สกู๊ป : อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเครื่องช่วยหายใจ?!..

สกู๊ป : อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเครื่องช่วยหายใจ?!..

สกู๊ป : อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเครื่องช่วยหายใจ?!..
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อลัน เชียเรอร์ ได้พูดหลังเกมแมนฯ ยูไนเต็ด บุกปราบดาร์บี้ เคาน์ตี้ สบายเท้า 3-1 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 ว่า ชัยชนะเกมนี้ “ซื้อเวลา” หลุยส์ ฟาน ฮัล ให้อยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป

เพราะหากว่า “แพ้” ตกรอบ รับรองมีสิทธิ์ทางใครทางมัน เฉพาะอย่างยิ่งก่อนเกมที่มี “ข่าวลือ” หนาหูว่า กุนซือดัตช์ขอถอนสมอจากตำแหน่ง

แม้จะมีการ “ปฏิเสธ” ทั้งจากสโมสร และฟาน ฮัล เองในภายหลังก็ตาม

ทั้งนี้ “ใจความ” ของเกมนี้กับทีมแกะเขาเหล็กที่ได้เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอล 60% และทำทุกสถิติเหนือกว่า คือ ทีมปีศาจแดงเล่นได้ “เร้าใจ” รวดเร็ว และสนุก

นอกจากนี้ยังชนะใสๆ ง่ายๆ และเก็บผลการแข่งขันสวยๆ 3-1 ได้อีกด้วย ต่อหน้าแฟนๆที่เดินทางตามไปเชียร์ประมาณ 5,000 คน และมากมายหลายล้านคนทั่วโลกในฐานะเกมแรก “เปิดหัว” ของศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในรอบนี้

คำถามคือ ทำไม ฟาน ฮัล และเด็กๆ จึงไม่เล่นแบบนี้ทุกนัด และแสดงแสนยานุภาพให้สมกับเป็นยอดทีมของเกาะอังกฤษ?

เฉพาะอย่างยิ่ง ฟอร์มแบบในครึ่งเวลาหลังในแมตช์ที่มี “ช็อกซีนีม่า” ไป 1 จังหวะตอนโดนตีเสมอ และทำให้ครึ่งแรกต้องจบ 1-1 ทว่าคัมแบ็กกลับมาได้อย่างมีชีวิตชีวา

นัดนี้ผู้ทำสกอร์ประกอบด้วย เวย์น รูนี่ย์, เดลี่ย์ บลินด์ และฮวน มาต้า ทว่านักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “แสงสว่าง” ณ ปลายอุโมงค์ ในวันมืดมิดของทีม ตอนช่วงเวลาเศร้าๆแบบนี้คือ อองโตนี่ มาร์กซิญัล

ทั้งนี้ เจ้าหนูดาวรุ่งวัย 19 ปี คือ อาวุธสำคัญ และเป็นกำลังสำคัญในแนวรุก “ยุคใหม่” ของทีมโดยจังหวะกระชากหลบเข้าเขตโทษ และเปิดให้ มาต้า ยิง 3-1 คือ ทักษะระดับเทพเกินวัย

ซึ่งหากทีมปีศาจแดงจะ “ก้าวผ่าน” ช่วงเวลาฟ้าครึ้มเล่นน่าเบื่อไม่ประทับใจให้ได้ การสร้างทีมโดยมี มาร์กซิญัล เป็นหลัก คือ “นโยบาย” ภาคบังคับ

อย่างไรก็ดีครับ แม้ดาร์บี้ จะอยู่อันดับ 5 ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เหมือนแมนฯ ยูฯ ในพรีเมียร์ลีก

ทว่า ผลงานของลูกทีม พอล เคลเมนต์ กำลังเป๋ ไม่ชนะใครเลยในปี 2016 และไม่น่าจะเป็นดรรชนีชี้วัดอะไรได้

ชัยชนะ และทะลุผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจึงมีความ “ถูกต้อง” เพียงแค่ “ครึ่งเดียว” เท่านั้นกับที่ อลัน เชียเรอร์ ได้วิเคราะห์ไว้

เพราะจริงๆแล้ว ลมหายใจของ ฟาน ฮัล หมดไปแล้ว แต่กำลังอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ

ดึงสายอ๊อกซิเจนออกเมื่อไหร่ก็ “จบกัน”

 

ปาฎิหาริย์การรอดชีวิตนั้นไม่มีแล้ว แต่จุดนี้ ทุกคนรอเพียงแต่ว่า แมนฯ ยูฯ จะเดินหน้าในศึกเอฟเอ คัพ ไปได้ไกลที่สุด และลุ้นแชมป์สมัย 12 ได้ใกล้เคียงที่สุด

ทั้งนี้ สถานการณ์จะไม่เหมือนกับ อาร์เซน เวนเกอร์ ปีที่ผ่านมาที่หยุดเวลาไร้โทรฟี่ไว้ที่ 9 ปีด้วยการคว้าแชมป์ใบนี้ในปี 2014

เวนเกอร์ ไม่ได้มีประเด็นเรื่องสไตล์ทำทีม แต่มีเฉพาะ “ผลงาน” ที่ไม่มีอะไรจับต้องได้นอกจากเล่นบอลสวย

การได้แชมป์โดยปราบ วิลล่า จึงเป็นการลดความกดดันอย่างแท้จริง และต่อลมหายใจให้กุนซือฝรั่งเศสจริงๆ

ต่างจากกรณีของ ฟาน ฮัล ที่หากพาทีมได้แชมป์ใบนี้เป็นครั้งแรกนับจากปี 2004 ยุคท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด โน่นเลย

กุนซือดัตช์จะได้ชื่อว่า จบสวย และจากไปอย่างสง่างาม เท่านั้น เพราะเจ้าตัววัย 64 ปีก็เตรียมรีไทร์ไปใช้เวลาอยู่กับภรรยาอยู่แล้ว

สู้ “ส่งไม้” ต่อให้กุนซือคนถัดไปแบบสวยๆ เท่ๆ บทสรุปน่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง

การเข้ารอบถึงรอบไฟนอล ยังเท่ากับเปิดโอกาสให้ทีมปีศาจแดงได้มี “ความหวัง” จนปิดซีซั่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

ฉะนั้นผมจึงอยากให้แยกเป็น 2 ประเด็นครับว่า ชนะ และได้ “ไปต่อ” ในเอฟเอ คัพ นั้นดีแน่ๆ สำหรับ ฟาน ฮัล และทีมปีศาจแดง

ทว่า มันไม่ใช่การ “ต่ออายุ” เพราะทุกอย่างมันจบแล้ว และหลุยส์ ฟาน ฮัล เพียงแค่ต้องการมีโอกาสจากไปอย่างสง่าผ่าเผย...ก็เท่านั้นเอง!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook