นุศรา ต้อมคำ มือเซ็ตระดับโลก นักตบขวัญใจชาวไทย

นุศรา ต้อมคำ มือเซ็ตระดับโลก นักตบขวัญใจชาวไทย

นุศรา ต้อมคำ มือเซ็ตระดับโลก นักตบขวัญใจชาวไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในกีฬายอดนิยมของคนไทยในช่วงเวลา 5-6 ปีนี้คือ วอลเลย์บอล จนกลายเป็นกระแสฟีเว่อร์ขึ้นมาทีเดียว โดยเฉพาะกับทีมนักตบลูกยางสาวไทย

ซึ่งได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการวอลเลย์บอลไทย ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เมื่อ พ.ศ. 2552 ทีมไทยสามารถเอาชนะจีนเป็นครั้งแรกได้สําเร็จคว้าแชมป์เอเชียไปครอง

การคว้าแชมป์ในครั้งนั้นนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ปลุกกระแสให้กีฬาวอลเลย์บอล ส่วนตัวผู้เล่นเอง ต่างบอกว่าแมตช์นี้ถือเป็นแมตช์ที่เปลี่ยนชีวิต ทีมสาว ๆ นักตบไทยกลายเป็นซุปตาร์ของคนวงการกีฬา และกลายเป็นขวัญใจของคนไทย

หนึ่งในนั้นคือ "นุศรา ต้อมคํา" มือเซ็ตประจําทีม จากเด็กผู้หญิงที่คิดว่าเล่นวอลเลย์บอลเพื่อที่จะได้เรียนฟรีเข้ามหาวิทยาลัยฟรีแต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นนักกีฬาทีมชาติเป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพ มีผลงานในการแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ระดับใหญ่ ๆ ทั้งในภูมิภาค และระดับโลก

ซึ่งในการแข่งขันแต่ละทัวร์นาเม้นท์ นุศรายังกวาดรางวัลมือเซ็ตยอดเยี่ยมมาด้วยเสมอ ล่าสุดในการแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2015 เธอได้รับการจัดอันดับให้เป็นมือเซ็ตยอดเยี่ยมอันดับ 1 และนี่คือเรื่องราวของนักกีฬามืออาชีพผู้มีวันนี้ได้เพราะตั้งใจ อดทน และพัฒนา

ทราบว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เพิ่งมีมีตติ้งแฟนคลับ บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง

เราทำมาแล้ว 2 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย สุดท้ายมาลงตัวที่เมืองกาญจน์ วิธีการของเราคือถ้าแฟนคลับคนไหนอยากไป ให้เล่นเกมในเฟซบุ๊ค

แล้วคัดเลือกผู้โชคดีไป ก็สนุกสนานเฮฮา ได้เจอหน้าได้พบปะกันอย่างใกล้ชิด ถือว่าตอบแทนเขาที่มาเชียร์เรา คอยให้กำลังใจตลอด

 

เคยคิดมาก่อนไหมว่าชีวิตนี้จะมีแฟนคลับ แถมยังมีแฟนมีตติ้งอีกด้วย

ไม่เคยคิดเลย ตอนที่เล่นกีšฬาก็ไม่เคยคิดหรอกว่านักกีšฬาจะมีแฟนคลับได้ ยิ่งกีšฬาวอลเลย์ด้วยแล้วสมัยก่อนไม่ได้บูมเหมือนสมัยนี้ ที่เริ่มมีคนติดตาม คนชื่นชม เชียร์ แล้วเขาก็เชียร์ทั้งทีม และมีชื่นชอบเป็นส่วนตัวเหมือนกัน แฟนคลับเลยเกิดขึ้น

ก็ดีใจที่เขาชอบเรา ตอนแฟนมีตติ้งเราคิดว่าตัวเองเป็นนักร้องเกาหลีนะเนี่ย (หัวเราะ) ชอบดูซีรี่ส์เกาหลี เห็นพระเอกนางเอกที่ชอบ เราก็กรี๊ด เป็นติ่งเขา อารมณ์นี้เราก็เข้าใจแฟนคลับที่อยากมาเจอเรานะ คิดว่าคงคล้าย ๆ กัน

 

ปกติเวลาไปไหนคนจะเข้ามาทักทายในรูปแบบไหนคะ

ปกติชอบเดินตลาดซื้อของ แม่ค้าจะทักจะคุย บอกว่าดูตลอดเชียร์ตลอด กว่าเราจะได้ซื้อของก็สักพักหนึ่งค่ะ บางทีให้ของเรามา แถมโน่นนี่ ลดราคาให้ ถ้าเป็นของกิน เขาบอกให้กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงตบสู้เขา บางทีเราไปร้านเสื้อผ้า รองเท้า แม่ค้าจะบอกว่าเลือกคู่ไหน แบบไหน หยิบเลยเดี๋ยวลดราคาให้พิเศษ ถ้าไม่ใช่พวกแม่ค้าจะเป็นคนที่เข้ามาทัก มาขอถ่ายรูปด้วย

ส่วนใหญ่ไปไหนมาไหนคนจำได้เพราะมีถ่ายทอดสดให้ดูทางทีวีเกือบทุกปี แล้วเขาก็เห็นนุชใน 2 แบบ ทั้งแบบแต่งหน้าออกรายการทีวี หรือถ่ายหนังสือ เวลาเราไม่ได้สวมชุดนักกีšฬา ไม่มัดผม และตอนอยู่ในสนาม คนเจอก็ชอบทักว่า ทำไมตัวจริงผอมกว่าในทีวี

 

เป็นคนที่รูปร่างอย่างนี้มาตลอดหรือเปล่า

ค่ะ แต่สมัยเด็กจะตัวใหญ่ ล่ำ ๆ เพราะเราเล่นเวทด้วย และกินเยอะ ตอนเด็กไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างเรื่องสุขภาพพอซ้อมหนัก มีอะไรกินก็กินๆ พอจะเข้ามหาวิทยาลัย เป็นช่วงดัดฟัน กินไม่ค่อยได้ จากคนเคยกินเยอะทุกวัน ๆ น้ำหนักลดลงเลย จากนั้นก็ไม่เคยขึ้นอีกเลย จะอยู่ราว ๆ นี้ตลอด

 

เฟซบุ๊คนุศรา  (Nootsara Tomkom [นุศรา ต้อมคำ]FC) มียอดคนกดไลค์ถึง 4 ล้านกว่าคนแล้ว ตัวคุณเองมีส่วนในการทำเฟซบุ๊คนี้ด้วยไหม

จริง ๆ มีแอดมินคอยช่วยอยู่ เป็นคนที่สนิทกันมากมาช่วยทำให้ในแต่ละวันมีการเคลื่อนไหวของเพจเยอะมาก ถ้าเราไปทำในส่วนนั้นตลอด บอกตามตรงไม่มีเวลาค่ะ แต่เราดูแลตลอดนะคะสำหรับเฟซบุ๊ค

ต้องขอบคุณมากที่มีคนมาคอมเม้นต์มาให้กำลังใจเราตลอด ชื่นใจตรงนั้นที่ทุกคนติดตาม ไม่ว่าเราจะโพสต์อะไร ทำอะไร คนก็เข้ามาคอมเม้นต์ ให้กำลังใจ มาแซว มาเล่น เป็นความน่ารัก เขามีน้ำใจกับเราก็ซาบซึ้ง

 

เคยลองเสิร์ชชื่อตัวเองใน googMe ไหมคะ

เมื่อก่อนไม่เคยเสิร์ชชื่อตัวเองนะ แต่หลัง ๆ มีคนมาบอกว่าเวลาเสิร์ชชื่อเรา แล้วพอชื่อขึ้นมา ประวัติเยอะ

มาก รูปก็เยอะ พอลองมาเสิร์ชเล่นเอง นี่เราเป็นคนของชาติแล้วหรือเนี่ย (หัวเราะ)

 

อีกอันหนึ่งที่เราเสิร์ชเจอคือจะมีแฮชแท็กติดมาด้วยว่า นุศราเป็นคนตลก

มันเป็นเรื่องราวความโก๊ะของเรา มีน้อง ๆ ไปทําคลิปแล้วติด # นุศราเป็นคนตลก อันไหนเราเป๋อ เราโก๊ะ เขาจะมารวมให้หมด เลยเป็นแฮชแท็กที่ฮิตไปเลย

ซึ่งตัวจริงเราก็เป็นคนฮา ๆ ขี้แกล้งคนอื่น อําคนอื่น เป็นคนที่ชอบมุกตลอด เฮฮาปาร์ตี้ ถ้าคนไม่รู้จักดูจากหน้าตา เขาจะนึกว่าเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน แต่จริง ๆ แล้วไม่อ่อนหวาน เป็นคนโก๊ะ บ้าบอ

 

ในแต่ละปี นอกจากเล่นให้ทีมชาติแล้ว ยังไปเล่นลีกอาชีพที่ต่างประเทศด้วย อย่างนี้จะมีเวลาอยู่เมืองไทยนานเท่าไหร่คะ

ปกติจะอยู่เมืองไทยประมาณ 5 เดือน อยู่ต่างประเทศ 6-7 เดือน แต่ปีนี้แข่งเสร็จเร็ว เลยได้พักนานหน่อย

ปกติเราแข่งทีมชาติเสร็จ พัก 3-4 วัน ไม่เกิน 5 วันก็ต้องไปต่างประเทศแล้ว ครั้งนี้ได้อยู่เมืองไทยนานนิดหนึ่ง มีเวลาให้ตัวเอง ให้ครอบครัว

 

พอมีเวลาให้ตัวเอง ใช้เวลาไปทําอะไรบ้างคะ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องโปรโมทหนังสือของตัวเองก็ให้เวลากับเรื่องหนังสือก่อน และมีช่วงซ้อมให้กับที่ทํางาน คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ต้องทําหน้าที่ส่วนนั้นด้วย

พอมีเวลาว่างก็กลับบ้านไปหาพ่อแม่ที่บ้านโป่ง เวลาไปบ้าน ส่วนใหญ่ไม่ได้ทําอะไร คือไปกิน นอน แล้วก็ไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัว

 บ้านที่บ้านโป่ง ราชบุรี ก็เป็นบ้านเดิมตั้งแต่เราเด็ก ๆเลยใช่ไหมคะ เคยคิดชวนคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ บ้างไหมค่ะ

เป็นบ้านเดิม เราเคยถามพ่อแม่ว่า ทําบ้านใหม่ไหม เพราะมีที่อยู่แล้ว แต่เขาบอกไม่อยากไปอยู่บ้านใหม่ เพราะบ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อสร้างขึ้นมา ตั้งแต่ขอแม่แต่งงาน เลยอยู่ที่นี่มา เขาบอกว่าจะย้ายไปทําไมอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว

เพราะเรามีบ้าน 4 หลังติดกัน เป็นบ้านญาติพี่น้องหมดถ้าย้ายออกต้องไปอยู่อีกที่หนึ่ง ถามว่าไกลกันไหม ไม่ไกล แต่เหมือนกับเราแยกออกไป ถ้าจะไปมาหาสู่ ก็ต้องขับรถมา เขาบอกว่าอยู่ตรงนี้แหละ พ่อแม่สบายดี ไม่เดือดร้อน

เคยถามเขาว่าจะมาอยู่กรุงเทพฯ ไหม ถ้าอยู่กรุงเทพฯ จะซื้อบ้านให้ เขาบอกว่ามาอยู่ก็ไม่มีเพื่อน เพราะอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็ก รู้จักกันทั้งหมู่บ้าน ทั้งอําเภอ ถ้าย้ายมาก็เหงา

ส่วนตัวนุชเองมีหน้าที่อะไรก็ทําไปเขาบอกว่างก็มา ไม่ได้ซีเรียสอะไร เขารู้อยู่แล้วว่าเราใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ จนชิน ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องกลับมาอยู่บ้าน เพราะอยู่บ้านพ่อกับแม่ก็มีพี่สาวคอยดูแล

 

รู้สึกอย่างไรบ้างกับการมีหนังสือชีวประวัติของตัวเอง

ดีใจค่ะ เมื่อก่อนเราก็รับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายแฟชั่นนิตยสาร เป็นงานที่เคยทำมาบ้างที่พอเกี่ยวข้องกับแวดวงหนังสือบ้างที่พอเกี่ยวข้องกับแวดวงหนังสือแล้ว

พ็อกเกตบุ๊คเป็นงานที่ไม่เคยทำมาเลย แต่ก็เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ของเรามาเป็นตัวหนังสือแทน ให้คนได้รู้ว่าเราทำอะไร มาถึงจุดนี้ได้ยังไง มีแรงผลักดันอะไร มีแรงบันดาลใจยังไง ให้กำลังกันยังไงอาจเป็นแนวทางให้คนอยากเล่นกีšฬา ให้รู้ว่าจุดเริ่มต้นกันยังไง

อาจเป็นแนวทางให้คนอยากเล่นกีšฬา ให้รู้ว่าจุดเริ่มต้นเป็นยังไง ซึ่งช่วงนี้มีคนติดตามวอลเลย์ค่อนข้างเยอะ เป็นกิจกรรมในครอบครัวที่เราจะเห็นพ่อแม่ลูกมานั่งดูด้วยกัน เขาอาจสอนลูกว่า

เนี่ย อยากเป็นเหมือนพี่เขาไหม เป็นการแนะแนวทางให้ลูกว่าทางให้ลูกว่าถ้าอยากเล่นกีšฬา ต้องขยัน ต้องฝึกซ้อมแบบพี่เขา เราแค่เป็นแบบอย่างหนึ่งในชีวิตเขาเท่านั้น

 

แล้วคุณมีไอดอลมีแบบอย่างในการเป็นนักกีšฬาไหมคะ

สมัยเด็กมีพี่ ปริม อินทวงศ์ เป็นแบบอย่างค่ะ ตอนนั้นพี่ปริมดังมาก แล้วเขาเป็นคนสวย เก่งด้วย รูปร่างก็ดี เราเล่นตำแหน่งเดียวกับเขา ก็อยากเป็นเหมือนพี่ปริม และได้มีโอกาสเจอตั้งแต่เด็ก เพราะโค้ชพาไปดูพี่เขาแข่ง ดูแล้วคิดว่าอยากเป็นเหมือนพี่คนนี้จัง

โค้ชก็ปลูกฝังเราแต่เด็กว่า ต้องทำให้ได้อย่างพี่เขานะ แต่ตอนนั้นอีกใจหนึ่งก็คิดว่าคงเป็นแบบพี่เขาไม่ได้หรอก เพราะเราแค่เล่นกีšฬาไปวัน ๆ คิดว่าเล่นกีšฬาเพื่ออยากเรียนฟรี เข้ามหาวิทยาลัยฟรี

จบมหาวิทยาลัยก็หางานแต่พอโตขึ้นมาวิถีชีวิตก็เปลี่ยนไป รู้สึกว่าวอลเลย์บอลเริ่มมีอะไรดี ๆ ให้กับชีวิตเรา เลยยึดหลักของวอลเลย์มาโดยตลอด

 

ชีวิตอยู่กับการแข่งขันวอลเลย์บอลตลอด ทั้งเล่นให้ทีมชาติ ทีมสโมสร ทีมที่ทำงาน ตารางการฝึกซ้อมเป็นยังไง

อย่างทีมชาติ ถ้าในช่วงเก็บตัวเราก็ซ้อมกับทีมชาติหมดเลยเช้า เย็น จนถึงฤดูกาลแข่ง พอแข่งเสร็จก็ซ้อมต่อ เช้า เย็น จนกว่าจะหมดฤดูกาลแข่ง

พอหมดปุ๊บ ถ้าเรายังมีแมตช์รายการในประเทศไทยที่ไม่ใช่กับทีมชาติ เล่นให้สโมสร หรือเล่นให้ที่ทำงานก็แล้วแต่

เขามีโปรแกรมฝึกซ้อมมาให้ จะไม่เหมือนทีมชาติ คือให้ซ้อมก่อนแข่งประมาณ 3 อาทิตย์ถึง 1 เดือน พอถึงเวลาก็แข่งเลย

เมื่อว่างจากการแข่งขัน ดูแลร่างกายยังไงคะ

ช่วงเวลาซ้อม เราใช้ร่างกายหนักมาแล้ว สมมุติว่าถ้าหยุดซ้อมไปอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ไม่ส่งผลกับร่างกาย กล้ามเนื้อคนเราไม่สามารถคลายง่าย ๆ ภายในอาทิตย์สองอาทิตย์

เพราะเราซ้อมตั้งแต่ 3 เดือน 4 เดือนมาแล้ว แต่นักกีšฬาทุกคนค่ะ พอไม่ได้เล่นกีšฬา ตื่นเช้ามาจะรู้สึกไม่สดชื่นเหมือนตอนเล่นกีšฬา เล่นกีšฬาเราเหนื่อยก็จริง แต่พอนอนแล้วตื่นมาจะสดชื่น ทุกคนเลยไปหาที่ออกกำลังกาย อย่างน้อยเล่นเวทก็ดี ว่ายน้ำก็ดี

 

แล้วคุณออกกําลังกายอะไรบ้าง

ก็ปั่นจักรยานบ้าง ว่ายน้ำบ้าง ต่อยมวยบ้าง และวิ่งบ้าง แล้วแต่วันค่ะ จะมีกลุ่มเพื่อน กลุ่มพี่เล่นด้วย ถ้าฝนตกเราก็ต่อยมวยอยู่ที่บ้าน ทําอะไรก็ได้ให้ร่างกายสดชื่น ให้เหงื่อออก

เราสนุกกับกีฬาหลายอย่าง เพราะตั้งแต่เด็กเป็นคนที่เล่นกีฬาเยอะมาก เล่นได้ทุกอย่างของกีฬา

 

อย่างที่บอกว่าชอบเล่นกีฬาหลายอย่างตั้งแต่เด็กแล้วมาคลิกกับวอลเลย์บอลได้อย่างไร

เรียนอยู่ต่างจังหวัด กีฬาส่วนใหญ่ที่เล่น ผู้ชายคือเตะบอล ผู้หญิงก็เล่นวอลเลย์ แล้วโรงเรียนมีโค้ชทางวอลเลย์ก็เน้นเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน

และทําต่อมาอย่างต่อเนื่อง ส่งไปแข่งกีฬาโรงเรียน กีฬาจังหวัด กีฬาเขต เพื่อนในห้องเล่น เราก็เลยเล่นรวม ๆ กันไป

 

มีแววด้านกีฬาวอลเลย์ด้วยไหมคะ

ตอนเด็กไม่ได้มีแวววอลเลย์นะคะ ใจจริงรักปิงปอง ชอบเล่นปิงปองมาก สมัยเด็กมีวิชาพละ มีให้เลือกเล่นปิงปอง เราก็เลือกปิงปอง เคยดูในทีวี แต่ก่อนมีนักปิงปองฝาแฝด จําไม่ได้ว่าชื่ออะไร เล่นเก่งมากเลย อยากเป็นแบบนั้น เล่นปิงปองไปก็ซ้อมวอลเลย์ด้วย

แต่ไม่คิดว่าเราจะพัฒนาฝีมือวอลเลย์ หรือเก่งขึ้น แต่โรงเรียนเขาเน้นวอลเลย์ พักเที่ยงก็ไปเล่นปิงปอง เย็นซ้อมวอลเลย์ เลยเล่นแบบสนุกสนาน

ตอนแรกก้ำกึ่งว่า ถ้าให้เลือกระหว่างเล่นวอลเลย์กับเรียน เราเลือกเรียนดีกว่า เพราะสมัยก่อนเลือกวอลเลย์ดูไม่มีอนาคตเท่าเรียน เลยคิดว่าจะเล่นวอลเลย์แค่จบ ม.3 เดี๋ยวไปต่อ ม.4 5 6 ในเมือง แต่ปรากฏว่ามีแมวมองมาให้

เราไปเล่นวอลเลย์ต่อ ก็เริ่มสนใจ เพราะคิดว่าได้เรียนฟรี แถมยังได้เรียนในกรุงเทพฯ ด้วย เรียนมัธยมฯ เสร็จ เริ่มมีระดับมหาวิทยาลัยเข้ามา ตอนนั้นนึกเรื่องแรกคือได้เรียนฟรีได้เรียนต่อด้วย

 

เป้าหมายตอนนั้นคือขอให้ได้เรียนฟรี

ค่ะพ่อส่งลูก 3 คนเรียน เรียนจบทุกคนนะคะพ่ออยากให้พี่สาวเป็นครู ทํางานราชการ เลยเน้นให้พี่สาวเรียนมากกว่า ส่วนพี่ชายเขาเตะบอล เขาชอบเรียนด้านคอมพิวเตอร์มากกว่า เลยเลือกเรียนคอมพิวเตอร์

พอมาถึงนุชเอง เด็กกะโหลกกะลา ดื้อมาก พ่อแม่เลยบอกว่าอยากเรียนอะไรเรียน เพราะดูแล้วจะไม่ได้เรื่อง แต่เขาดีใจที่เราเล่นกีฬา ได้เรียนฟรีด้วย มีโอกาสได้เรียนต่อสูง ๆ เลยให้เราเล่นวอลเลย์

ตัวนุชเองตอนนั้นคิดแค่ว่าทํายังไงก็ได้ให้เรียนให้จบ ให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้ มีงานทําส่งเงินให้พ่อแม่ เลี้ยงพ่อแม่ ท่านจะได้ไม่ต้องให้เงินเราอีกแล้ว

แต่พอ ม.4 ม.5 ติดเยาวชนทีมชาติ เริ่มรู้สึกว่าวิถีชีวิตเปลี่ยนไปแล้วทีมชาติเริ่มให้อะไรกับเราบ้างแล้ว เลยรู้สึกว่า เล่นกีฬาต่อดีกว่าถ้าเขาเรียกเราไปเก็บตัว เราก็ไปเก็บเหมือนเดิม

 

จากที่เดิมเคยอยู่บ้านที่ราชบุรี วันหนึ่งมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ต้องอยู่หอพัก ตัดสินใจยากไหมคะ

ด้วยความที่เด็กๆ เป็นคนกล้าคิดกล้าทําอยากรู้อยากลอง ไม่ค่อยกลัวอะไร พอรู้ว่าจะได้มาเรียนในกรุงเทพฯ ก็ไปบอกพ่อแม่ว่า มีทีมโรงเรียนสนใจเรานะ พ่อถามว่าอยากไปไหม ก็บอกว่า ไปมันก็ดีนะ เหมือนเราได้เรียนที่ดี ๆ ด้วย

แต่ด้วยความที่ไม่เคยห่างบ้านเลย กังวลเหมือนกัน พ่อแม่ก็กังวล แต่ไม่ได้กังวลว่าเราจะอยู่ไม่ได้ เขากลัวว่าเราจะไปสร้างปัญหาให้แก่โรงเรียน

เพราะเป็นคนดื้อมาก พ่อแม่พูดไม่ค่อยฟังหรอก เขาเลยให้เราตัดสินใจเองว่าจะไปหรือไม่ไป ก็เลยตัดสินใจไป ไปแล้วก็สนุก ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เราคิด อย่างที่เรากลัว พออยู่ตรงนั้นได้ ก็อยู่ได้ตลอดเลย

 

กิจวัตรประจําวันของเด็กนักเรียนที่เป็นนักกีฬาด้วยเป็นอย่างไร

ตื่นตี 5 แล้วก็ไปซ้อม เลิก 7 โมงครึ่ง 8 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว เข้าเรียนปกติ พอเลิกเรียน 3 โมงครึ่ง 4 โมงเย็นซ้อมต่อ

เป็นอย่างนี้ทุกวันจนจบมหาวิทยาลัย เพราะตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนปี 2 ก็เริ่มเล่นวอลเลย์บอลอาชีพแล้ว

 

ตอนที่เริ่มเป็นนักกีฬา ติดเยาวชนทีมชาติ ก็เริ่มมีรายได้ให้ครอบครัว

ค่ะ ตอนที่เรายังไม่ติดทีมอะไร พ่อแม่ส่งเงินให้เราทุกเดือน พอติดทีมชาติ เรามีเงินเดือน พ่อแม่ไม่ต้องส่งแล้วค่ะ เราเอาเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายในแต่ละเดือน อย่างแข่งซีเกมส์ เราติดทีมชาติ เขาจะมีเงินรางวัลว่าเหรียญทองจะได้ค่าเหรียญเท่าไหร่ได้เงินก้อนแรกประมาณ 100,000 บาท ดีใจมาก

ไม่เคยจับเงินแสนเลย ได้มาก็เอาไปให้พ่อแม่ พ่อก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งให้กับโรงเรียน เพราะตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ ส่วนหนึ่งให้พ่อแม่ อีกส่วนเราเก็บไว้

ตอนนั้นจําได้มีตังค์เอาไปซื้อโทรศัพท์เลย ครูไม่ให้ใช้นะคะ แต่อยากใช้ เพราะตอนที่เก็บตัว เราไม่ได้อยู่โรงเรียน จะติดต่อพ่อแม่ต้องหยอดตู้โทร.ตลอด ถ้าเราเก็บตัว อยากคุยกับพ่อแม่ แอบ

ใช้โทรศัพท์ดีกว่า โทรศัพท์รุ่นแรกที่ซื้อเป็นโนเกียรุ่น 3310 แอบครูใช้ ตอนหลังโดนยึด ก็ให้พ่อแม่ขึ้นมาเอา

ใช้เงินที่ได้มาไปกับเรื่องอะไรบ้าง

เราไม่แต่งตัวอยู่แล้ว เสื้อผ้าไม่ซื้อ เพราะไม่มีเวลา เราซ้อมตลอด กลางวันเรียน เย็นซ้อม กลางคืนนอน

ใช้ชีวิตอย่างนั้นหมดเลย เงินที่ได้มา เราใช้แค่ซื้อของใช้ส่วนตัวและของกิน

 

พอจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตั้งใจว่าจะเลือกคณะไหน

เรียนตามเพื่อนค่ะ เพื่อนเรียนอะไรกัน ถ้าเราไปเลือกคณะที่อยากเรียน อาจไม่มีเพื่อน เลยถามเพื่อนก่อนว่าเรียนอะไรกัน

เพราะเวลาเรียนด้วยกันมันสนุก เวลาโดดเรียนก็โดดด้วยกันทั้งกลุ่ม เวลาสอบก็สอบด้วยกันทั้งกลุ่ม บางทีเราต้องไปแข่งทีมชาติ ไม่ได้ไปเรียน เพื่อนที่เข้าเรียนก็ยังมาติวเราได้

ซึ่งตอนนั้นถ้าเรารวมกลุ่มกันเมื่อไหร่ ทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักค่ะ แบบกวนตีนมาก เปรี้ยวมาก อาจารย์เอาไม่อยู่ อันไหนที่ถูกระเบียบไม่มี คนจะเรียกเราว่ากลุ่มนักกีฬา

 

ตอนเรียนมหาวิทยาลัย น่าจะจัดสรรเวลาระหว่างเรียนกับซ้อมได้ง่ายขึ้น

อย่างเรียนมหาวิทยาลัยเราจะลงเป็นวิชาใช่ไหมคะ วิชาหนึ่งก็ชั่วโมงหนึ่งไม่ก็ชั่วโมงครึ่ง แล้วเว้นว่างไปคาบหนึ่งมาเรียนอีกคาบหนึ่งคือบ่าย เป็นช่วงที่เรามีเวลาเยอะที่สุด เรื่องการซ้อม เราซ้อมตั้งแต่เช้าอยู่แล้ว

อย่างที่บอกน่ะค่ะ แต่ถ้าวันไหนเลิกเรียนช้า จะขออาจารย์ที่มหาวิทยาลัย บอกว่ามีซ้อมวันนี้นะคะ ขอออกก่อนเวลา

อาจารย์จะโอเค ท่านรู้ว่าคนไหนเป็นนักกีฬา คนไหนเล่นทีมชาติก็อาจพิเศษกว่าคนอื่นหน่อย ถ้าช่วงไหนแข่งแล้วเราติดสอบ อาจารย์จะให้ I เราไว้ก่อน แล้วค่อยมาแก้เกรดทีหลัง

 

ติดทีมชาติครั้งแรกจําได้ไหมคะว่าเป็นแมตช์การแข่งขันไหน

เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ที่อิตาลี และเป็น ซีเกมส์ ที่เวียดนาม ติดทีมชาติปีแรก ตอนเรียนอยู่ ม.5 จะขึ้น ม.6 ดีใจค่ะ

ไม่ได้คาดคิดว่าจะติดทีมชาติ เพราะเราตัวเล็กด้วย ไม่คิดว่าจะมีฝีมือเข้าตาโค้ช เขาถึงเรียกเราไป ตอนที่ติดทีมชาติครั้งแรกก็โทร.ไปบอกพ่อแม่เลยว่า เนี่ยติดนะ พ่อแม่บอกว่าทําให้เต็มที่ มีโอกาสแล้ว

 

สําหรับนักกีฬาแล้วการติดทีมชาติเป็นที่สุดของการเล่นกีฬาด้วยไหม

ถ้าเส้นทางนักกีฬา การติดทีมชาติเป็นที่สุดแล้วนะคะ เพราะ 1 ใน 60 ล้านคน ถึงได้ติดทีมชาติ เรามี 12 คนเองที่มีธงชาติติดหน้าอก ไปยืนแข่งในสนามได้ เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ ที่เราเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขัน

แต่สิ่งสําคัญต่อมาคือ เมื่อติดทีมชาติแล้ว ทําอย่างไรจะอยู่กับทีมชาติให้นาน ทํายังไงโค้ชถึงเห็นการพัฒนาของเรา ทําให้เราอยู่กับทีมชาติไปนาน ๆ คิดว่าเป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกคนต้องคิดหลังจากติดทีมชาติแล้ว

 

จากเดิมบอกว่ามาเล่นวอลเลย์บอลเพื่อจะได้เรียนฟรี จุดไหนที่ทําให้รู้สึกว่ารักวอลเลย์บอลเข้าแล้ว

ตอนที่ติดทีมชาติค่ะ รู้สึกเป็นความภูมิใจมากที่ติด เพราะไม่คาดคิด แต่เป็นรางวัลชีวิตที่เราเลือกเล่นกีฬาวอลเลย์บอล มันทําให้เราภาคภูมิใจ

หลังจากนั้นคือการได้ไปเล่นอาชีพ ใครที่ได้ไปเล่นอาชีพถือว่าสุดยอด เพราะมีแมวมองจากที่อื่นมาเห็นความสามารถเรา แสดงว่าเรา

มีความสามารถ เขาถึงอยากได้ตัวไปเล่น ก็เป็นกําลังใจ เลยทําให้ภูมิใจในอาชีพนี้มาก ๆ และทําให้อยากเล่นต่อ

 

กีฬาวอลเลย์บอลในเมืองไทยดูได้รับความนิยมตั้งแต่มีทีมวอลเลย์ชุดที่พวกคุณเข้ามา

เมื่อก่อนสื่อหันหลังให้เราตลอด แต่การที่เราไปชนะทีมประเทศจีนได้ครั้งแรกเมื่อปี 2552 วอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย

เพราะทีมไทยไม่เคยชนะจีนในรอบ 50 ปี พอชนะได้ ทุกคนให้ความสนใจ สื่อให้ความสนใจ ทําให้คนติดตามเรามากขึ้น แมตช์นั้นเป็นแมตช์เปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ

 

ย้อนถามความรู้สึกก่อนที่เราจะมาแข่งกับจีน ช่วงนั้น เรามองเส้นทางของทีมไทยยังไง

เราคาดหวังว่าขอเข้า 4 ทีมสุดท้าย เพราะต้องเล่นเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ถ้าไม่ได้อยู่ใน 4 ทีมสุดท้าย เราจะไม่ได้เล่นเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ตอนนั้นการให้ชนะจีน ญี่ปุ่น เกาหลี บอกเลยว่ายากมาก เราก็เล่นตามสไตล์ของเรา อาศัยว่าทุกคนไปเล่นอาชีพกัน มีประสบการณ์ ทําให้มีความมั่นใจ

เราชอบพูดเล่นกันว่า วันไหนที่เล่นดีคือองค์ลงแล้ว วันไหนเล่นไม่ดีก็บอกว่าไปทําอะไรมาวะ องค์ไม่ลงเลย แต่เราไม่ได้โทษกัน ไม่ได้เสียใจมากมาย เพราะคิดว่าวันข้างหน้าเราก็มีแข่งอีก ทิ้งพวกนี้ไว้เป็นบทเรียนก็พอ

แต่การแข่งขันครั้งนั้น พวกเราก็รู้สึกว่าองค์ลง (หัวเราะ) ด้วยความที่เล่นแบบไม่มีความกดดันอะไรเลย ทําให้เล่นด้วยกันดีมาก ระบบทีมเวิร์คเราดีมาก ทําให้สามารถเอาชนะเขาได้

 

อย่างที่บอกว่าการมีโอกาสไปเล่นลีกอาชีพ ทําให้มีประสบการณ์ แล้วสําหรับคุณเองล่ะคะ ได้ไปเล่นลีกที่ไหนเป็นอันดับแรก

ที่สเปนค่ะ ตอนนั้นมีเอเย่นต์มาดูการแข่งขันที่ไทย และเขาอยากได้ตําแหน่งตัวเซ็ต และตําแหน่งหัวเสา แล้วเขาเลือกเราเป็นตัวเซ็ต ส่วนหัวเสาเป็น กิ๊ฟ (วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์) ก็ไปเล่นด้วยกัน

 ชัดเจนกับตําแหน่งตัวเซ็ต

ชัดเจนตั้งแต่ 10 ขวบค่ะ เล่นมาตั้งแต่เด็ก เคยคิดอยากเป็นตัวตี แต่โค้ชบอกว่าเป็นตัวเซ็ตแหละดีแล้ว เพราะไม่มีใครอันเดอร์บอลได้ มีเราอันเดอร์บอลได้

พอโค้ชบอกก็เลยเอาตําแหน่งนี้ก็ได้ แต่เราก็ตีบ้างนะ เพราะตําแหน่งตัวเซ็ตมันก็ตีได้ เมื่อก่อนอย่างพี่ปริมเขาตีได้ เราเลยเลียนแบบ กระโดดตี ตีได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เราใช้ตั้งเป็นหลัก

 

สมัยก่อนถ้าพูดถึงการเล่นลีกอาชีพในต่างประเทศของนักกีฬาวอลเลย์บอลไทยมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน

ไม่น่าจะมีนะคะ มีคนเดียวคือพี่วรรณา บัวแก้ว เคยไปเล่นลีกที่อิตาลี เพราะเขาแข่งในระดับทีมชาติ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ติดทีมชาติ เห็นพี่เขาบอกว่า เขาได้สถิติของการแข่งเป็นอันดับ 1 เลยมีแมวมองมาสนใจ

ต่อมาเป็นพี่พัชรี  แสงเมือง และก็มาเป็นเป็นพี่นิ้งหน่อง-ปลื้มจิตร์

 

ตอนที่เขาเลือกเราให้ไปเล่นลีกอาชีพ ตัดสินใจทันทีไหมว่าจะไปใช้ชีวิตต่างประเทศ

คือถ้าเขาเลือก เราตัดสินใจเลยไหม ใจตัวเองน่ะตัดสินใจ เลยว่าจะไป แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับสมาคมว่าจะให้เราไปหรือไม่ไป ถ้าเขาให้เราไป เราก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่ให้ไป เราก็ไม่ไป

 

ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ เมื่อรู้ว่าตัวเองได้ไปเล่นวอลเลย์บอลไกลถึงยุโรป

ตื่นเต้น แต่มีเพื่อนไปเลยไม่กลัว มีกังวลคือภาษาเราไม่ได้ อุปสรรคที่สําคัญของการไปอยู่ต่างประเทศคือภาษา ถ้าภาษาเราไม่ได้ เวลาออกไปข้างนอก เวลาจะกินอาหาร กินอะไรลําบาก

ส่วนเรื่องการเล่นวอลเลย์บอล เรื่องการสื่อสารไม่มีปัญหา เพราะภาษาวอลเลย์มันใช้ภาษาคล้ายกันหมด เราเลยไปเล่นกับเขาค่อนข้างโอเค และมีเพื่อนด้วยคนไทยเหมือนกัน เวลามีปัญหาอะไรเราก็พูดคุยปรึกษากันได้ ค่อย ๆ ปรับตัว

 

มีการพัฒนาทักษะทางภาษาอย่างไร

ตอนแรกก็ใช้ภาษามือ พูดไปเรื่อย ๆ คือเราเรียนภาษา อังกฤษเป็นวิชาพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เราจะใช้วิธีการเขียนมากกว่าวิธีการพูด เราคิดว่าคนไทยเรียนภาษาอังกฤษผิดวิธี คนเราต้องพูดได้ก่อนเขียน ไม่ใช่เขียนได้ก่อนพูด

เพราะว่าเวลาไปพูด มันไม่เหมือนกับที่เขียน เราเลยต้องศึกษา เปิดดิกฯบ้าง เพราะฉะนั้นก็ต้องฟังเพื่อนพูด เราก็ลักจํามา แล้วเอามาใช้ พอได้ใช้บ่อย ๆ ก็ชิน ทําให้รู้ว่าต้องพูดว่าอะไร

 

จากสเปนแล้วไปอยู่ที่ไหนต่อคะ

ไปเล่นให้ทีมที่สวิตเซอร์แลนด์ต่อค่ะ ยุโรปเหมือนกัน  ชอบยุโรป ชอบบรรยากาศ ความสวยงามของบ้านเมือง แล้วก็ชอบวิถีชีวิตของเขา คือในเอเชียรู้สึกว่ามีกฎระเบียบค่อนข้างเยอะ ทําอะไรต้องอยู่ในกรอบ

แต่ไปยุโรปมันอยู่นอกกรอบ ไม่จําเป็นว่าต้องไปทางนี้เป๊ะ ๆ เช่นเขาให้เดินซ้าย เราก็ไม่จําเป็นต้องเดินซ้ายเหมือนเขา เราสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองว่า คุณอยากทําอยากรู้อะไร ทําเขาจะไม่มายุ่งกับชีวิตเรา คุณจะต้องจัดสรรชีวิตคุณเอง

 

แต่การเล่นลีกอาชีพที่คุณอยู่นานที่สุดคือที่อาเซอร์-ไบจาน ประเทศที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักนัก

ตอนไปเล่นก็ไม่รู้จักเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) แต่เอเย่นต์ติดต่อมาพอดี เลยไป ประเทศนี้กึ่งเจริญแต่ก็ไม่เจริญ เป็นประเทศที่อยู่ระหว่างอาร์เมเนียกับเติร์กเมนิสถาน จะยุโรปแท้ก็ไม่ใช่ เอเชียก็ไม่เชิง เป็นประเทศเล็ก ๆ แต่รวยมาก เพราะมีแหล่งแก๊สธรรมชาติและน้ำมัน

ประเทศเขาเป็นประเทศเปิดที่สามารถพัฒนาส่วนไหนได้จะพัฒนา เช่น เห็นว่าสามารถพัฒนากีฬาได้ เขาจะเน้นไปทางด้านกีฬา อย่างวอลเลย์เขาเห็นมีแววบูมในยุโรป เลยส่งเสริมด้านนี้สามารถซื้อตัวนักวอลเลย์เก่ง ๆ จากทั่วโลกมาเล่นลีกในประเทศได้ ทีมของเขาค่อนข้างดี และมีตัวผู้เล่นหลากหลาย

ทําให้เราได้ประสบการณ์ เราเลยเลือกไป ซึ่งก็อยู่มา 5 ปีแล้วค่ะ ที่เราอยู่ได้นานขนาดนี้เพราะทีมดี การสื่อสารของทีมค่อนข้างดี ตัวผู้เล่นมีแต่ระดับโลก ถ้าอยากได้ประสบการณ์ทางด้านวอลเลย์ เราขอเลือกประเทศนี้ดีกว่า

 

อยู่ที่อาเซอร์ไบจาน ใช้ชีวิตอย่างไร

ปกติ เหมือนเราใช้ชีวิตทั่วไปเลย วันหยุดก็อยู่บ้าน ออกไปเดินช็อปปิ้ง ก็เหมือนตอนที่เราอยู่ไทย แต่อยู่โน่นเราไม่ต้องออกสื่อ ไม่ต้องสัมภาษณ์ ไม่มีงานอะไร ซ้อมเสร็จ ก็ว่าง อยากไปไหนก็ไป แต่เมืองเขา

ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว สถานที่เราไปส่วนใหญ่จึงเป็นแค่ในเมือง ที่มีร้านค้ามีห้างสรรพสินค้าให้เดิน แล้วก็มีทําอาหารกินเอง เพราะถ้าไม่ทําก็ตายอย่างเดียว คือไปที่โน่นต้องดูแลตัวเอง เขามีอาหารสโมสรให้กินบ้าง แต่บางทีก็เบื่อ อยากกินอาหารไทย

 

ไปเล่นลีกอาชีพ อยู่ต่างประเทศทีหนึ่งเกือบครึ่งปี คิดถึงบ้านบ้างไหมคะ

ไม่ค่ะ เพราะเราไปอยู่ต่างประเทศนานจนเคยชินแล้ว ความคิดถึงมีแค่ส่วนน้อย เรามีหน้าที่ต้องทํา ถ้ามัวแต่คิดถึง จะทําให้เราท้อมากกว่า ความเหงาทําให้เราหดหู่ แทนที่จะอยู่ได้ กลับอยู่ไม่ได้อีก เรามองไปข้างหน้าดีกว่า

 

ในฐานะคนดู เวลาเราเห็นวอลเลย์บอลทีมชาติไทยเล่นในสนาม จะรู้สึกว่าพวกคุณมีความสุขในการเล่นเสมอ มีแต่รอยยิ้มให้กัน ไม่ว่าจะได้แต้มหรือเสียแต้ม

เป็นสไตล์ของคนไทยอยู่แล้วค่ะ ทีมเราไม่เคยเครียด ไม่เคยด่ากัน เพราะเราเห็นจากทางยุโรปมาแล้วว่า เวลาเสียแต้มทีหนึ่ง เพื่อนร่วมทีมก็จะด่า ทําให้ทีมเครียดไปด้วย ทําให้ไม่กล้าเล่น ทีมไทยเราบอกเลยว่า ไม่เอาอย่างนั้นนะ จะมาว่ากันให้เสียกําลังใจทําไมซึ่งเวลาซ้อมเราก็ไม่ได้ซ้อมกันเบา ๆ นะ

ทุกคนเต็มที่ ไม่มีใครอยากทําเสียแต้มหรอก แล้วเวลาคนมาดูเรา แล้วเขาเห็นว่าทีมนี้เล่นไม่เคยเครียดเลย หลายทีมก็อยากเอาเป็นแบบอย่าง

เมื่อก่อนยุโรปเล่นกันปุ๊บจะเห็นสีหน้าเลย ด่ากันในทีม พอเราไปแข่งบ่อย ๆ มีคนพูดถึงว่าทีมไทยเล่นกันด้วยรอยยิ้ม เบิกบาน ทําให้ไม่กดดัน แถมยังไปกดดันคู่ต่อสู้อีก ตีไปแรง ๆ ยังยิ้มอยู่นั่นแหละ กลายเป็นฝรั่งตรงข้ามคิดว่าทีมนี้เป็นอะไรวะยิ้มอยู่ได้ แพ้ก็ยิ้ม

 

ระหว่างแข่งต่างบ้านต่างเมืองกับแข่งในเมืองไทยที่มีคนดูเยอะ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน

ชอบแข่งในไทยค่ะ เราว่าเสียงเชียร์ทําให้คนเล่นมีพลัง เวลาแข่งทุกคนใจจะมาเกินร้อยทันที ไม่อยากให้คนที่ตั้งใจมาเชียร์เราในสนามเสียใจ ไม่อยากให้เขาผิดหวังกลับไปอยากเล่นให้เต็มที่

 

เคยร้องไห้เสียใจเพราะกีฬาวอลเลย์บอลไหม

เคยเสียใจที่ไม่ได้ไปโอลิมปิกครั้งก่อน (ลอนดอน 2012) เพราะเราแข่งแพ้ แต่ถามว่าเสียใจเพราะวอลเลย์บอลไหม เราไม่เคยเสียใจเลย รู้สึกขอบคุณวอลเลย์บอลด้วยที่ทําให้เรามาถึงจุดนี้ได้

 

เวลาแพ้แต่ละครั้ง บอกตัวเองยังไงกับการที่จะกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง

ใช้คําว่าเอาใหม่ตลอด ถ้าเราทําเต็มที่จะไม่มีคําว่าเสียใจ ต่อให้แพ้ขนาดไหนก็ไม่เสียใจ คิดว่ายังมีวันข้างหน้า มีหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบอีก

ถ้ามัวแต่มาเสียใจ ผิดหวังกับสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ จะทําให้เราไม่ก้าวผ่านความรู้สึกนั้น พอเราไปเล่นใหม่ ก็จะจําแต่ความรู้สึกที่เคยเป็นมา สภาพจิตใจเราอาจแย่ไปเลยก็ได้ เลยใช้คําว่าเอาใหม่ตลอด ไม่เป็นไร นึกถึงแต่วันข้างหน้า

 

ทราบว่าคุณเป็นคนรักสวยรักงามคนหนึ่งในทีมวอลเลย์บอลเลยทีเดียว

ระดับหนึ่ง เป็นนักกีฬาก็ต้องดูแลตัวเอง อีกอย่างเมื่อก่อนไม่มีถ่ายทอดสดไงคะ เวลาลงแข่ง เราจะยังไงก็ได้ หัวกระเจิงก็ได้ แป้งจะไม่ทาก็ได้

แต่ตอนนี้ออกทีวีต้องมีนิดหนึ่งเพราะแรก ๆ เราย้อนกลับไปดูเทปการแข่งขัน จะเห็นเลยว่าหน้าตาเราเวลาออกทีวีเป็นยังไง ทําให้รู้เลยว่าแมตช์ต่อไปต้องทํายังไงกับหน้าตาเรา ต้องเป็นหน้าเป็นตาให้กับสมาคม ก็แนะนํากับน้อง ๆ ด้วยว่าอย่างนี้ไม่ได้นะ ผมต้องไปทํา หน้าตาอย่างนี้ไม่ผ่านนะ ถ้าดูในทีวี ปากอย่างนี้ไม่ไหว

 

แล้วเวลาลงสนามแข่ง คุณแต่งอะไรบ้าง

รัดผม ทาปาก เขียนคิ้ว ผมนี่ไม่เท่าไหร่กระเซิงพอได้ แต่คิ้วกับปากขาดไม่ได้ เพราะเวลาเล่นไป ปากเราจะเขียวใช่ไหมคะ ถ้าเราไม่ทาลิปสติกก็จะไม่เป็นสี ปากจะออกเขียว ทําให้หน้าซีด เหมือนศพ เวลาออกทีวีเห็นชัดเลย

ส่วนคิ้วถ้าเราไม่เขียนก็เหมือนคนคิ้วโล้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับฝรั่ง เราสู้เขาไม่ได้ ฝรั่งกินขาดค่ะ ทั้งเขียนคิ้ว เขียนตา ทาแก้ม แต่คนไทยเราไม่ทําเพราะคิดว่าเยอะเกินไป

 

ทุกวันนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนอยากเป็นเหมือนคุณมีคําแนะนําอะไรให้เด็กที่ฝันอย่างนี้ไหม

ใครที่อยากเป็นนักกีฬา หรือจะทําอาชีพอะไรก็แล้วแต่เมื่อมีความฝันขอให้ลงมือทําพอลงมือทําแล้ว ขอให้มีความอดทน แล้วตั้งใจจริง ๆ ถ้าคุณมีความตั้งใจจริง คุณจะรู้เลยว่า สิ่งที่คุณทําจะไม่มีวันเหนื่อยเลย

แต่ถ้าคุณหมดความตั้งใจไปก่อน จะเห็นสิ่งนั้นเหนื่อยทันที และจะท้อไปเองเราอยากให้เขามีความอดทน เหนื่อยก่อนแล้วจะสบายทีหลัง ทําให้เป็นกิจวัตรประจําวัน

 

สําหรับคุณยังมีเป้าหมายอะไรในวงการวอลเลย์บอลอีก

อยากไปโอลิมปิกในปีหน้า ถ้าได้ไปโอลิมปิกก็คือว่าประสบความสําเร็จทุกอย่างแล้วในวงการวอลเลย์บอล เพราะเราไปแข่งทุกรายการแล้วของวอลเลย์ ยกเว้นโอลิมปิกที่ยังไม่ได้ไป และเป็นเป้าหมายสูงสุดของทางสมาคม สตาฟฟ์โค้ชและนักกีฬา

 

จากที่บอกว่าครั้งหนึ่งตัวเองเป็นเด็กดื้อ วันนี้กลายเป็นนุศรา มือเซ็ตอันดับ 1 ของโลก คิดว่าเพราะอะไรคุณถึงมาถึงจุดนี้ได้

ความเป็นนักกีฬานี่แหละค่ะ ถ้าเราไม่ได้เล่นกีฬาคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างของความเป็นนักกีฬาสอนและฝึกเรา ที่สําคัญสุดคือความมีระเบียบวินัย ถ้าไม่มีระเบียบวินัย ชีวิตก็พังเหมือนกัน

เราไม่สามารถเดินในแนวตรงได้ อาจไปซ้ายไปขวา เฉไปทางโน้นทางนี้ แต่พอเรามีระเบียบวินัย เราก็เดินในเส้นทางที่ต้องเดิน

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> http://books.sanook.com/23085/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook