ปัญญาชนสาวไทยตบหมวยจีนเละ3-0ฟันแชมป์วอลเลย์มหาลัยเอเชีย

ปัญญาชนสาวไทยระเบิดฟอร์มสุดยอดตบจีนเละ 3 เซ็ตรวด คว้าแชมป์วอลเลย์บอลหญิงชิงชนะเลิศมหาวิทยาลัยแห่งเอเชีย ครั้งที่ 1 ในรอบชิงชนเลิศ ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร วันที่ 11 ตุลาคม ทั้งสองทีมเคยเจอกันมาแล้วในรอบคัดเลือกจัดอันดับสาวไทยเป็นฝ่ายชนะ 3-1 เซ็ต สาวไทยทำสถิติชนะ 6 นัดรวด ด้านจีน ชนะ 5 แพ้ 1 โคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ

ทีมสาวไทยใช้ผู้เล่น 6 คนแรกได้แก่ มือเซ็ต กมลพร สุขมาก,พัชรีย์ ดีเสมอ,จุฑารัตน์ มูลตรีพิลา,อุทัยวรรณ แก่นสิงห์,เอ็มอร พานุสิทธิ์,ฐาปไพพรรณ ไชยศรี และ ลิเบอโร่ ปิยะนุช แป้นน้อย หมวยใหญ่ นำทัพโดย หวัง ฟาง,ติง หลู,ซิ เซง ฮุย,ซุน ชุน หนี,ชิว หลง หลง,เจ้า ชุย หัน ลิเบอโร่ จาง ไบ๋

เซ็ตแรก ทั้ง 2 ทีมพยายามสู้สุดชีวิต สลับกันทำแต้ม แต่นักตบสาวไทยทำได้ดีกว่าชนะไป 25-16 เซ็ต 2 สาวไทยเปลี่ยนเอา คารีน่า เคร้าเซอร์ ลงแทน พัชรีย์ ดีเสมอ หมวยใหญ่อะไรไทยไม่ได้พ่ายไทยไปอีก 16-25 เซ็ต 3 ไทยยังคงแข็งแกร่งกว่าทั้งรุกและรับชนะไปอีก 25-15

สรุป ไทย ชนะ จีน 3-0(25-16, 25-16, 25-15) ใช้เวลา 1.06 ชม.ผู้ทำคะแนนสูงสุด จุฑารัตน์ มูลตรีพิลา 16 คะแนน คว้าแชมป์สมัยแรกมาครองได้อย่างงดวามและสมศักดิ์ศรีทำสถิติชนะ 7 นัดรวดจากการลงสนาม 7 นัดเสียเซ็ตให้คู่ต่อสู้เพียงแค่เซ็ตเดียว ชัยชนะดังกล่าวเป็นชัยชนะของทีมวอลเลย์บอลสาวไทยเหนือทีมวอลเลย์บอลสาวจีนในรอบชิงชนะเลิศรายการที่สามของปี 2552 เริ่มจากวอลเลย์บอลสโมสรหญิงชิงแชมป์เอเชีย ปี 2552 เดือนกรกฎาคม ที่จังหวัดนครปฐมและการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 15 ที่เวียดนาม เดือนกันยายนและวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์มหาวิทยาลัยเอเชีย ครั้งที่ 1

สำหรับรางวัลยอดเยี่ยม นักกีฬาทรงคุณค่า ฐาปไพพรรณ ไชยศรี ตบยอดเยี่ยม จุฑารัตน์ มูลตรีพิลา ผู้ทำคะแนนสูงสุด แกนโบลด์ (มองโกเลีย) ลอโร่ยอดเยี่ยม เฉิน อี๋ อี๋ (ฮ่องกง) เซ็ตยอดเยี่ยม เจ้า ชุย หัน (จีน) เสิร์ฟยอดเยี่ยม พูเรฟจาฟ (มองโกเลีย) บล็อคยอดเยี่ยม ซิ เซง ฮุย (จีน)

ดนัย ศรีวัชรเมธากุล ผู้ฝึกสอนทีมหญิงไทย กล่าวว่า ทีมไทยเล่นได้ดีตามแผน สิ่งสำคัญที่สุดอยากให้นักกีฬาทุกคนได้รับประสบการณ์ที่จะก้าวไปเล่นในทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป จีน เล่นต่ำกว่ามาตรฐานมาก ไม่สามารถรับบอลเสิร์ฟได้

ส่วนชิงอันดับสาม มองโกเลีย ชนะ ฮ่องกง 3-0 (25-20, 25-17, 27-25) สรุปอันดับการแข่งขัน 1.ไทย 2.จีน 3.มองโกเลีย4.ฮ่องกง 5.มาเลเซีย 6.ลาว 7.ศรีลังกา