"Big Hero"

"Big Hero"

"Big Hero"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสียงกู่ร้องดังสนั่น เดอะ เลน ราวกับต้องการให้เหล่าเทวดาและฟ้าดินได้ร่วมรับรู้ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่มีเหนือคู่ปรับและคู่แค้นตลอดกาลอย่าง อาร์เซน่อล

“He’s one of our own” แฟนท็อตแน่ม ร้องเพลงให้กับ แฮร์รี่ เคน ทั้งในนัยการชื่นชมยินดีกับ 2 ประตูที่สตาร์รุ่นเยาว์ของพวกเขาทำได้ในเกมนี้ ซึ่งทั้งสองลูกเป็นการทำประตูที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นศูนย์หน้าที่ยอดเยี่ยม

และอีกนัยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของดาวเตะที่พวกเขา “นับญาติ” เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขาเอง แม้ครั้งหนึ่งจะเคยอยู่ในทีมเยาวชนของ อาร์เซนอล ก็ตาม

เรื่องราวของ แฮร์รี่ เคน และเกมนัดนี้จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องคลาสสิคของเกมลูกหนังยุคใหม่ที่คงจะถูกจดจำและพูดถึงไปอีกนานครับ

ชัยชนะที่เดอะ เลน ในเกมนี้ถือเป็นชัยชนะที่ไม่เพียงแต่จะมีความสำคัญมากต่อเรื่องของ “โอกาส” ในการไล่ล่าพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ในตารางที่สเปอร์ส ถวิลหา

หากแต่ยังสำคัญต่อเรื่องของ “ความเชื่อ” ที่จะเป็นรากฐานสำคัญของพวกเขาไปตลอดฤดูกาลที่เหลือ

ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ทุกคนในทีมสเปอร์ส เชื่อและมั่นใจว่าพวกเขาสามารถสู้ใครก็ได้ ซึ่งประเมินจากผลงานในระยะหลังและ 90 นาทีที่เดอะ เลน ผมเองก็เชื่อเช่นนั้นครับ

เพราะอาร์เซนอล ในเวลานี้ไม่ได้เป็นทีมที่ย่ำแย่เลย ในทางตรงกันข้ามกำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจถึงขีดสุดด้วยหลังถล่มแอสตัน วิลล่า เมื่อสัปดาห์ก่อน 5-0

แต่สเปอร์ส สามารถทำให้พวกเขาดูย่ำแย่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากรูปเกมที่ปรากฏซึ่งหากตราชั่งหัวใจไม่เอนเอียงให้กันเนอร์ส ใครเห็นก็ต้องยอมรับว่าทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทำผลงานได้ดีกว่าตลอดทั้งเกม

มีเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆในต้นครึ่งหลังที่ดูคล้ายอาร์เซนอล จะใช้ประสบการณ์และความเหนือชั้นที่มีมากกว่ากดสเปอร์สให้จมลงได้

แต่สุดท้ายพวกเขาเผชิญชะตากรรมที่ไม่แตกต่างจากเชลซี ที่เอาชื่อมาทิ้งที่เดอะ เลน เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา

ครั้งนั้น “ฮีโร่” ของสเปอร์ส มีชื่อว่า แฮร์รี่ เคน

ครั้งนี้ฮีโร่ก็ยังเป็นคนเดิม

เคน คือความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมที่ชัดเจน

ความจริงแล้ว 90 นาทีที่ เดอะ เลน เป็นเกมระดับ “ชั้นสูง” เราได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดของนักเตะทั้งสองทีมที่ชิงไหวชิงพริบ เข้าปะทะพะบู๊กันอย่างสนุกตื่นเต้น ถึงอาร์เซนอล - ซึ่งวันนี้ไม่มีฮีโร่ของพวกเขาอย่างอเล็กซิส ซานเชซ - อาจดูเป็นรองอยู่บ้างแต่หากมีโอกาสปล่อยหมัดสวนเป้าหมายของพวกเขาคือ “น็อค” สถานเดียว

เหมือนที่ได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 11 จาก เมซุต โอซิล ซึ่งเป็นโอกาสลุ้น 1 จาก 2 ครั้งในช่วง 45 นาทีแรก

และหาก ฮูโก้ ญอริส ไม่บินปัดลูกปั่นโค้งของ แดนนี่ เวลเบ็ค ในช่วงหลังจากที่เคนตีเสมอได้ไม่นาน กระแสและทิศทางของเกมอาจตีกลับไปอีกด้านก็เป็นได้ เพราะดูเหมือนอาร์เซนอล จะติดใจและพอใจกับสไตล์ “ชนะแบบน่าเกลียด” ที่ทำให้พวกเขาเก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำในระยะหลัง

แต่เมื่อญอริสปัดได้ และแดนกลางของสเปอร์ส ที่นำโดย คริสเตียน เอริคเซ่น ในฐานะหอบัญชาการ และ ไรอัน เมสัน นักเตะท้องถิ่นอีกคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์หน้าใหม่ในบท “ผู้คุมวิญญาณ” ในแดนกลาง สยบแผงมิดฟิลด์ของอาร์เซนอล ทีมที่เคยมีทีมเวิร์คโดดเด่นมากที่สุดในยุคของอาร์แซน เวนเกอร์ ได้อย่างราบคาบ

กลยุทธ์การบีบเกมเร็ว เพรสซิ่งสูง และดันเกมขึ้นทั้งแผงที่โปเช็ตติโน่ วางไว้เอาชนะเกมแดนกลางของปราชญ์ลูกหนังอย่างเวนเกอร์ได้สบาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เวนเกอร์ ต้องกังวลมากกว่าผลการแข่งขันด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ดี ในเกมที่คู่คี่เช่นนี้ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเกมจะเป็นตัวตัดสิน และคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะ “ช่วงชิง” วินาทีเหล่านั้นได้มีไม่มาก

โชคดีสำหรับสเปอร์สที่พวกเขามี เคน ซึ่งกำลังพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว

ประตูตีเสมอในช่วงต้นครึ่งหลัง อาจดูไม่ยาก แต่มันเกิดจากการยืนถูกตำแหน่งและการจบสกอร์ที่เฉียบคมโดยปราศจากความลังเล

ขณะที่ประตูชัยนั้นเหมือนจะง่ายและไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วเป็นการขึ้นโหม่งที่สมบูรณ์แบบทั้งน้ำหนักและทิศทาง

สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือมันเป็นการทำประตูใน “เกมใหญ่” ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำได้ และนั่นเป็นการยืนยันว่า แฮร์รี่ เคน เป็น Big player ที่พร้อมจะปรากฏกายใน Big game


ในขณะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ อดีตวันเดอร์คิดของวงการไม่เคยให้คำตอบได้เฉกเช่นเดียวกับที่ เคน ทำได้ในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเลย

ผลงานร้อนแรง 22 ประตูในฤดูกาลนี้กับอีก 12 ประตูในลีก แฮร์รี่ เคน กำลังทำให้แฟนสเปอร์ส กลับมามีความสุขอีกครั้ง ในสิ่งที่พวกเขาถวิลหามานานกับศูนย์หน้ายอดดวงใจ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง แกรี่ ลีนิเกอร์ และ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ เคยเป็น

ดียิ่งกว่านั้นคือเด็กคนนี้คือสายเลือดสโมสร ที่จะไม่มีวันทิ้งทีมไปง่ายๆ และการที่สเปอร์สจับเขาต่อสัญญาก่อนตลาดซื้อขายปิด ไม่ต่างอะไรจากการเซ็นสัญญากับนักเตะระดับโลกเข้าทีม

อนาคตของเคน น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ เด็กคนนี้อาจไม่เพียงแค่เขย่าเวทีพรีเมียร์ลีกหรือเขย่าทีมชาติอังกฤษ

พรสวรรค์ของเขาอาจถึงขั้นเขย่าโลกได้ครับ

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook