สกู๊ป : "เรือใบ" รอแก้ตัวใหม่

สกู๊ป : "เรือใบ" รอแก้ตัวใหม่

สกู๊ป : "เรือใบ" รอแก้ตัวใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกเท่านั้นเมื่อไม่สามารถผ่านด่านแชมป์ 10 สมัยอย่างเรอัล มาดริดไปได้

และต้องไปตั้งตารอลุ้นกันใหม่ในฤดูกาลหน้าว่าความฝันที่จะประสบความสำเร็จในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปจะเป็นไปได้หรือไม่ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

กวาร์ดิโอล่าเองก็ต้องอกหักมาเช่นกัน หลังไม่สามารถพาบาเยิร์น มิวนิคผ่านรอบตัดเชือกไปได้

เมื่อพ่ายให้กับอีกทีมจากเมืองหลวงของสเปนอย่างแอตเลติโก มาดริดไปด้วยกฎประตูทีมเยือน ทำให้ว่าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของเรือใบสีฟ้า ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการพาเสือใต้ครองเจ้ายุโรปได้เลยใน 3 ฤดูกาลที่นั่งเก้าอี้โค้ชมา

ฤดูกาลหน้ากวาร์ดิโอล่าจะเข้ามาแทนที่มานูเอลเปเญกรินี่ ซึ่งพาแมนฯ ซิตี้มีผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีกที่ดีขึ้นในช่วง 3 ปีของเขา เพราะหลังจากตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของบาร์เซโลน่าใน 2 ฤดูกาลแรก ฤดูกาลนี้เขาก็พาเรือใบผ่านเข้าถึงรอบรองฯ ได้ ก่อนจะพ่ายต่อเรอัล มาดริดไป



แน่นอนว่าการถูกราชันชุดขาวเขี่ยตกรอบตัดเชือกคงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์หรือพลิกล็อกอะไร เพราะชื่อชั้นของเรือใบสีฟ้ายังเป็นรองเยอะ โดยเฉพาะประสบการณ์ในถ้วยยุโรปที่ถือว่ามีเพียงหยิบมือ เมื่อเทียบกับเจ้าของสถิติครองแชมป์สูงสุดอย่างคู่แข่งในรอบนี้

แต่ด้วยผลงานในการสยบปารีส แซงต์-แชร์กแมงลงได้ในรอบ 8 ทีม และการเจ๊ากันแบบโนสกอร์ในรอบตัดเชือกนัดแรกที่บ้าน ก็ทำให้แมนฯ ซิตี้เชื่อว่าอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ในเกมที่สองที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

น่าเสียดายที่ความหวังกับความจริงมักจะไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ เมื่อแมนฯ ซิตี้สู้ไม่ได้ทุกประตู และต้องแพ้ไปอย่างบอบช้ำด้วยฟอร์มของนักเตะที่หลุดลุ่ย และการถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยคำวิจารณ์ที่มีต่อฟอร์มการเล่นของพวกเขา

แมนฯ ซิตี้ถูกมองว่าเล่นแบบยอมศิโรราบให้กับเรอัล มาดริดตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม ไหนจะบรรยากาศที่กดดันจากเสียงเชียร์กระหึ่มของแฟนบอลเจ้าถิ่นอีก หนำซ้ำชื่อชั้นของซูเปอร์สตาร์อย่างคริสติอาโน่โรนัลโด้และแกเร็ธ เบลก็ทำเอานักเตะเรือใบสีฟ้าหลายคนขวัญหนีดีฝ่อ

อีกส่วนอาจจะมาจากปัญหาเรื่องผู้เล่น เมื่อแว็งซ็องต์ กอมปานี กองหลังกัปตันทีม เจ็บตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทางของครึ่งแรก ทำให้เรือใบขาดผู้นำที่จะคอยกระตุ้นทีมและเป็นสาหลักให้กับแนวรับ

ขณะที่การตัดสินใจขยับเควิน เดอ บรอยน์จากบทบาทเพลย์เมคเกอร์ที่เขาทำได้อย่างโดดเด่น ให้ไปขึ้นเกมทางซ้ายแทนดาวิด ซิลบาที่เจ็บอยู่ ก็ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์เพราะมันทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้ไม่เต็มศักยภาพ
หรือพูดง่ายๆ ว่าเสียของ แถมคนที่ต้องมารับหน้าที่แทนอย่างยาย่า ตูเร่ก็ฟอร์มออกทะเลจนเป็นอีกครั้งที่เขาถูกแฟนๆ ถล่มเละหลังจบเกม

ประเด็นเหล่านี้ทำให้แมนฯ ซิตี้ถูกจวกยับว่าไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อลุ้นโอกาสที่จะทำประตูชัยให้ได้ ทั้งที่เมื่อมาถึงจุดนี้ได้ถือว่าพวกเขามีแต่กำไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียไม่ว่าแพ้หรือชนะ

ถ้ากล้าส่งตัวริมเส้นอย่างราฮีม สเตอร์ลิ่งลงมาแล้วให้เดอ บรอยน์คอยปั้นเกมเหมือนเดิม อาจจะทำให้สร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่านี้


แต่เมื่อเลือกใช้แผนการเล่นแบบรัดกุม ด้วยนักเตะที่ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เกมจึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น และตัวอันตรายอีกคนของทีมอย่างเซร์จิโอ อเกวโร่ก็ไม่สามารถโชว์ศักยภาพของเขาออกมาได้เช่นกัน

ทุกอย่างล้วนแต่ทำให้แมนฯ ซิตี้ต้องตกรอบแบบชอกช้ำใจ เพราะมันไม่ใช่การไปลุ้นสู้แล้วแพ้กลับมาแบบที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกได้ว่าทีมพยายามเต็มที่แล้ว และบรรดาเกจิทั้งหลายก็คงไม่ออกโรงรุมด่าฐานทำให้ทีมจากอังกฤษดูมีมาตรฐานด้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

แมนฯ ซิตี้คงต้องรอให้มีการล้างไพ่กันใหม่หลังจบฤดูกาลนี้ เมื่อกวาร์ดิโอล่าจะเข้ามากุมบังเหียนพร้อมกับดีกรีความสำเร็จอย่างสูงที่เขาสร้างไว้กับทั้งบาร์เซโลน่าและบาเยิร์น

ในถ้วยยุโรปนั้น เป๊ปนำบาร์ซ่าคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกได้ 2 สมัยใน 4 ปี โดยอีก 2 ปีนั้นทีมของเขาตกรอบรองชนะเลิศด้วยน้ำมือของอินตอร์ มิลานและเชลซี ซึ่งก้าวไปเป็นแชมป์ในภายหลัง

หลังย้ายไปคุมบาเยิร์นในปี 2013 เป๊ปก็พาเสือใต้เข้าถึงรอบตัดเชือกได้ทั้ง 3 ปี แต่ก็ทำแฮตทริกแพ้รวด ด้วยการแพ้ต่อเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า ซึ่งทั้งสองทีมก็ไปไกลถึงแชมป์เช่นกัน และการแพ้ต่อแอต.มาดริดในปีนี้ อาถรรพณ์ของเป๊ปจะส่งผลให้ทีมตราหมีได้ชูถ้วยหูใหญ่หรือไม่ คงต้องรอดูกัน

และตอนนี้แมนฯ ซิตี้เองก็ต้องลุ้นให้ทีมบรรลุเป้าหมายในการจบในท็อป 4 ของพรีเมียร์ลีกให้ได้ด้วย เพื่อที่จะได้ไปแก้ตัวในแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้งร่วมกับกวาร์ดิโอล่าในฤดูกาลหน้า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook