สกู๊ป : คอนเต้ “สไตล์”

สกู๊ป : คอนเต้ “สไตล์”

สกู๊ป : คอนเต้ “สไตล์”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จริง ๆ แล้วผมเชื่อมั่นในความเป็น “มืออาชีพ” ของกุนซือระดับโลกทุก ๆ ท่านแหละครับ

แต่จะให้ “บังเอิญ” หรือเปล่า? หรือเป็น “เมสเซส” ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างดีใช่ไหม!?

ผมไม่แน่ใจนัก แต่นับจากทราบข่าว อันโตนิโอ คอนเต้ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเชลซีคนใหม่ สู้ศึกตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 ผมสัมผัสได้ถึงความ “ละเอียด” และละเมียดในการลงดีเทลการทำงานของกุนซือรายนี้นะครับ

เรียกได้ว่า ตั้งแต่ก่อน “ยูโร 2016” ที่ข่าวได้รับการคอนเฟิร์ม ผมจะได้ยินได้ฟังการ “วางแผน” ต่าง ๆ ของกุนซืออิตาเลียนสำหรับฤดูกาลใหม่เต็มไปหมด ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานจริง!

เช่น การบินมาพูดคุยหารือกับผู้บริหาร หรือนักเตะคนสำคัญ ๆ เช่น จอห์น เทอร์รี ที่รวม ๆ แล้วน่าจะมีรายละเอียดการทำงาน “ล่วงหน้า” ครบถ้วน

ดังนั้นจึงไม่แปลกครับที่การ “เปิดตัว” อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจะออกมาแบบ “ประทับใจ”

กล่าวคือ คนที่พูดอะไรแบบรู้ว่าจะทำอะไร? อย่างไร? แค่ไหน? เมื่อไหร่?


ฟังยังไงก็ “ชัดเจน” และจบในตัว ชนิดที่มีความรู้สึกทันทีว่า เชลซีน่าจะเลือกคนฝากผีฝากไข้ได้ถูกต้องที่สุดแล้ว

ในเรื่องตัวผู้เล่นนอกจาก มิชี่ บัตชูอายี่ กองหน้าเลือดเบลเยียมจากโอลิมปิก มาร์กเซย์ แล้ว คอนเต้ระบุในการแถลงข่าวซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการทำงานของเค้าว่า ต้องการนักเตะอีก 2 คนมาร่วมทีม

หลัก ๆ คือ กองหน้ามายืนคู่ บัตซูอายี่ หรือได้ใช้งานเพิ่มอีก 1 คนโดยมีชื่อ อัลบาร์โร่ โมราต้า เป็นแคนดิเดทหมายเลข 1

อีกคนที่ต้องการเป็นนักเตะมิดฟิลด์ตัวรับ และหลังจากเจรจา รัดย่า เนียงโกลัน ไม่คืบหน้า ข่าวในช่วง 2-3 วันนี้จึงเป็นประเด็นการ “จีบ” เอนโกโล่ กองเต้ ด้วยราคาแตะ 30 ล้านปอนด์จากเลสเตอร์

อย่างไรก็ดีครับ สำหรับคอนเต้แล้ว “ทีมเวิร์ค” สำคัญกว่าตัวบุคคล เฉพาะอย่างยิ่งทีมที่เพิ่งผ่าน “ประสบการณ์เลวร้าย” ได้แชมป์ลีกสูงสุด และเสียกุนซือ โจเซ่ มูรินโญ่ หลังจากนั้น 7 เดือน

กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาก็สามารถกู้นาวาทัพได้เพียงอันดับ 10 อันเป็นตำแหน่งที่ “แย่ที่สุด” ในยุคสมัย โรมัน อบราโมวิช เป็นเจ้าของสโมสร

จุดนี้มีการ “เปรียบเทียบ” กับตอนคอนเต้ขึ้นคุมยูเวนตุส ค.ศ.2011 อยู่เหมือนกัน เพราะเป็นยุคสมัยหลังโดนลงโทษตกชั้น/ขึ้นชั้น และห่างจากการได้ “สคูเด็ตโต้” ครั้งสุดท้าย (2002/03) เกือบ 10 ปี

ฉะนั้นมองในมุมนี้ “ความหนัก” ของงานครั้งนี้กับครั้งนั้นจึงไม่น่าเป็น “เรื่องใหม่” ของคอนเต้ที่พร้อมจะเข้าทำงานโดย “ทำงานหนัก” ด้วยสไตล์ของตัวเอง

แน่นอนครับว่า ประเด็นเรื่อง “กัปตันทีม” ได้เคลียร์แล้วเคลียร์อีกว่า จอห์น เทอร์รี่ ยังคงเป็น “เสาหลัก”

ส่วนจะเล่นระบบ “แบ็ค 3” เหมือนทีมชาติอิตาลีหรือเปล่า เจ้าตัวใช้คำว่า กุนซือก็เหมือน tailor หรือช่างตัดเสื้อที่มีงาน ตัดผ้าสวย ๆ ให้ทีมได้แบบพอเหมาะพอเจาะ


ฉะนั้นจะ “แบ็ค 3” หรือ “แบ็ค 4” ก็คงไม่ใช่ประเด็นในขณะที่เรา ๆ ท่าน ๆ จะยังได้เห็นกุนซือวัย 46 ปี “โลดแล่น” ใช้พลังอยู่ข้างสนามบริเวณ “technical area” เหมือนเดิม

คอนเต้ ยอมรับว่า เค้ามี “Passion” และจะมีส่วนร่วมกับทีมทั้งในตอนซ้อม และระหว่างแข่งขัน โดยวิธีการยืนข้างสนามอาจเป็นสิ่งที่ถูก หรือผิด เค้าไม่รู้ แต่นั่นคือ “สไตล์” ของเค้า

เป้าหมายของ เชลซี ในลีกที่คอนเต้ มองว่า “หิน” เพราะสามารถมีได้ถึง 7 ทีมลุ้นแชมป์ คือ การ “ยืนระยะ” ไปสู้ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือต้องจบ “ท็อปโฟร์” ให้ได้เป็นอย่างน้อย

ส่วนตัวผมมองว่า “ไม่ง่าย” ในชั่วโมงนี้ที่อะไรใน “พรีเมียร์ลีก” เกิดขึ้นได้หมด และระดับหัวตารางล้วนระดมกุนซือ กับนักเตะที่ดีที่สุดกันเต็มพิกัด

การมี เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์, โจเซ่ มูรินโญ่, อาร์เซน เวนเกอร์, เจอร์เก้น คลอปป์, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, เคลาดิโอ รานิเอรี่ และคอนเต้ เองไม่นับตัวสอดแทรกอย่าง โรนัลด์ คูมันน์ ของเอฟเวอร์ตัน

พ่วงด้วยนักเตะระดับโลกชนิดทำให้พรีเมียร์ลีกมี “ตัวแทน” ส่งแข่งขันใน “ยูโร 2016” มากกว่าทุกลีก

มันทำให้อะไร ๆ ไม่ง่ายสำหรับบรรดา “ตัวละคร” ที่ต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันเฉพาะอย่างยิ่ง ดาราคนใหม่อย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ณ จุดที่แฟนบอลได้รับประโยชน์เต็มๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook