ตัวตนของคล็อปป์

สัปดาห์นี้ยังเป็นช่วงของการออกตระเวณอุ่นเครื่องของบรรดาทีมชั้นนำของโลก ซึ่งบางทีมก็อยู่ทวีปอเมริกาเหนือ, บางทีมก็อยู่เอเชีย หรือ ออสเตรเลีย ก็ว่ากันไปตามโปรแกรมที่จะมีเตะกัน

ผมว่าแฟนๆคงได้เห็นฟอร์มของบรรดาทีมรักกันไปบ้างแล้วจากแมทช์ที่ผ่านมา บางทีมยังต้องมีจุดที่ต้องปรับต้องจูนกันเยอะ บางทีมเหลือแค่เสริมตรงนี้นิดตรงนั้นหน่อยก็น่าจะดูพร้อมสำหรับการแข่งขันฤดูกาลใหม่กันแล้ว

สำหรับทีมดังอย่างลิเวอร์พูลที่ผมอยากจะพูดถึงในสัปดาห์นี้ ไม่ใช่เรื่องของฟอร์มการเล่นหรือการซื้อขายนักเตะ แต่ผมอยากจะชวนให้แฟนๆเดอะ ค็อปป์ หรือ แฟนบอลทั่วไป ลองสังเกตุลิเวอร์พูลจากนี้ไป

ภายใต้การทำงานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าน่าจะเป็นช่วงของจริงแล้วล่ะ หลังจากที่ช่วง 7-8 เดือนที่มารับงานต่อจาก แบรนเด้น ร็อดเจอร์ส เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เป็นเหมือนการปล่อยไก่ ว่าไงว่ากัน สบายๆสไตร์ เบิร์ดๆ

แต่เมื่อกลับมารีสตาร์ทกันใหม่ หลังจบยูโร นักเตะที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมชาติ ได้พักอย่างเต็มที่ บางส่วนติดทีมเพื่อภาระกิจของชาติก็ได้พักนานกว่าเพื่อนหน่อย แต่เมื่อนักเตะมารวมกันครบทุกอย่างต้องเดินหน้า

ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วในรั้วหงส์แดง โดยคล็อปป์ ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทีมเพื่อให้เข้ากับรุปแบบการเล่นของเขานักเตะคนไหนใช้ได้เก็บไว้ในแผน ส่วนคนไหนดูแล้ว น่าจะเป็นส่วนเกิน ไม่รีรอที่จะขาย เก็บไว้ก็เป็นการปิดโอกาสนักเตะคนนั้นๆที่จะได้ร่วมทีมใหม่เปล่าๆ

นับถึงตอนที่ผมนั่งปั่นต้นฉบับอยู่นี้ลิเวอร์พูล ถ่ายนักเตะออกจากทีมไปแล้ว 11 คน นับจากวันที่ 1 กรกฏาคม เป็นต้นมา มีเงินเข้าคลังรวม 46 ล้านปอนด์ จริงอยู่มันไม่ใกล้เคียงกับจำนวนที่ คล็อปป์ จ่ายไปในซัมเมอร์นี้

อย่างน้อยนี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า เขากำลังจัดการกับทีมใหม่ ถามว่ามีนักเตะกี่คนในกลุ่มที่ถูกปล่อยออกไปน่าเก็บไว้ใช้งานบ้าง ผมก็ตอบได้เลยตามความเห็นผมว่า มีหลายคน

อย่างน้อยก็มี มาร์ติน สเคอร์เทล ที่เอาไว้เป็นอะไหร่ได้ หรือ โจ อัลเล่น จอมขยันชั้นดี แม้กระทั้ง แบร็ด สมิธ แบ็กซ้ายดาวรุ่งจากออสเตรเลียที่ผมแอบเสียดาย

ส่วนพวก เฌโรม ซินแคลร์ ดาวรุ่งเจ้าปัญหานั้น เจ้าตัวอยากย้ายหนีอยู่แล้ว คล็อปป์ ให้โอกาสคิดใหม่ครั้งเดียว แต่เจ้าตัวยืนยันที่จะไป ซึ่ง คล็อปป์ เองแน่นอนไม่รั้งเอาไว้

ขณะที่ จอร์ดอน ไอบ์ อยู่ไปยังไงก็ไม่รุ่ง คล็อปป์ เลยเปิดโอกาสให้ย้ายทีมไปเล่นในทีมที่เขามีโอกาสลงเป็นตัวจริงมากกว่า

มาถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของคล็อปป์ ก็คือ การส่ง มามาดู ซาโก้ กลับอังกฤษ หลังจากที่เจ้าตัวทำเกินงาม หรือ ภาษาบ้านเราเรียกไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไป รบกวน คล็อปป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์

ทั้งๆที่ตัวเองมาซ้อมช้ากว่าคนอื่น แถมยังยิงคำถามยี่ยวนกวนใจ แทรกคำถามของนักข่าวที่เป็นทีมงานของ แอลเอฟซี ทีวี ด้วย แม้คล็อปป์ เองจะแกล้งยิ้มตอบคำถามของ ซาโก้ แบบขอผ่านๆไปที

คราวนี้แหละจะได้สำนึกบางว่าจะเล่นอะไรกับคล็อปป์ ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ขนาดเป็นช่วง พรีซีซั่น นะครับ คิดดูจากนี้เมื่อฤดูกาลเริ่มต้นขึ้นความเข้มงวดของ คล็อปป์ จะมากขึ้นแค่ไหน

ผลล่ะอดเป็นห่วงอนาคตของ ซาโก้ ไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะแค่เหตุการณ์นี้เท่านั้น แต่ย้อนกลับไปปลายฤดูกาลที่แล้ว ที่แกไปถูกตรวจพบสารกระตุ้น ทำให้โดนพักไปหลายเกม ผมว่า คล็อปป์ เอง

คงแอบไม่พอใจ ซาโก้ อยู่เหมือนกัน แม้ว่าภายหลังผลการพิสูจน์จะออกมาว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ตำแหน่งของเขามีคู่แข็งเพิ่มอย่าง รักนาร์ คราวาน

และ โจแอล มาติป 2 คนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา ดีไม่ดีกลับไป ซาโก้ อาจจะนั่งสำรองยาวเลยก็ได้

พื้นฐานความมีวินัยของคนเยอรมันนี่แหละจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้ คล็อปป์ ผสมผสานนักเตะลิเวอร์พูลให้อยู่ในแนวทางของเขา เหมือนในยุคที่ แมนฯยู ยังไม่ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมอยู่

เห็นท่านเซอร์ยิ้มๆเหมือนคนแก่ใจดี แต่ในยามที่ต้องตัดสินใจอะไรท่านเซอร์ ไม่เคยลังเล และแสดงให้เห็นว่านักเตะไม่มีทางยิ่งใหญ่กว่าสโมสร คล้ายๆกันกับคล็อปป์ ในชั่วโมงนี้ที่เริ่มจะหยิบเอาไม้แข็งมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ

บางทีในฤดูกาลนี้รอยยิ้มของคล็อปป์อาจจะทำให้นักเตะรู้สึกหนาวๆร้อนๆกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้

ปัญหาเดียวของ คล็อปป์ ที่ต้องจัดการก่อนเปิดฤดูกาลก็คือกองหน้าที่ล้นทีม แถมมีส่วนเกินอย่าง มาริโอ บาร์โลเตลี่ และ คริสติยง เบนเตเก้ ดูว่าทั้งคู่จะได้ย้ายไปร่วมทีมไหน เพราะดูไป คล็อปป์ คงไม่อยากฝากความไว้วางใจไว้แล้ว

เอาล่ะลิเวอร์พูล จากนี้ไปคือคล็อปป์ ตัวจริงแล้วนะ จะทำอะไรขอให้ตั้งใจและทุ่มเท ไม่เช่นนั้น แม้คุณจะเป็นนักเตะดังแต่คุณอาจจะกลายเป็นนักเตะส่วนเกินของทีมในสายตาของ คล็อปป์จอมเข้มงวดก็เป็นได้