โบนัสก้อนใหญ่ของใครกันแน่?

ตั้งแต่รอบแปดทีมสุดท้ายเป็นต้นไปเริ่มกันที่โปแลนด์เจอกับโปรตุเกส ยันนัดชิงชนะเลิศจะดวลกันรอบดึกทั้งสิ้น หลังจากดึงระยะรักษาสุขภาพกันมาพักหนึ่ง ตอนนี้คงต้องวางแผนกันให้ดีอีกครั้ง
อย่าหักโหมกันมากเกินไปเดี๋ยวจะไม่ไหว เอาแค่เบาะๆก็พอ จับตากันเช่นเคยครับกับพื้นที่ตรงนี้ ดูว่าใคร ทีมไหน มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

โปแลนด์ - โปรตุเกส

โปแลนด์

ไม่ถึงกับน่าประทับใจอะไรกับการผ่านมาถึงรอบนี้ของโปแลนด์ ต้องใช้การยิงจุดโทษตัดสินกว่าจะผ่านสวิตเซอร์แลนด์มาได้ ในนัดนั้นเห็นความตระการตาจากการยิงประตูของ เซอร์ดาน ชากีรี่

ซึ่งเป็นประตูตีเสมอให้กับสวิส จนทั้ง 2 ทีมต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษและยิงจุดโทษตัดสินในที่สุด

อย่างไรก็ตามต้องให้เครดิต อดัม นาวาลก้า และลูกทีมโปแลนด์เช่นกันที่สามารถรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ด้วยการไม่แพ้ใครจนถึงตอนนี้

นาวาลก้า คงต้องคาดหวังสกอร์จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ บ้างแล้ว ก่อนหน้านี้ปกป้องกันมาตลอดว่าไม่มีปัญหาแม้ไม่มีสกอร์ เพราะการทำงานของ เลวานดอฟสกี้ มีดีในมุมอื่นๆมาก

อย่างเช่นดึงแนวรับคู่แข่งออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมได้เห็นช่องเข้าทำ

จริงๆก็เป็นแบบนั้น ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็คงต้องมองไปที่ประตูจาก เลวานดอฟสกี้ ด้วย เพื่อเพิ่มศักยภาพของทีมให้มากยิ่งขึ้น

ถึงนาทีนี้โปแลนด์ไม่มีความกดดันอะไรเหลืออยู่ แถมความคาดหวังเพิ่มมากขึ้นอีกต่างหาก หลังจากบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งหลายลงไปกองกันอยู่ในสายล่างทั้งหมด

ในขณะที่แดนหน้าอีกคนของทีมอย่าง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ต้องขบคิดให้ออกว่าทำอย่างไรจึงใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นให้คุ้มค่าที่สุด

หากใช้โอกาสไม่เปลืองมากนัก เพิ่มความเด็ดขาดเข้าไป อันตราย่อมมีมากขึ้น เรื่องราวเหล่านี้ มิลิค ต้องพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจน

โปรตุเกส

โปรตุเกสเป็นทีมเดียวที่ผ่านรอบแรกเข้ามาได้โดยไม่จำเป็นต้องเอาชนะใคร และยังคงเป็นทีมเดียวในตอนนี้ที่ไม่ชนะใครอีกเช่นกันใน 90 นาที

เกมเจอโครเอเชีย มีคนคาดหวังค่อนข้างน้อยด้วยซ้ำไปว่าจะผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ นั่นแสดงให้เห็นถึงความเขี้ยวของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และผองเพื่อนฝอยทอง

บอลหนืดๆแบบนี้มักจะมีทีเด็ดทีขาดเสมอ เจอที่ไหนตีไม่ตาย มีโอกาสฟื้นคืนชีพเป็นประจำ โรนัลโด้ และเพื่อฝูงมีเวลามีพื้นที่ให้ปรับปรุงคุณภาพ มีโอกาสได้เห็นอะไรดีๆมากขึ้นก็ได้

หากจับพลัดจับผลูดูดีขึ้นมาทันตาเห็น รอบรองชนะเลิศย่อมไม่ใช่เรื่องไกลตัว

การเล่นในรอบ 16 ทีมหรือรอบ 8 ทีมถือว่าเป็นเรื่องปกติของโปรตุเกส หากคราวนี้มีโบนัสไปได้ไกลกว่าด้วยการเข้ารอบตัดเชือกก็สมควรอยู่เหมือนกัน

ล้มโครเอเชียได้ต้องให้เครดิตแม้ต้องลากยาวถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ในความเป็นจริงเรายังไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริงของโปรตุเกสด้วยซ้ำ

หลายคนอาจจะฟอร์มใช้ได้ แต่รวมเป็นทีมแล้วศักยภาพไม่ถึงกับโดดเด่น เพราะฉะนั้นวันนี้อาจจะมีโอกาสได้เห็นเรื่องราวดังกล่าวกัน

โปแลนด์แข็งแกร่งไม่น้อยในแนวหลังบ้าน การจะเจาะเข้าไปได้นั้นต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ

ยาคุบ บลาสซ์ซีคอฟสกี้ : ในเมื่อ มิลิค ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อย ส่วน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หนักไปทางดึงกองหลังคู่แข่งออกจากพื้นที่

นักเตะที่จะสอดเข้าสู่พื้นที่ว่างขึ้นไปทำอันตรายคู่ต่อสู้เห็นจะเป็น ยาคุบ บลาสซ์ซีคอฟสกี้ นี่แหละ 2 นัดที่ผ่านมากับ 2 ประตู ดูเหมือน บลาสซ์ซีคอฟสกี้ กำลังอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดของตัวเอง

หากยังคงยืนหยัดอยู่ได้ในความจัดจ้านเช่นที่ผ่านมา นอกจากสกอร์ที่คาดหวังแล้ว การขึ้นเกดมริมเส้นจะช่วยกดดันการขึ้นเกมด้านข้างของโปรตุเกสได้อีกด้วย

การขึ้นเกมริมเส้นแล้วตัดเข้าด้านใน ของบลาสซ์ซีคอฟสกี้ โดยมี ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค หนุนขึ้นมา มีความสำคัญต่อเกมของโปแลนด์มาก

ทั้ง 2 คนจะทำได้ดีแค่ไหน พิสูจน์อีกครั้งได้หรือไม่ เกมของจริงเท่านั้นคือคำตอบที่ต้องการ

เจา มาริโอ

ฟอร์มของ เจา มาริโอ ในยูโรครั้งนี้ ยังไม่ถึงกับโดดเด่นอย่างที่คาดหวัง เหมือนกับการเล่นให้สปอร์ติ้งในฤดูกาลที่ผ่านมา

เกมล่าสุดที่ทีมเอาชนะโครเอเชียได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษโปรตุเกสเน้นแท็กติกด้วยการพยายามปิดช่องว่าง ไม่ปล่อยให้โครเอเชียเล่นอย่างสบาย นั่นทำให้การสร้างสรรค์เกมของ เจา มาริโอ หายไปด้วย

แต่การเจอกับโปแลนด์ ภาพอาจจะเปลี่ยนไป โปรตุเกสได้บุกมากขึ้นแน่นอน เจา มาริโอ คงต้องใส่สุดกำลังกับการสร้างสรรค์เกม

มีสิทธิ์ครับที่เกมในวันนี้ เจา มาริโอ จะเป็นคีย์แมนคนสำคัญในความคาดหวังเข้าสู่รอบตัดเชือกของทีมฝอยทอง

คอลัมน์ ทดเจ็บ3นาที
by ดามัน