สกู๊ป : ยิ่งกว่าตำนาน “เทพนิยาย”

สกู๊ป : ยิ่งกว่าตำนาน “เทพนิยาย”

สกู๊ป : ยิ่งกว่าตำนาน “เทพนิยาย”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเตรียมชื่อเรื่องไว้ล่วงหน้าหาก “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการมาพักใหญ่ ๆ แล้วว่า “เทพนิยายจบสมบูรณ์”

อย่างไรก็ดี พอถึงเวลาจริงหลัง เอแดง อาซาร์ ซัดโค้งประตูตีเสมอ 2-2 ให้เชลซี ดับฝันสเปอร์สในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งที่นำในเกม 2-0

ผมรู้สึกได้แล้วว่า นี่มันจะต้องยิ่งกว่า เทพนิยาย ฉบับธรรมดา ๆ หรือแค่คำว่า “เทพนิยาย” อาจเป็นคำธรรมดาเกินไปกับสิ่งที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้นำสู่สโมสรฟุตบอลแห่งนี้

ครับ มันจะเรียกว่า กุนซืออิตาเลียน “สร้าง” หรือ “ต่อยอด” ความสำเร็จจากทีมของ ไนเจล เพียร์สัน (ไม่ใช่แค่ “ซีซั่นก่อน” นะครับ) ซึ่งเทคโอเวอร์ตั้งแต่ปลายปี 2011 ก็สุดแล้ว

เพราะเลสเตอร์ เล่นดีต่อเนื่องจากปลายปีก่อนที่หนีตายได้สุดเหลือเชื่อ ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 ใน 8 เกมสุดท้าย หรือเก็บได้ 19 จาก 24 คะแนนเต็มจน “รอดตาย”

ก่อนเพียร์สันจะมีเหตุหลังมาทัวร์ประเทศไทยจากลูกทีม 3 คนรวมลูกชาย “ก่อเรื่อง” จนสุดท้ายตัวเองต้องอำลาทีมไป และทำให้รานิเอรี่ ซึ่งไม่ใช่ “เฟิร์สชอยส์” เข้ามาคุมบังเหียนแทน


จุดนี้ กล่าวได้ว่า “โชคชะตา” ทำให้เพียร์สัน ต้อง “แยกทาง” กับเลสเตอร์ และเช่นกันที่อดีตตำนานสโมสรฯ มาร์ติน โอนีล ไม่ตอบรับโอกาสคัมแบ็กรวมถึง กุส ฮิดดิ้งค์ ก็เป็นชื่ออันดับต้น ๆ

ทว่าสุดท้าย ชื่อกุนซืออิตาเลียน ถูกเลือกขึ้นมา และผ่านการพูดคุยจนรานิเอรี่ กลายเป็นเบอร์ 1 ในใจคุณดังที่ ซูซาน วีแลน ซีอีโอ ของทีมได้กล่าวเอาไว้

ครับ ผมเชื่อด้วยเช่นเดียวกันว่า “คาแร็คเตอร์” เช่น รานิเอรี่ อาจถูกใจประมาณว่า “ใช่เลย!” ตอนได้พูดคุยกับบอร์ดบริหาร

เพราะลำพังจู่ ๆ จะแต่งตั้งกุนซือวัย 63 ปี และห่างประสบการณ์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 11 ปีก็ไม่น่าจะใช่ หรือเป็นไปได้แบบง่าย ๆ

ตามด้วยลำดับขั้นตอนต่อ ๆ มาที่ รานิเอรี่ ค่อย ๆ สร้างทีมโดยแน่นอนว่า ได้ทีมงานสเก๊าท์นำโดย สตีฟ วอลช์ ช่วยเติมเต็มอีกอย่างน้อย 3 จิ๊กซอว์: เอนโกโล กองเต้, โรเบิร์ต ฮูธ และคริสเตียน ฟุค เข้าสู่ทีม

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์ทาง “เดลี เทเลกราฟ” ว่า สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดของรานิเอรี่ คือ ความสามารถในการยับยั้งห้ามใจจะเปลี่ยนแปลงโน่น นี่ นั่น เหมือนกุนซือคนอื่น ๆ

เพราะตอนเข้ามาสัปดาห์แรก รานิเอรี่ แค่แนะนำตัวเอง และปล่อยให้ผู้เล่นได้ซ้อมเพื่อจะเรียนรู้จนทราบว่า ทีมชุดนี้มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร


คำตอบก็คือ ช่วยเหลือกันในการเล่น นักเตะเข้ากันได้ดี และฝึกซ้อมหนัก

จากนั้นจึงถึงคิวการเข้ามา “ปรับจูน” และสุดท้ายได้ดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากตัวผู้เล่นได้สำเร็จ

ถึงตอนนี้ นักเตะอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์, เอนโกโล กองเต้, ริยาด มาห์เรซ และเจมี่ วาร์ดี้ กลายเป็นผู้เล่น “ทองคำ” ที่ทุกทีมต้องการตัว

แดนนี่ ซิมป์สัน, เวส มอร์แกน, มาร์ค อัลไบร์ทตัน, ชินจิ โอกาซากิ, เจฟฟรี้ ชลูปป์, เลโอนาร์โด อูญัว ฯลฯ ต่างพัฒนาฝีเท้ามาจนมีแข้งที่สม่ำเสมอ

หรือแม้แต่ โรเบิร์ต ฮูธ ที่ย้ายทีมไปมา และเหมือนจะเลยจุดสูงสุดไปแล้วก็ยัง “แปลงร่าง” เป็นกำลังหลักของทีม

ทั้งหมดนี้ คือ “เครดิต” ของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เต็ม ๆ ในการเข้ามา “เสริมหล่อ” ทีมชุดนี้

คำถามต่อไปคือ ซีซั่นหน้าจะอย่างไร?


ส่วนตัวแล้ว คำตอบคงไม่ใกล้ไม่ไกลไปกว่า “เหมือนเดิม!”

เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ “หนีตาย” ปีก่อน, ขึ้น “จ่าฝูง” หนแรกเดือนมกราคม, ต่อด้วยคริสต์มาส และกลางเดือนมกราคม

ก็ไม่ได้มีใครเคยเชื่อมั่นเลสเตอร์อยู่แล้ว ทั้งที่ทีมมีสโลแกน “Trust in us” ตอนเปิดตัว เคลาดิโอ รานิเอรี่

ฉะนั้น ปีหน้า ผู้คนก็ยังคงสงสัย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเลสเตอร์ ซิตี้ ว่าจะไขข้อข้องใจอย่างไร?

หลังซีซั่นที่มหัศจรรย์ “ยิ่งกว่า” ตำนานเทพนิยาย!!!

 

อัลบั้มภาพ 100 ภาพ

อัลบั้มภาพ 100 ภาพ ของ สกู๊ป : ยิ่งกว่าตำนาน “เทพนิยาย”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook