สกู๊ป : "ส่วนเกิน" ของทีมเก่า!

สกู๊ป : "ส่วนเกิน" ของทีมเก่า!

สกู๊ป : "ส่วนเกิน" ของทีมเก่า!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกเหนือจาก “ความยาก” ในการไขว่คว้าไล่ล่านักเตะใหม่ที่ต้องการแล้ว สิ่งที่ “ไม่ง่าย” ไปกว่ากัน คือ การจะกำจัด “ส่วนเกิน” นักเตะที่ไม่ต้องการได้อย่างไร?

ครับ มองกว้าง ๆ และแบบรวม ๆ ของการซื้อขายในตลาดนักเตะแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ มักคุ้นชินกับข่าวการ “จะซื้อ” นักเตะ

ประมาณว่า “ข่าวลือ” หรือข่าวความเคลื่อนไหวในการโยกย้ายสู่ว่าที่ทีมใหม่มากกว่า

หลัก ๆ แล้วจะเป็นมุมฝั่งผู้ซื้อ หรือผู้อยากได้ เพราะผู้ขายคงไม่ได้ออกมาประกาศถึงความคืบหน้าแน่ ๆ เนื่องจากไม่ต้องการให้เสีย “รูปคดี” (หากจะขอยืมคำพูดเหมือน “ตำรวจ” ตอนกำลังทำคดี)

เช่น พอล ป๊อกบา ก็จะมีข่าวล่าของ “ล่าสุด” เช่น แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่ได้มีการสรุป “เบอร์เสื้อ” ผู้เล่นประหนึ่งว่า รอใครสักคน หรือสองคน และแน่นอนว่า มีนักเตะฝรั่งเศสจากยูเวนตุสรวมอยู่ด้วย!

ขณะที่ยูเว่ จะให้ทำอะไรได้ครับ? นอกจากจะ “เงียบๆ” รอซื้อขายเสร็จ และได้เงินร่วม 100 ล้านปอนด์ หรือบอกได้เพียงว่า ไม่ได้ต้องการขายนักเตะเอกของทีมคนนี้

ให้ทีม “ม้าลาย” พูดอีกกี่ทีก็คงได้แค่ประมาณนี้นั่นแหละครับ ในมุมกำจัดส่วนเกินที่ผมเรียนไว้ข้างต้น พูดได้เลยครับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับผู้เล่นที่ยังมี “สัญญา” อยู่กับสโมสรฯ

ฮวน มาตา กับโจเซ่ มูรินโญ่ และแมนฯยูไนเต็ด แม้ตัวนักเตะสแปนิช จะเอ่ยปากขอสู้ต่อ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องดูด้วยครับว่า เป็นการต่อสู้แบบไม่มีหนทางชนะหรือไม่?

เพราะเรายังไม่ได้ยินอะไรใด ๆ จากมูรินโญ่ และไม่ทราบ “บรรยากาศ” ในการซ้อม รู้เพียงแต่ว่า ล่าสุดในเกมกับวีแกนที่ชนะ 2-0, “น้ามู” จับเฮนริค มคิห์ทาร์ยาน ลงตัวจริงก่อนแล้วจึงให้ มาตา ลงภายหลัง

สถานการณ์ของมิดฟิลด์สแปนิชจึงค่อนข้างน่าวิตก เพราะเป็นตัวสำรองแน่ ๆ แต่จะได้รับโอกาสหรือไม่ในอนาคต? ตอนคนอื่นๆ กลับมา หรือหากมีใครเติมเข้ามาอีก

อย่างไรก็ดีครับ “กรณี มาตา” ยังไม่ถือว่า เลวร้ายหากเทียบกับบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ เจอร์เก้น คลอปป์ หลังแมตช์อุ่นเครื่องที่ลิเวอร์พูลบุกชนะวีแกนด้วยสกอร์เดียวกับแมนฯยูฯ แต่เตะช้ากว่า 1 วัน

งานนี้พูดได้ “ชัดเจน” แจ่มแจ้งเลยครับ เพราะคลอปป์กล่าวว่า “มันไร้สาระหากจะทนอยู่ และไม่ได้เล่น”

ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้ “ระบุชื่อ” แต่สื่อมวลชนคาดการณ์ได้ไม่ยากว่า หมายถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ และคริสติยง เบนเตเก้ โดยอาจจะรวม ลาซาร์ มาร์โควิช เข้าไปด้วยอีกราย

ประเด็นในเรื่องนี้ และเหตุการณ์ลักษณะนี้มีอยู่ว่า กุนซือ + สโมสร ดูเหมือนไม่ต้องการนักเตะกลุ่มนี้แล้ว

(เราเรียกว่า fringe player ที่หากเทียบแล้วก็เหมือนดารา “เอ๊กซ์ตร้า” ที่ความสำคัญน้อยกว่า ตัวเอก – Main players และตัวประกอบ – Squad players)

สิ่งที่ง่ายที่สุดที่สโมสรฯทำได้ คือ “ยกเลิก” สัญญา ทว่าสโมสรฯต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนมาก หรือใกล้เคียงกับรายได้จนหมดอายุสัญญาที่มีอยู่

แน่นอนครับ สโมสรฯไม่ต้องการเสียเงินมากมายขนาดนั้น เว้นเสียแต่ว่า จะสามารถ “เจรจา” ประนีประนอมพบกันครึ่งทาง หรือเป็นตัวเลขที่เหมาะสมได้

จากนั้น นักเตะเหล่านั้นก็สามารถหาทีมใหม่ได้ โดยสามารถต่อรองสัญญาใหม่ได้เต็มที่ทั้งค่าเซ็น และค่าเหนื่อยที่สโมสรเดิมจะไม่ได้อะไรเลย

อย่างไรก็ดี กว่าจะถึง “จุดนั้น” ขั้นตอนก่อนหน้าก็ต้องมี เหมือนที่บาโลเตลลี่, เบนเตเก้ ฯลฯ ต้องทำตามกฎระเบียบสโมสร

ห้ามขาด, ลา, มาสาย ไม่ว่าจะได้ลง หรือไม่ได้ลงสนามก็ตาม หรือหากสโมสรฯจะบีบให้ไปเล่น/ไปซ้อมกับทีมสำรอง หรือกับเยาวชนก็ต้องทำ เพื่อรักษากฎ และผลประโยชน์พึงได้รับตามสัญญา

แต่ไม่ว่า สโมสรฯ และนักเตะจะปฏิบัติต่อกัน และกันอย่างไร สิ่งที่จะชัดเจนขึ้นๆ คือ มันจะเห็นอยู่ในตัวเองว่า สโมสรฯไม่ได้ต้องการนักเตะคนนั้นๆ แล้ว

นักเตะก็ต้องหาทางออกย้ายทีมไปเองผ่าน “เอเยนต์” ตัวเอง และกรณีนี้ สโมสรเดิมน่าจะได้ค่าตัวบ้าง อะไรบ้าง “วิน-วิน” กันไป

ที่สุดแล้ว มันต้อง “ลงตัว” ที่สโมสรฯไม่อยากแบกภาระค่าเหนื่อยจนหมดสัญญา แต่จะได้ค่าเซ็นหรือเปล่า คือ อีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนผู้เล่นก็จะได้ชีวิตใหม่ สัญญาใหม่ กับทีมใหม่ซึ่งน่าจะได้เงินค่าเหนื่อยใกล้เคียงกับเดิม แต่อาจ “จำยอม” ไปอยู่ทีมที่เล็กกว่า

ทว่า ผมพุดได้เลยว่า การเป็นส่วนเกินของทีมเดิม แต่จะไปเป็น “ตัวจริง” ของทีมใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook