สกู๊ป : ขอ “เหมือนเดิม” เอาอีก ๆ

สกู๊ป : ขอ “เหมือนเดิม” เอาอีก ๆ

สกู๊ป : ขอ “เหมือนเดิม” เอาอีก ๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จบเกม แมนฯซิตี้ – เลสเตอร์ จากเอธิฮัด สเตเดี้ยม และพรีเมียร์ลีก นัดที่ 25 ประเด็นจากสื่อที่ส่งถึงชาวโลก คือ ทีมจิ้งจอกสยามได้ “ติดป้าย” ก้าวขึ้นเป็น “ตัวเต็ง” อันดับ 1 สำหรับการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดผู้ดีปีนี้อย่างเต็มตัว

แน่นอนครับ “เหตุผล” มากมาย ร้อยแปดพันเก้า ได้ถูกหยิบยกมา “สนับสนุน” ไม่ว่าจะเป็นการที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ และเด็ก ๆ เหลือการชิงชัยเพียงถ้วยเดียว

เกมเดียวในแต่ละสัปดาห์ให้ “วางแผน” การเล่น และทุ่มเทใส่พลังงานลงไป เพราะตกรอบทุกถ้วยภายในไปแล้ว

ขณะที่คู่แข่งไม่ว่าจะ แมนฯซิตี้, อาร์เซนอล และสเปอร์ส ต่างเหลือมากกว่า 1 รายการแข่งขันให้ต้องการเดินทาง และจัดสรรทัพนักเตะลงสนาม

ซึ่งนั่นหมายความว่า ยังมีหลายสัปดาห์ที่คู่แข่งเหล่านี้จะต้องเตะสัปดาห์ละ 2 นัด

ริยาด มาห์เรซ กับฟอร์มร้อนแรงที่ยังคงเดินหน้าไม่หยุดยั้งทั้งทำประตู และแอสซิสต์ จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีทุกสถาบันสบาย ๆ หรือเบียดกับเพื่อนร่วมทีม เจมี่ วาร์ดี้ หากเลสเตอร์ ได้เป็นแชมป์จริง ๆ

และคงจะได้เป็น “แชมป์” อย่างแน่นอนหากทั้งคู่ยังรักษาฟอร์มได้แบบนี้ต่อไป


ครับ เลสเตอร์ ได้พิสูจน์ตัวเองไปแล้วในหลากหลายคำถาม และกำลังพิสูจน์ตัวเองในอีกไม่กี่คำถามเท่านั้น

อย่างน้อย ๆ 2 นัดล่าสุดที่ปราบลิเวอร์พูล และบุกเชือดเรือใบสีฟ้า 3-1 โดยกำลังมีอาร์เซนอล นัดเยือนสัปดาห์หน้า

สามารถเสริมสร้าง “เครดิต” ให้ทีมชุดนี้ได้อย่างมาก

สัปดาห์ก่อนหลังปราบลิเวอร์พูล 2-0 ได้แบบไม่ยากจาก 2 ประตูของวาร์ดี้

ผมได้เขียนไปแล้วว่า “ปาฏิหาริย์” ของเลสเตอร์ ใกล้เคียงความจริงเข้าไปทุกขณะ

สัปดาห์นี้ แม้วาร์ดี้ (ได้รับการต่อสัปดาห์ระยะยาวออกไปแล้ว) ไม่ได้มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แต่พวกเค้าก็มี มาห์เรซ หรือโรเบิร์ต ฮูธ ปราการหลังที่ดอดขึ้นมายิง 2 ประตูออกนำ 3-0 ก่อนกุน อเกวโร่ จะยิงตีไข่แตกให้แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย


ความสำเร็จของ เลสเตอร์ ยังทำให้ผมต้อง “ศึกษา” วิธีการเล่นฟุตบอลมากขึ้น และต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า ตอนนี้นักเตะเลสเตอร์ทุกคนกำลังได้รับโอกาสให้เล่นตาม “จุดแข็ง” ของตัวอง

รับต่ำ โต้เร็ว ตัดเกมดี แย่งบอลเก่ง บอลจังหวะสองช่วงชิงได้ บอลจังหวะแรกไม่กลัวการเข้าปะทะ

เราจะไม่ได้เห็น ฮูธ หรือเวส มอร์แกน มาเซ็ตบอล หรือรับบอลแรกแล้วสวิตชิ่งไปมาเหมือนแผงหลังลิเวอร์พูล

หรือครองบอลหลายจังหวะในแดนกลางระหว่าง แดเนียล ดริงค์วอเตอร์ กับเอนโกโล กานเต้ ทว่าจะไดเร็กต์ และวางไปที่ “ช่องว่าง” ให้วาร์ดี้ หรือใช้ความเร็วของมาห์เรซ ในจังหวะสองโดยมี โอกาซากิ เป็น “ผึ้งงาน” คอยเพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า

กล่าวคือ “หน้าที่” ทุกคนชัดเจน และเหมาะสม เพราะใช้คนถูกกับงาน และทำให้เลสเตอร์ “ยืนระยะ” มาได้ถึงอีก 13 นัดจะหมดฤดูกาลทั้งที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เลสเตอร์ เล่นฟุตบอลอย่างไร?

นอกเหนือจากนี้ “ทีมสปิริต” คือ คีย์เวิร์ดใหม่สำหรับสัปดาห์นี้หลังกุนซืออิตาเลียน กล่าวยอมรับว่า สปิริตทีมที่เลสเตอร์ ดีที่สุดเท่าที่เค้าเคยทำทีมมามากมายกว่านั้น

ผมมั่นใจว่า เรา ๆ ท่าน ๆ คง “ปฏิเสธ” ความสามารถในการบริหารจัดการของกลุ่มทุน “คิงส์เพาเวอร์” ประเทศไทยไม่ได้



เพราะการ “สนับสนุน” ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม หรือตั้งแต่ “เม็ดเงิน” ไปจนถึงการใช้ศาสตร์ความเชื่อของศาสนาพุทธเข้าช่วยกระตุ้นทีม

และ “ขั้นตอน” การทำงาน, วางแผน ตั้งแต่ปรับ ไนเจล เพียร์สัน ที่พาทีมรอดตกชั้น เดินทางมาเมืองไทย ออกไปแล้วไปคว้า เคลาดิโอ รานิเอรี่

หรือสร้างทีมสนับสนุนในแง่เทคนิค และทีมสเก๊าซ์ รวมถึงสร้างอคาเดมี เยาวชน ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

ดังนั้น เลสเตอร์ ชั่วโมงนี้ ไม่ต้องทำอะไรมากแล้วครับ ขอแค่ “เล่นเหมือนเดิม”, เอาอีก ๆ แบบเดิม 25 นัดที่ผ่านมาเพื่อเติมเต็มนิยายรักฉบับสมบูรณ์ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook