ร่วมฝังตัวเองด้วยใบแดงที่โง่เง่าของ เคลาดิโอ ยาค็อบ หลังจากประตูที่ 2 ของอาซาร์ แค่ 5 นาที

ปิดฉากอย่าง “ตั๊ก” (บริบูรณ์)

อันที่จริงเวสต์บรอมฯ ไม่ได้ตั้งใจจะมายกธงขาวแต่อย่างใดครับ โดยวิเคราะห์จากแผนการเล่นแล้วพวกเขาให้ความสำคัญอันดับหนึ่งกับการหยุดหัวหอกพระกาฬอย่าง คอสต้า ให้ได้ด้วยการวางกองหลัง “รุม” คนเดียว 3 ตัว

ในทางทฤษฎีนั้นพอเข้าใจได้สำหรับแผนของ อลัน เออร์ไวน์ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปได้ยากครับ เพราะคอสต้า เป็นกองหน้าที่มีความสามารถหลากหลาย ไม่ได้เป็นแค่ Fox-in-the-Box เหมือนกองหน้าสมัยโบราณ

นอกเหนือจากความแข็งแกร่งและสัญชาติญาณในการล่าตาข่ายที่ยอดเยี่ยมแล้ว คอสต้า ยังมีความเร็วพอสมควร มีลูกบ้าเพราะเป็นคนกล้าหาญ ทักษะการเล่นที่ใช้ได้ วิ่งหาตำแหน่งได้ดี และสิ่งสำคัญที่สุดคือมีความเข้าใจในการเล่นสูงมาก

เห็นฟอร์มของคอสต้าแล้วอดเสียไม่ได้ครับสำหรับลิเวอร์พูล ที่พลาดตัวไปในฤดูกาลที่แล้วเพราะนักเตะไม่ต้องการจะย้ายมาทีมที่มีความทะเยอทะยานไม่เท่ากับเขา

และเสียดายแทนทีมชาติสเปน ที่หากในฟุตบอลโลก คอสต้า อยู่ในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พวกเขาอาจจะไว้ลายในฐานะแชมป์เก่าได้ดีกว่านี้

เรื่องนี้ก็น่าสนใจครับเพราะ มูรินโญ่ เพิ่งจะประกาศว่าดาวยิงหน้าย่นถนอมร่างกายจนกลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากที่บาดเจ็บติดพันกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสำหรับเชลซี ถ้าเป็นจริงถือว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดีมาก และเช่นกันกับเป็นข่าวร้ายของคู่แข่งทุกทีม

เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกจะดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆนั้นมีสูงมาก

เชลซี ไม่จำเป็นต้องใช้ทีมเวิร์คที่โดดเด่นหวือหวาเหมือน บาร์เซโลน่า หรือ บาเยิร์น มิวนิค แต่เน้นการเล่นที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยเกมรุกของ คอสต้า, อาซาร์ รวมถึงคนอื่นๆอย่าง ออสการ์, วิลเลี่ยน และเชส ฟาเบรกาส ทีมแทบไม่มีทางตัน

อาจมีบ้างในทีมที่เกมรับดีที่สามารถจะหยุดแนวรุกของเชลซีได้ แต่ไม่ใช่กับทีมส่วนใหญ่

และมีเพียงส่วนน้อยที่จะมีปัญญาเจาะเกมรับของเชลซีได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ทีมส่วนใหญ่อีกเช่นกัน

ดังนั้นแผนของเออร์ไวน์ ที่ใช้กองหลัง 3 คนรุมคอสต้า ป้องกันพวกเขาได้แค่ 11 นาทีแรก ก่อนที่ ออสการ์ จะเปิดบอลให้กับ คอสต้า แม้จะเป็นจังหวะก้ำกึ่งว่าจะล้ำหน้าหรือไม่ แต่สำหรับคอสต้า หน้าที่ของเขามีแค่การส่งบอลเข้าตุงตาข่าย ซึ่งเขาทำได้ไม่ผิดพลาด เป็นประตูที่ 11 ในฤดูกาลนี้ของเขา

ประตูนี้แทบปิดฉากเกมแล้ว เพราะเวสต์บรอมฯ รู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีความสามารถจะทวงคืนได้แน่หากไม่มีเหตุการณ์พิเศษในเกม และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ซึ่งเกมจบลงกับประตูที่ 2 ของอาซาร์ ในนาทีที่ 25

หลังจากนั้นนักเตะเชลซี มีหน้าที่เพียงประคองสถานการณ์ให้จบเกมโดยที่ไม่โดนแฟนบอลตัวเองด่ามากนักว่าไม่คุ้มค่าตั๋วที่แพงระยับ ซึ่ง มูรินโญ่ ก็ออกมาโวยวายตามประสาครับว่าฉุนเฉียวที่ลูกทีมผ่อนคันเร่งเกมเร็วเกินไป

แต่ใครก็รู้ว่าในเบื้องหลังแล้ว จอมอหังการผู้นี้แสยะยิ้มอยู่ในใจ

ชัยชนะที่ได้มาง่ายดายนัดนี้ทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะนัดที่ 10 จาก 12 นัด โดยที่ยังไม่แพ้ใครมี 32 คะแนนขยับหนีห่างรองจ่าฝูงเซาแธมป์ตัน (ซึ่งยังไม่ลงสนาม) เป็น 7 คะแนน

ในขณะที่ทีมคู่แข่งอื่นๆในระดับใกล้เคียงกันที่มีศักยภาพพอจะลุ้นแชมป์ด้วยได้ (ซึ่งไม่ใช่เซาแธมป์ตัน แน่นอน - ต้องขอโทษแฟนนักบุญด้วยครับที่เรียนตามตรง) คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นตามมาอย่างห่างๆกับช่องว่าง 8 คะแนนมี 24 คะแนน

ถัดมาคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาติดกลุ่มท็อปโฟร์ได้อีกครั้งทั้งที่ปัญหารุมเร้ามากมายมี 19 คะแนน

ประเมินสถานการณ์ได้ว่าหากไม่มีอะไรที่สั่นคลอนเชลซีได้ในระดับเดียวกับที่ลิเวอร์พูล ประสบปัญหาต้องคำสาปในฤดูกาลนี้ พวกเขาจะเป็นแชมป์อย่างง่ายดาย และจะเป็นการคว้าแชมป์ในสไตล์ “ม้วนเดียวจบ” กับการนำตั้งแต่ต้นจนจบฤดูกาลเสียด้วย

ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ปฏิทินยังหยุดที่ปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมันอาจเร็วไปที่เราจะยอมยกทุกอย่างให้กับ เชลซี เวอร์ชั่น “มู 2.0”


แต่เพราะพวกเขาคือเชลซี ภายใต้การนำของจอมอหังการนี่แหละครับที่ทำให้เราเชื่อได้ง่ายขึ้นว่ามันมีโอกาสเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ดี คำถามสำคัญคือในความ “สมบูรณ์แบบ” นี้มูรินโญ่ จะรักษามันได้ยืนยาวแค่ไหน

พวกเขาจะกลายเป็นทีมที่ 2 ที่สร้างตำนาน “ไร้พ่าย” ได้เหมือนอาร์เซนอลหรือไม่?

เรื่องนี้น่าสนใจกว่าคำถามว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ได้หรือเปล่าอีกนะครับ

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook