สกู๊ป : "4-4-2" ไพ่ใบใหม่ในมือ "เดส์ช็องส์"

สกู๊ป : "4-4-2" ไพ่ใบใหม่ในมือ "เดส์ช็องส์"

สกู๊ป : "4-4-2" ไพ่ใบใหม่ในมือ "เดส์ช็องส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศึกยูโร 2016 เดินทางเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถึงเวลานี้แม้บรรดาตัวเต็งพาเหรดกันเข้ารอบอย่างพร้อมเพรียง ทว่าจะมีสักกี่ทีมที่เล่นได้ตามมาตรฐานที่วางไว้

ฝรั่งเศส คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เพราะทำเอาสาวก “ตราไก่” หวิดหัวใจวาย หลังต้องกระเสือกกระสนพลิกแซงชนะคู่แค้นเก่า ไอร์แลนด์ หวุดหวิด 1-0 กลายเป็นภาพชินตาของเจ้าถิ่นในทัวร์นาเมนต์นี้

ภายใต้ความได้เปรียบเรื่องสภาพแวดล้อมและเสียงเชียร์ ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส ทราบดีว่าตัวเองและลูกทีมต้องแบกรับความความหวังของคนทั้งชาติเอาไว้บนบ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ฟอร์มการเล่นของฝรั่งเศส จะดูน่าอึดอัดตลอด 4 นัดที่ผ่านมา เรียกได้ว่าบีบคั้นหัวใจแฟนบอลกันสุดฤทธิ์ โดยเฉพาะเกมล่าสุดกับไอร์แลนด์

แน่นอนว่า ไอร์แลนด์ ลงสนามในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมี และเล่นเสมือนนี่คือนัดชิงชนะเลิศที่จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกแล้ว

อีกทั้งความแค้นจากศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ยังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีที่ช่วยยกระดับความทุ่มเทของพวกเขา ถึงขนาดที่หลายฝ่ายเชื่อว่าด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ไอร์แลนด์ จะเป็นคู่ต่อกรที่น่ากลัวที่สุดสำหรับฝรั่งเศส

แล้วก็เป็นไปอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เมื่อออกสตาร์ตเกมได้แค่ 2 นาที ขุนพล “ยักษ์เขียว” ก็จัดการลูบคมฝรั่งเศส ด้วยการพังประตูออกนำไปก่อนจากจุดโทษของ ร็อบบี้ เบรดี้

สถานการณ์ดังกล่าวเป็นยาชูกำลังชั้นดีสำหรับ ไอร์แลนด์ ในช่วงเวลา 88 นาทีที่เหลือ ผิดกับ ฝรั่งเศส ที่ออกสตาร์ตเกมแบบลนลาน พาตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่บีบคั้นที่สุดในทัวร์นาเมนต์

อย่างไรก็ตาม หลังได้โอกาสสงบจิตสงบใจช่วงพักครึ่งแรก พร้อมรับโอวาทและการปรับปรุงแท็กติกจาก เดส์ช็องป์ส ท้ายที่สุดขุนพล “ตราไก่” ก็ไม่ทำให้แฟนบอลทั่วประเทศผิดหวัง เมื่อพลิกแซงกลับมาคว้าชัยสุดระทึก 2-1

การหย่อน คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปแทนที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เพื่อเปลี่ยนแท็กติกจาก 4-3-3 เป็น 4-4-2 ในช่วงพักครึ่ง คือประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจป็นอย่างมาก และเชื่อว่านี่อาจเป็นสูตรสำเร็จที่ เดส์ช็องป์ส ตามหามานาน

หลังปรับแท็กติกเป็น 4-4-2 เห็นได้ชัดว่า ไอร์แลนด์ มีปัญหาในการรับมือเกมรุกของฝรั่งเศส โดยเฉพาะพื้นที่ริมเส้นที่ บาการี่ ซาญ่า กับ ปาทริซ เอฟร่า ได้โอกาสโลดแล่นอย่างเมามัน

บทบาทของ ปาเยต และ โกม็อง ช่วงครึ่งหลังอาจเป็นมิดฟิลด์ริมเส้น แต่สูตรที่ เดส์ช็องป์ส สอดไส้ไว้คือพยายามให้ทั้งคู่หุบเข้ามาเล่นบอลตรงกลาง เพื่อเปิดพื้นที่ให้ฟูลแบ็กสอดขึ้นมาเติมเกมรุก

นั่นนำมาสู่ประตูตีเสมอในนาทีที่ 58 เมื่อฝรั่งเศส ลำเลียงบอลสั้นอยู่หน้าเขตโทษ ทำให้แนวรับไอร์แลนด์ต้องหุบพื้นที่ไปเพรสซิ่งด้านใน ก่อน ปาเยต จะถ่ายบอลไปทางกราบขวาให้ ซาญ่า บรรจงครอสเข้าหัว อ็องตวน กรีซมันน์ ขวิดเสียบตาข่ายงามหยด

หลังจากนั้นอีก 3 นาที ฝรั่งเศส แซงนำ 2-1 จากจังหวะวางบอลยาวกลางสนามของ อาดิล รามี่ ให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โขกเช็ดต่อถึง กรีซมันน์ หลุดไปซัดเน้นๆ ผ่านมือ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ แบบไร้ตัวประกบ ก่อน เชน ดัฟฟี่ จะมาโดนใบแดงในนาทีที่ 66 เท่ากับปิดฉากเกมนี้ไปโดยปริยาย

ตลอด 3 นัด ในรอบแบ่งกลุ่ม กรีซมันน์ และ ปอล ป็อกบา โดนวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่มีการแสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิว่า เดส์ช็องป์ส ส่งพวกเขาลงสนามในจุดที่ไม่ถูกไม่ควร

อย่างไรก็ตาม เดส์ช็องป์ส น่าจะได้เห็นอะไรดีๆ จากดาวเตะทั้งสองรายในเกมกับไอร์แลนด์ โดยเฉพาะ กรีซมันน์ ที่ฉายแววเด่นให้เห็นตลอด 90 นาที ในสนาม

กรีซมันน์ อาจเติบโตขึ้นมากับบทบาทริมเส้นที่เรอัล โซเซียดัด แต่ฤดูกาลที่ผ่านมากับแอตเลติโก มาดริด เราได้เห็นแล้วว่า ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ มักชื่นชอบใช้งานดาวเตะวัย 25 ปี ในฐานะศูนย์หน้าของทีม

สองประตูในเกมกับ ไอร์แลนด์ เกิดขึ้นก็เพราะ เดส์ช็องป์ส ตัดสินใจดัน กรีซมันน์ ขึ้นไปรับบทคู่หัวหอกร่วมกับ ชิรูด์ เป็นเรื่องง่ายที่ กุนซือวัย 47 ปี ยังไม่เคยลอง หรืออาจไม่คิดว่ามันจะประสบความสำเร็จ

ซึ่งด้วยพลังทำลายล้างจากการสอดขึ้นไปยิงแถวสองของกรีซมันน์ และความเฉลียวฉลาดในการเล่นลูกกลางอากาศของชิรูด์ นี่จะเป็นอีกหนึ่งคู่หูในแดนหน้าที่อันตรายที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้

เช่นเดียวกับในรายของ ป็อกบา แม้เกมนี้จะยังไม่เด่นอย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่การประสานร่วมกับมิดฟิลด์ที่มีความหลากหลายในแดนกลางอย่าง แบลส มาตุยดี้ แสดงให้เห็นว่าดาวรุ่งยูเวนตุส ก็เอาอยู่เหมือนกัน สามารถควบคุมจังหวะเกมได้อย่างไหลลื่น

เมื่อมองถึงการหมดสิทธิใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ติดโทษแบนในเกมหน้า มาตรฐานของ ป็อกบา ในเกมกับไอร์แลนด์ น่าจะพอให้ เดส์ช็องป์ส ยิ้มออกสำหรับการลงสนามในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ถึงเวลานี้ เดส์ช็องป์ส ได้ไผ่โจ๊กเกอร์อย่าง กรีซมันน์ และ ป็อกบา กลับมาอยู่ในสำรับแล้ว รวมไปถึงการ์ดเด็ดอย่าง 4-4-2 ที่พร้อมบุกทะลวงแนวรับทุกทีมบนผืนพิภพ

จากนี้ขึ้นอยู่กับ เดส์ช็องป์ส ว่าจะผสมผสานสิ่งที่มีให้ลงตัวอย่างไร และจะตอบสนองความคาดหวังของทั้งชาติได้ไกลแค่ไหน งานนี้คงต้องรอติดตามไปพร้อมกันครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook