สกู๊ป : เชียร์ "อังกฤษ" จะเยอะไปไหน??!

สกู๊ป : เชียร์ "อังกฤษ" จะเยอะไปไหน??!

สกู๊ป : เชียร์ "อังกฤษ" จะเยอะไปไหน??!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ยูโร 2016” หนนี้ ผมติดตามความเคลื่อนไหวจากสำนักข่าวหลักอังกฤษแล้วเกิดความรู้สึกไม่ดีอยู่ 1 ประการ ที่ทำให้บางทีก็แอบนึกย้อนถึงฟุตบอลไทยด้วยเช่นกัน

ลักษณะการ “นำเสนอ” ข่าวที่ผมไม่ชอบมากๆ คือการคอมเมนต์หลังเกมโดยจับโยงประเด็นต่างๆ มาเชื่อมกับผลการแข่งขันแล้วพยายามจะ “ผูกเรื่อง” เข้าด้วยกันโดยไม่คำนึงถึง “ผลกระทบ” ที่อาจเกิดขึ้น

เช่น การปรับทัพ 6 คนจากเกมชนะเวลส์ 2-1 แล้วมีผลทำให้ไม่ชนะสโลวาเกีย

ผมถามว่า นัดเจอเวลส์ที่โดนนำ 1-0 ครึ่งแรกแล้ว รอย ฮอดจ์สัน เปลี่ยนรวดเดียว 2 คนเอา แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กับเจมี่ วาร์ดี้ ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และแฮร์รี่ เคน ตั้งแต่พักครึ่ง

ก่อนที่ “ไลน์อัพ” ปรับใหม่ดังกล่าวตามด้วยส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงท้ายเกมจะแซงชนะมังกรแดง 2-1 ได้สำเร็จตอนทดเจ็บแบบสุดมัน

ทำไมไม่พูดถึงกัน หรือลง “รายละเอียด” ว่าแท้จริงแล้ว นัดเสมอสโลวาเกีย 0-0 ปรับจากครึ่งเวลาหลังที่เล่นได้ดี และยิง 2 ประตูจากเกมกับเวลส์ แค่ 4 คนไม่ใช่ 6 คน

เพราะไม่สมควรจะ “นับ” ทั้งหมด

หรืออีก 2 คน คือ ฟูลแบ็ค นาธาเนียล ไคลน์ กับไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ในการทดแทน ไคลน์ วอล์คเกอร์ และแดนนี่ โรส

นั่นก็เท่ากับว่า เหลือหลักๆเปลี่ยนตัวที่อาจจะดูขัดใจแค่ 2 คนในแดนกลาง ระหว่าง แจ็ค วิลเชียร์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ลงมาแทน เดเล่ อัลลี่ และเวย์น รูนี่ย์

ซึ่ง “เฮนโด้” เล่นสอบผ่านและทำได้ ขณะที่วิลเชียร์ อาจจะเสียบอลง่ายไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ ก่อนครึ่งหลังที่ทั้ง อัลลี่ และรูนี่ย์ ก็ถูกเปลี่ยนตัวลงไป

เมื่อรวมความกับที่ผมได้เขียนไปแล้วเมื่อวานว่า “ภาพรวม” โดยเฉพาะการ “ครอบครอง” และควบคุมทุกสถานการณ์เกม กับการสร้างสรรค์ “โอกาส” ทำประตู ก็ทำได้ดี “เกินพอ” จะชนะ

กับ “คู่แข่ง” ที่มาตั้งรับรถบัส 2 ชั้นทุกทีม

อังกฤษ จึงมีเรื่องราว “โพสิทีฟ” มากมาย แม้ผลการแข่งขันจะไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายก็ตาม

ทั้งนี้ ประเด็นผมอยู่ที่ การนำเสนอข้อมูล และมุมความคิดลักษณะนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ “สร้างสรรค์” เท่านั้น

แต่ยังส่งผลต่อทีมชาติของพวกเค้าเองที่ต้องเล่นแบบ “กดดัน” เพราะแบกทั้งความหวังของคนในชาติ และกดดันจากสื่อที่การนำเสนอจะมี “อิทธิพล” ทางความคิดต่อผู้อ่าน

ใจความสำคัญ คือ “ศึกนอก” ที่ต้องรบกับคู่แข่งชาติต่างๆ โดยเฉพาะชาติเล็กๆที่หวังล้มยักษ์อย่างอังกฤษ และเตรียมตัวมาดีก็ “ยากเย็น” พออยู่แล้ว

ทีมสิงโตคำรามยังน่าจะเป็นชาติเดียวในโลกที่โดน “ศึกใน” กระซวกแบบสาหัสที่สุดชาติหนึ่ง

โดยยังไม่นับ “พักครึ่ง” ที่โดนโห่ทุกนัดตลอด 3 เกมในยูโรหนนี้ ที่ไม่สามารถทำประตูได้เลย

ครับ แทนที่จะให้ “กำลังใจ” และมองเห็นปัญหาร่วมกัน และช่วยกันผลักดัน

เรื่องยากอาจเป็นเรื่องง่ายกว่าจะมา “กดดัน” ทั้งเสียงเร้าในสนามระหว่างแข่ง หรือเสียงวิจารณ์ด้วยแป้นคีย์บอร์ดของสื่อมวลชนในชาติ

ถ้าเป็นผมนะครับ...

ประเด็นที่ต้องดีให้ “กระเจิง” ตอนนี้ คือ ไม่มีทีมไหนดีแบบ “โดดเด่น” หรอกครับในทัวร์นาเมนท์นี้ หลังล่าสุด สเปน ยังแพ้โครเอเชีย

โปรตุเกส ที่อังกฤษอาจจะเจอในรอบต่อไป 16 ทีม ก็ยังไม่ชนะใครใน 2 เกมแรกที่ โรนัลโด้ ก็พลาดจุดโทษ หรือทีมฝอยทองก็เพิ่งแพ้ทีมผู้ดีมาแบบสู้ไม่ได้ตอนอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายก่อนมายูโร

หรือฝรั่งเศส เจ้าภาพที่อาจต้องเจอในรอบ 8 ทีมก็ยังเอาชนะสวิสในเกมสุดท้ายไม่ได้ ณ จุดที่ต้องอาศัยช่วงเวลาท้ายเกมเอาชนะคู่แข่งโดยตลอด

เยอรมัน ก็เป็นอย่างที่เห็นครับว่า กองหน้าสู้อังกฤษไม่ได้สักตัว

คือ มันมีอะไรจะต้องกลัว?

หรือใครมันจะอะไร อย่างไร ให้ “คู่ควร” ความสนใจ หรือเก็บมาคิด มาเล่นข่าวให้ยิ่งน่าหนักอกใจล่ะครับ

เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งที่เขียนก็เพราะไม่อยากให้เกิดกับ “บอลไทย” หรือสื่อมวลชนไทย ขณะที่อีกมุมก็บอกตรงๆเลยครับว่า มันหงุดหงิด และ “อึดอัด” แทนนักเตะ กับคนทำทีมครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook