กลัวหรือไม่!? เสียงเชียร์ของ “อุลตร้าส์มาลายา”

กลัวหรือไม่!? เสียงเชียร์ของ “อุลตร้าส์มาลายา”

กลัวหรือไม่!? เสียงเชียร์ของ “อุลตร้าส์มาลายา”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ผมยอมรับว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้องเอาชนะให้ได้ 2 -0 ที่กัวลาลัมเปอร์ แต่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกของฟุตบอล

ถ้อยแถลงของ ดลเลาะห์ ซาลเลห์ ที่เอื้อนเอ่ยภายหลังจากที่นำทัพ “เสือเหลือง” บุกมาพ่ายทัพ “ช้างศึก” ที่ดินแดนสยามในเกมรอบชิงชนะเลิศเลกแรกของ  “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” เป็นการยอมรับโดยดุษฎีว่าการแพ้ถึง 2 ประตู

โดยที่ไม่ได้ “อะเวย์โกล” กลับไป กลายเป็น “สถานการณ์” ที่ยากลำบากจริงๆสำหรับ ทีมชาติมาเลเซีย ที่จะต้องกลับมาเอาชนะ ทีมชาติไทย ให้ได้ในเลกที่ 2 วันเสาร์นี้  แม้จะได้ลงเล่นในบ้านตัวเองก็ตาม

จริงๆแล้วก็ไม่น่าแปลกใจนักที่กุนซือวัย 51 ปีจะมองว่ามันเป็นเรื่อง “ยาก” ด้วย “สถานการณ์” ที่กล่าวมา  ประกอบกับรูปเกมที่ต้องยอมรับกันตามตรงว่าขุนพล “เสือเหลือง” นั้นสู้ ทีมชาติไทย ไม่ได้เลย แถมในแนวรับก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ให้ได้ฉกฉวยเอาชัยได้ง่ายๆ

ที่สำคัญ “ประสบการณ์” จากผู้เล่นรุ่นลายครามที่หวังจะใช้เป็นอาวุธสำคัญในการสู้กับทีมจากสยามประเทศก็ใช้ไม่ได้ผลดังหวัง กลับกันมันยังสร้างปัญหาให้ทัพ “เสือเหลือง” มากกว่าอีกด้วย เมื่อผู้เล่นอายุมากเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอาการ “แผ่ว”  ในช่วงท้ายเกม จนเกือบจะโดน ทีมชาติไทย กระทุ้งประตูเพิ่มได้อีก

มิหนำซ้ำ “ความมั่นใจ” ของขุนพล “เสือเหลือง” ก็เป็นรองขุนพล “ช้างศึก” แบบสุดกู่ เมื่อทั้ง 2 ครั้งที่เจอกันในทัวร์นาเมนท์นี้ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มาโดยตลอด

ดังนั้นด้วยเหตุผล “ความเป็นรอง” ในด้านต่างๆ มันก็สะท้อนให้เห็นถึงถ้อยแถลงของกุนซือทีมชาติมาเลเซียได้เป็นอย่างดี

กระนั้นแม้จะรู้ดีว่าเป็นเรื่อง “ยาก” ที่จะกลับมาได้อีกครั้ง แต่ด้วยศักดิ์ศรี  ดลเลาะห์ ซาลเลห์ ก็ยังคงไม่ยอมแพ้และหวังว่าจะทำให “ปาฏิหาริย์” เกิดขึ้นให้ได้อีกครั้งในเกมวันเสาร์นี้ ด้วยปัจจัยเดียวที่พวกเขามีเหนือคู่ต่อสู้อย่าง “ช้างศึก” ซึ่งก็คือ

เสียงเชียร์ของ “อุลตร้าส์มาลายา”!

“อย่างไรก็ตามพวกเรายังไม่ยอมแพ้ เรายังมีอีก 90 นาทีให้ได้ต่อสู้และเราหวังว่าแฟนฟุตบอลชาวมาเลเซียจะกดดันทีมชาติไทยจนเกิดข้อผิดพลาดได้”

คำสารภาพแบบไม่ยอมแพ้ของ ดอลเลาะห์ ซาลเลห์ หลังจบเกมเลกแรก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากุนซือ ทีมชาติมาเลเซีย ผู้นี้ หวังใช้เสียงเชียร์ของแฟนฟุตบอลชาวมลายูเป็นอาวุธลับในการเผชิญหน้ากับทัพ “ช้างศึก” ในบ้านตัวเองวันเสาร์นี้ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวก็อาจจะใช้ได้ผลก็เป็นได้

เพราะด้วยความจุเกือบ 100,000 ที่นั่งหากเหล่า “อุลตร้าส์มาลายา” เข้ามาชมกันแน่นขนัดความจุพร้อมโห่ร้องอื้ออึง ส่งเสียงตะโกนขู่คำรามใส่คู่ต่อสู้อย่าง ทีมชาติไทย ที่ผู้เล่นภายในทีมส่วนใหญ่ยังเป็นวัยรุ่นอายุน้อยอยู่จำนวนมาก มันก็อาจจะสร้าง “ความกดดัน” และ “ความประหม่า” ให้เกิดขึ้นกับขุนพล “ช้างศึก” จนนำมาซึ่งการเล่นที่ผิดพลาดและเผยช่องให้พวกเขาฉกฉวยเอาชัยไปได้

ท้ายที่สุดต้องรอดูกันว่าเสียงเชียร์ของ “อุลตร้าส์มาลายา” ที่ทัพ “เสือเหลือง” หวังจะใช้เป็นอาวุธลับจัดการอาคันตุกะจากสยามประเทศนั้น จะได้ผลและทำให้ “ปาฏิหาริย์” เกิดขึ้น จนพวกเขาสามารถก้าวขึ้นเถลิงบัลลังก์ “แชมป์” ฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” ได้เป็นครั้งที่ 2 หรือไม่

หรือจะเป็นเหมือนอย่างที่ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย กล่าวผ่านรายการข่าวชื่อดังยามเช้าว่า “ปาฏิหาริย์” ที่ช่วยให้ ทีมชาติมาเลเซียเข้ามาไกลถึงรอบชิงชนะเลิศได้นั้น คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook