สกู๊ปหลังแดงเดือด : "โจทย์" ทั้ง 2 ทีมยังไม่เปลี่ยน

สกู๊ปหลังแดงเดือด : "โจทย์" ทั้ง 2 ทีมยังไม่เปลี่ยน

สกู๊ปหลังแดงเดือด : "โจทย์" ทั้ง 2 ทีมยังไม่เปลี่ยน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมขอพูดหลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด บุกชนะหงส์แดง ลิเวอร์พูล ถึงรังแอนฟิลด์ 1-0 จากประตูของ เวย์น รูนี่ย์ นะครับว่า :

หากเล่นแบบนี้แล้วแพ้ หรือ “ไม่ชนะ” อะไรจะเกิดขึ้นกับ หลุยส์ ฟาน ฮัล?

ครับ ความ “กดดัน” คงถาโถม เพราะก่อนแข่งมีข่าวหึ่งอยู่แล้วว่า ถ้าแพ้มีสิทธิ์โดนเด้ง ที่จริงคงไม่ได้ไปไหนหรอกครับ แค่เป็นข่าวลือปกติเท่านั้นเอง... แต่น่ารำคาญ

ครั้น พอชนะ ฟุตบอล ก็แบบนี้ครับว่า สาวกปีศาจแดงส่วนใหญ่อาจจะพร้อมให้อภัย หรือ “ลืม” สไตล์การเล่น และปรัชญาฟาน ฮัล ทันที

หรืออย่างน้อย คือ ได้ “ต่อเวลา” หายใจออกไปในซีซั่นที่อะไรเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะจ่าฝูง อาร์เซนอล ก็ทำแต้มหล่นเสมอสโต๊ค 0-0

อันดับทีมปีศาจแดงจึงกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ 5 และช่องว่างคะแนนกับจ่าฝูงก็ลดลงเหลือเพียง 7 แต้มเท่านั้น

ถามต่อ : แมนฯ ยูฯ จะได้ลุ้นแชมป์ หรือท็อปโฟร์?

อย่างแรกนั้น “ไม่มีทาง” ส่วนอย่างหลัง เป็นไปได้ ทว่าก็ต้องลุ้นปัสสาวะเหนียวแบบนี้ต่อไป

เพราะเล่นแบบนี้จะ “ชนะ” ยากกว่า เสมอ หรือ แพ้

ดังสถิติก่อนเกมกับหงส์ครับที่ ฟาน ฮัล และลูกทีมชนะเพียง 1 จาก 7 นัดที่ผ่านมา

สุดท้ายมันจึงต้อง “วัดคะแนน” กันด้วยภาพถ่าย

ณ เวลาที่ผมเองก็ตอบไม่ได้นะครับว่า หากทีมปีศาจแดง “เน้นรุก” มากกว่านี้เพื่อหวังผลชนะ และเอนเตอร์เทน ที่แน่นอนว่า ทำให้ “บาลานซ์” ระหว่างรุก/รับ เปลี่ยนไป หรือเสียไป

ผลลัพธ์สุดท้ายจะ “ดีกว่า” วิธีการเล่นแบบปัจจุบันหรือไม่?

แต่อย่างที่ผมเคยเขียนไปเรื่อง Minimum Require หรือความต้องการ “ต่ำสุด” จากแฟนบอลครับ

แฟนผีแดง ต้องการเห็นทีมเล่นสนุกเป็นอย่างน้อย (ในมุมมองผมนะครับ) แล้วผลงานจึงค่อยว่ากัน หรือน่า “เสี่ยงวัด” กัน

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เล่นไม่ดีแล้วไม่ชนะ เพราะหากเล่นไม่ดีแล้วชนะเหมือนเกมนี้ทุกอย่างก็ “รอดตัว”

แต่หากแพ้เหมือนที่ผมตั้งคำถามในมุมกลับไว้ตั้งแต่ตอนต้นบทความ อะไรจะเกิดขึ้น?

ในมุมกลับกัน ผม ในฐานะแฟนลิเวอร์พูล ไม่ได้ “ปลื้มปริ่ม” กับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นนี้ และได้เห็นรูนี่ย์มาสร้างสถิติยิงได้สูงสุด 176 ประตูในลีกให้ทีมเดียวแซงหน้า เธียร์รี่ อองรี (175) กับอาร์เซนอล

แต่ลึกๆแล้วยัง “ชื่นชม” กับความพยายามในการเล่นบุก และเพรสซิ่งตามแบบฉบับ gegenpressing โดยมีต้นเกมไม่กี่นาทีที่เป็นฝ่ายตั้งรับ และรอเคาน์เตอร์

จากนั้นก็ช่วงชิงจังหวะได้ก่อนแทบตลอดเกมก่อนจะเจอจังหวะยิงเข้ากรอบครั้งเดียว และครั้งแรกของคู่ปรปักษ์เป็นประตูชัย

และเป็นชัยชนะอีกแล้วเหนือหงส์แดงของทีมปีศาจแดงที่ 6 นัดล่าสุด ลิเวอร์พูลชนะได้เพียงครั้งเดียว 3-0 ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในแมตช์ที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด เกือบทำ “แฮตทริก” จากการยิงจุดโทษได้

โดยนอกเหนือจากการป้องกัน “สุดหิน” จากดาวิด เด เกอา ที่ซูเปอร์เซฟอย่างน้อย 2 หนแล้ว การเสียประตูจากลูกเตะมุม คือ สิ่งที่ เยอร์เก้น คลอปป์ เองก็ยอมรับหลังเกมว่า ต้องแก้ไข และยังแก้ไขไม่ได้

ลิเวอร์พูลไม่สามารถ “ยอมรับ” การเสียประตูแบบนี้ได้อีกแล้ว เพราะความดีงามที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเสียพร้อมๆกับความ “มั่นใจ” ที่ทั้งทีม “คอตก” ทันทีครับ หลังโดนรูนี่ย์สลุตชัยเต็มตาข่าย

ครับ อย่าว่าแต่แฟนๆจะ “hurt” หรือบาดเจ็บเลยครับ นักเตะเองก็รู้สึกได้ว่า เสียแบบนี้ในเกมลักษณะนี้มันยากจะคัมแบ็ก

รวมความแล้ว ผมอยากจะสรุปว่า “โจทย์” สำหรับทั้ง 2 ทีมยังไม่จบ :

แมนฯ ยูฯ จะเล่นแบบนี้แล้วหวังชนะมากกว่าแพ้ หรือเสมอ มันเป็นไปไม่ได้ และต้องโพสิทีฟมากกว่านี้

ลิเวอร์พูล ก็ต้องปรับเกมรับ เพราะมันไม่มีประโยชน์จะเล่นดี gegenpressing ชนะทั้งเกมแต่มาเสียลูกเตะมุมง่าย ๆ

เข้าใจ “ตรงกัน” ตามนี้นะครับ..

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook