ครั้งนี้ของ พี่กับน้อง "ตูเร่"

ครั้งนี้ของ พี่กับน้อง "ตูเร่"

ครั้งนี้ของ พี่กับน้อง "ตูเร่"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลิเวอร์พูลเปิดรังแอนฟิลด์เฉือนชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในเกมบิ๊กแมตช์ของพรีเมียร์ลีกประจำสัปดาห์นี้

การห้ำหั่นกันระหว่างหงส์แดงกับเรือใบสีฟ้านัดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องอย่าง โคโล่ ตูเร่ และ ยาย่า ตูเร่ ได้ดวลแข้งกันในฐานะฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งแรก หลังจากเล่นในพรีเมียร์ลีกพร้อมกันมาเป็นปีที่ 5 แล้ว

แต่ในสามปีแรกนั้นทั้งสองทีมเล่นอยู่ในทีมเดียวกัน เมื่อยาย่าผู้น้อง ย้ายจากบาร์เซโลน่ามาร่วมทีมแมนฯ ซิตี้ ที่มีโคโล่ผู้พี่ลงเล่นอยู่ก่อนแล้ว

ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องแยกย้ายกันไป เมื่อตูเร่ผู้พี่ถูกปล่อยตัวจากถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ไปในปี 2013 และย้ายมาปักหลักในถิ่นแอนฟิลด์แทน

แต่ทั้งคู่ยังไม่มีโอกาสได้เผชิญหน้ากันในเกมระหว่างแมนฯ ซิตี้ กับลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงนัดแรกที่พบกันในฤดูกาลนี้ด้วย

การลงสนามร่วมกันแบบต่างสีเสื้อของทั้งคู่จึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเกมที่แอนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ โดยตูเร่คนน้องลงเป็นตัวหลักในแดนกลางให้กับแมนฯ ซิตี้เหมือนเคย ส่วนตูเร่คนพี่ถูกลิเวอร์พูลส่งมาเป็นตัวสำรองในช่วง 7 นาทีสุดท้ายของเกม



แม้จะไม่มีบทบาทมากนัก เพียงลงไปช่วยเกมรับเพื่อรักษาสกอร์ที่นำอยู่ แต่ก็เป็นตูเร่ผู้พี่ที่ได้สิทธิในการคุยข่มน้องชายไปจนถึงฤดูกาลหน้าเป็นอย่างน้อย หากทั้งคู่จะยังมีโอกาสได้เผชิญหน้ากันอีกหลังจากนี้

เส้นทางบนถนนลูกหนังของสองพี่น้องนักเตะชาวไอวอรี โคสต์ คู่นี้เริ่มต้นคล้ายๆ กัน ด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของทีมดังในบ้านเกิดอย่างทีมมิโมซาส โดยโคโล่ผู้พี่ที่อายุมากกว่า 2 ปี เริ่มต้นก่อน ก่อนที่ยายาผู้น้องจะเดินตามรอยเท้า

พออายุได้ 18 โคโล่ ก็ได้ขยับขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ให้กับมิโมซาส และกลายเป็นตัวหลักของทีมได้อย่างรวดเร็ว จนก้าวไปติดทีมชาติในอีกหนึ่งปีให้หลัง และในปี 2002 เขาก็เข้าตาอาร์เซนอลที่ถนัดในการดึงนักเตะดาวรุ่งจากทั่วโลกมาปั้น และได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะปืนใหญ่ในต้นปีนั้นเอง

ส่วนยาย่านั้นพออายุ 18 ก็ได้โอกาสย้ายไปเล่นในยุโรปกับทีมเบเวอเรนของเบลเยียม ซึ่งมีคอนเน็กชั่นอยู่กับมิโมซาส และแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในทันที

เขาเกือบมีโอกาสได้ย้ายตามพี่ชายมาเล่นกับอาร์เซนอลด้วยตอนอายุ 20 เมื่อถูกเรียกมาทดสอบฝีเท้ากับทีม แต่ปัญหาเรื่องเวิร์กเพอร์มิตทำให้ปืนใหญ่ตัดสินใจชะลอการเซ็นสัญญากับเขา จนเจ้าตัวอดทนรอไม่ไหวและเลือกย้ายไปเล่นในยูเครนกับทีมเมตาลูร์ก โดเน็ตส์แทนในปลายปี 2003

ขณะที่พี่ชายปักหลักกับอาร์เซนอลได้อย่างมั่นคง เส้นทางของตูเร่ผู้น้องยังต้องระหกระเหินพิสูจน์ตัวเองต่อไปในลีกยุโรป แต่ผลงานของเขากับต้นสังกัดก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ดีในฐานะนักเตะตัวหลักของทุกทีมที่ย้ายไปเล่นด้วย

หลังค้าแข้งในยูเครนอยู่สองปีครึ่ง ยาย่าก็ถูกโอลิมเปียกอสคว้าตัวไปเล่นในกรีซในปี 2005 และที่นี่เองที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และเมื่อได้เวทีฟุตบอลโลก 2006 มาช่วยส่งด้วยแล้ว ทำให้โมนาโกดึงตัวเขาไปร่วมทีมในปีนั้น



จุดพลิกผันครั้งสำคัญของตูเร่ผู้น้องเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อฟอร์มของเขาไปเข้าตายักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า ที่ซื้อตัวเขาไปร่วมทีม และก็เช่นเคยที่เขาสามารถแจ้งเกิดกับทีมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และมีบทบาทในฐานะนักเตะสำคัญของทีมในทันที

แต่การก้าวขึ้นมาของเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่มาเป็นคู่แข่งแย่งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เข้ามาคุมทีมและเลือกที่จะจับเขาไปยืนในตำแหน่งอื่นแทน ทำให้ตูเร่เริ่มไม่แฮปปี้ในถิ่นคัมป์นู และเมื่อแมนฯ ซิตี้ยื่นข้อเสนอไปเป็นเงินก้อนโตถึง 24 ล้านปอนด์ เขาก็ได้ย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2010

และนั่นเองทำให้สองพี่น้องตูเร่ได้มาเล่นในทีมเดียวกันอีกครั้ง นับตั้งแต่เคยเริ่มต้นมาจากทีมเยาวชนเดียวกัน แต่ขณะที่ยาย่าเริ่มก้าวเข้าสู่จุดพีกของตัวเอง โคโล่ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอย ในปี 2011 เขาไม่ได้เป็นตัวเลือกหลักในแนวรับของแมนฯ ซิตี้อีกแล้ว

ในซัมเมอร์ของปี 2013 ที่ตูเร่ผู้พี่ถูกปล่อยตัวไปแบบฟรีๆ และไปได้รับโอกาสใหม่กับลิเวอร์พูล ตูเร่ผู้น้องก็โชว์ฟอร์มได้ดีสุดๆ ในฤดูกาลนั้น และมีส่วนสำคัญในการพาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ จนเขาก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง

ฤดูกาลนี้ถือว่ายังไม่ใช่ฤดูกาลที่น่าพอใจของทั้งคู่ เมื่อตูเร่ผู้พี่หลุดไปเป็นตัวสำรองอย่างถาวร ส่วนตูเร่ผู้น้องก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้เหมือนเคย

แต่อย่างน้อยหลังจบเกมที่แอนฟิลด์ในนัดล่าสุดนี้ ตูเร่ผู้พี่ก็คือคนที่ยิ้มออกได้มากกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook